ตอนที่ 255 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"นายท่าน ชาวอูหวนโลภต่อทรัพย์สมบัติเพียงเล็กน้อย ทั้งยังมีวินัยทหารที่หย่อนยาน หากว่าพวกเราโยนสัมภาระทิ้งไประหว่างทาง เมื่อทหารม้าอูหวนพบเห็น พวกเขาจะต้องเกิดการต่อสู้แย่งชิงเพื่อสิ่งเหล่านี้แน่นอน จากนั้นเมื่อทัพเราพลันปรากฏตัวขึ้นและเข้าโจมตี จะต้องสังหารทหารม้าเฟยฉีและทหารม้าอูหวนที่ไม่ทันระวังได้เป็นแน่" เตียนห้องกล่าว

อ้วนเสี้ยวตาเป็นประกาย "ดี ทำตามแผนของหยวนเฮ่า ให้แม่ทัพงันคอยสืบข่าวความเคลื่อนไหวของทหารม้าเฟยฉีและทหารม้าอูหวนอย่างใกล้ชิด"

..........................

ทางด้านลิโป้และเป๊กตุ้นที่นำทหารม้าไล่ตามมา พวกเขาสามารถมองเห็นทัพกิจิ๋วอยู่ไกลๆ เป๊กตุ้นเร่งให้ทหารของเขาเร่งความเร็วขึ้น ในความเห็นของเขา ัดนี้ทัพกิจิ๋วเป็นดั่งนกหวาดเกาทัณฑ์ หากสังหารและแย่งชิงอาวุธชุดเกราะมาได้ก็จะเป็นผลดีต่อทัพอูหวน

ทหารม้าอูหวนเมื่อมองเห็นสิ่งของถูกทิ้งกระจัดกระจายอยู่ตามรายทาง พวกเขาก็ตาเป็นประกาย พวกเขาต่อสู้ก็เพื่อผลประโยชน์ ดังนั้นปฏิกิริยาแรกหลังจากได้เห็นคือพุ่งเข้าไปคว้าเก็บไว้เพราะกลัวจะถูกทหารที่ตามมาทางด้านหลังแย่งชิงไป

สองข้างทางมีสัมภาระจำนวนมาก ทหารม้าอูหวนคนแล้วคนเล่าขี่ม้าพุ่งไปหาสิ่งของเหล่านั้น ทำให้เกิดเป็นความวุ่นวายขึ้นมา

เมื่อเห็นว่าทหารม้าเฟยฉียังนิ่งเฉยรอคำสั่ง สีหน้าของลิโป้ก็ดีขึ้น เขาแค่นเสียงก่อนจะหันไปกล่าวกับเป๊กตุ้นว่า "ทัพกิจิ๋วทิ้งสัมภาระไว้ที่นี่ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นอุบายใด กองทัพอยู่ห่างไปไม่ไกล อาจจะวกกลับมาได้ทุกเมื่อ ให้ท่านควบคุมทหารไว้"

เป๊กตุ้นสั่งให้แม่ทัพเข้าไปควบคุมทหารที่แตกแถว หากแต่สถานการณ์กลับไม่ดีขึ้นแม้แต่น้อย เมื่อเห็นสิ่งของมีค่า ทหารอูหวนก็ไม่อาจตัดใจจากไป ดังนั้นเวลานี้คำสั่งของแม่ทัพจึงไม่มีผลต่อพวกเขา

ทันใดนั้น ทหารเซียนเติงที่หมอบซุ่มอยู่ในภูเขาก็พลันเข่นฆ่าออกมา ทหารเซียนเติงมีความชำนาญในการรับมือกับทหารม้า เมื่อเผชิญกับทหารม้าศัตรูที่กำลังวุ่นวายโกลาหล พวกเขาก็ไม่ได้แสดงความปราณีแต่อย่างใด ทหารม้าอูหวนที่กำลังแย่งชิงเสบียงกันอยู่ เผชิญกับการโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว พวกเขาก็ไม่อาจต้านทานได้ ต้องหนีเตลิดกลับมา

ทัพอูหวนทราบดีว่าทหารเซียนเติงแข็งแกร่งเพียงใด แม้แต่ทหารม้าขาวที่ร้ายกาจยังถูกทหารเซียนเติงทำลายย่อยยับ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงพวกเขา

ลิโป้ขมวดคิ้วขณะมองดูทหารม้าอูหวนที่หลบหนีกลับมา พวกเขาก่อกวนจนทหารม้าเฟยฉีเสียรูปขบวน หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ทหารเฟยฉีเองก็ถูกศัตรูทำลายไปด้วย

ตอนนี้เอง เสียงกลองศึกก็ดังขึ้นมาจากรอบทิศ จากนั้นทหารกิจิ๋วจำนวนมากก็กรูกันออกมาจนมืดฟ้ามัวดิน

ลิโป้เหลือบมองเป๊กตุ้นด้วยความไม่พอใจ ต้องบอกว่าเพราะความโลภของชาวอูหวน สถานการณ์จึงกลับกลายเป็นเช่นนี้ มิเช่นนั้นด้วยกำลังของทหารม้าเฟยฉีและทหารม้าอูหวนแล้ว ต่อให้ทัพกิจิ๋วจะเข่นฆ่าออกมา พวกเขาก็ไม่อาจมีเปรียบใด

"ถอย!" ลิโป้ได้แต่สั่งถอยอย่างไม่เต็มใจ ในสนามรบที่สับสนวุ่นวายเช่นนี้ ทหารม้าเฟยฉีก็ไม่อาจสำแดงพลังรบได้อย่างเต็มที่ ยังไม่ต้องกล่าวถึงว่าทัพกิจิ๋วกล้าวางกำลังซุ่มโจมตีอยู่ที่นี่ แสดงว่าจะต้องมีที่พึ่ง เขาไม่อาจเอาชีวิตของทหารม้าเฟยฉีไปล้อเล่นได้

เมื่อเห็นว่าลิโป้นำทหารม้าเฟยฉีล่าถอยไปแล้ว บนใบหน้าของเป๊กตุ้นก็ทอแววอับอาย เขาทราบว่าสถานการณ์คับขัยเร่งด่วน หากทหารอูหวนไม่ถอยทัพในตอนนี้ ความสูญเสียก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น เป๊กตุ้นกัดฟันกรอด จากนั้นจึงออกคำสั่งให้ถอยทัพ

ทหารเซียนเติงและทหารกิจิ๋วไล่เข่นฆ่าทัพศัตรู สังหารทหารม้าอีกฝ่ายไปได้เกือบสามร้อยคน และจับเป็นทหารม้าอูหวนได้อีกราวสามร้อยคน ทำให้ทัพอูหวนอ่อนแอลงมาก เป็นเพราะความโลภของพวกเขา ทัพอูหวนจึงต้องสูญเสียแม่ทัพและไพร่พลไปอีกครั้ง

ด้วยชัยชนะในครั้งนี้ อ้วนเสี้ยวจึงค่อยเบาใจลงได้ อย่างน้อยในช่วงเวลานี้ ทัพปิ้งโจวก็จะไม่ไล่ตามมา แม้ว่าที่พวกเขาสังหารไปจะเป็นทหารม้าอูหวน แต่ชัยชนะในครั้งนี้ก็ทำให้ขวัญกำลังใจของทัพกิจิ๋วเพิ่มขึ้นอักโข จะเห็นได้จากสีหน้าที่กลับมามีชีวิตชีวาของพวกทหารยามพูดคุย

ชัยชนะครั้งนี้มีความสำคัญต่อทัพกิจิ๋วยิ่ง ที่พวกเขาเอาชนะได้ก็คือทหารม้าเฟยฉีและทหารม้าอูหวน แม้ว่าทหารม้าเฟยฉีจะถอยทัพกลฃับไปก่อนโดยปราศจากความสูญเสีย ทว่าการจับเชลยชาวอูหวนได้นั้นก็เป็นเรื่องจริง

ลิโป้มองเป๊กตุ้นด้วยสีหน้ามืดครึ้มพลางกล่าวว่า "นี่น่ะหรือทหารชั้นยอดแห่งอูหวน? เพียงเห็นสิ่งของตามข้างทางก็ไม่รับคำสั่งแล้ว"

เป๊กตุ้นทราบดีว่าความล้มเหลวในครั้งนี้เกิดจากทหารม้าอูหวนทั้งสิ้น เขากุมหมัดขึ้นตอบด้วยความอับอาย "จิ้นโหว นี่เป็นความผิดของทหารม้าอูหวนเองขอรับ"

"ช่างเถอะ มากล่าวเอาตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ทัพกิจิ๋วทิ้งห่างไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะไล่ตามไป ถอนทัพเถอะ" ลิโป้ถอนหายใจ ทั้งที่นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะตัดทอนกำลังของอ้วนเสี้ยวแท้ๆ มิคาดว่าจะต้องพลาดโอกาสทองไปเพราะชาวอูหวน กล่าวได้ว่า สำเร็จก็เพราะอูหวน ล้มเหลวก็เพราะอูหวน หากว่าก่อนหน้านี้ ทัพกิจิ๋วยังมีสภาพดุจสุนัขสูญเสียเจ้าของ ชัยชนะครั้งนี้ก็จะเรียกขวัญกำลังทหารกลับมา ทำให้ยากจะทำลายทัพกิจิ๋ว ยังไม่ต้องกล่าวถึงว่าทัพกิจิ๋วยังมีไพ่ตายอย่างทหารเซียนเติงอยู่

..............................

เมื่อได้ยินคำบ่งบอกบรรยายจากเหล่าแม่ทัพที่ติดตามไป กุยแกก็กล่าวแนะนำว่า "นายท่านไม่ต้องกังวล เมื่อทัพกิจิ๋วเคลื่อนกำลังมายังอิวจิ๋วครั้งนี้ ต่อให้สูญเสียแม่ทัพและไพร่พลไปมากมายเพียงใด พวกเขาก็จะไม่ยอมคายเมืองจี้ออกมาแน่ ทัพเราเพียงต้องป้องกันเมืองทั้งสี่ อันได้แก่ ไต้จิ๋ว ซ่างกู่ ยีหยง และปักเป๋งเอาไว้ เมื่อเป็นเช่นนี้อ้วนเสี้ยวก็ยากจะก่อการใดๆในอิวจิ๋ว ชาวอูหวนห้าวหาญชาญศึกในการรบ ดังนั้นจึงไม่ควรมองข้ามพวกเขา จะดีกว่าหากพวกเราทำการปลอบโยนชาวอูหวน มันอาจจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งยามที่นายท่านต้องการจะรวบรวมอิวจิ๋วให้เป็นปึกแผ่น"

ลิโป้พยักหน้ากล่าวว่า "ดีที่เฟิ่งเซี่ยวกระตุ้นเตือน มิเช่นนั้นข้าคงพลาดโอกาสไป ให้คนไปแจ้งต่อเป๊กตุ้น บอกว่าทัพปิ้งโจวจะจัดงานเลี้ยงขึ้นในค่าย เชิญชวนแม่ทัพอูหวนทั้งหลายมาเข้าร่วม"

ทัพอูหวนตั้งค่ายอยู่ที่นอกเมือง หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ลิโป้ก็ไม่ได้คิดในแง่ดีเกี่ยวกับวินับทหารของทัพอูหวนอีก นอกจากนั้นแล้ว ชาวเมืองปักเป๋งยังเกลียดชังชาวอูหวนเข้ากระดูกดำ หากให้พวกเขาได้เห็นชาวอูหวนเข้าเมืองมา เกรงว่าจะเกิดการลุกฮือเอาได้

"นายท่าน ภายในเมืองปักเป่งอาจจะยังไม่สงบขอรับ" กุยแกเหลือบซ้ายแลขวาก่อนจะกระซิบบอก

"เฟิ่งเซี่ยวมีข่าวใด?" ลิโป้เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ นับตั้งแต่เข้าเมืองปักเป๋งมาได้ เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเมืองปักเป๋งนั้น ลิโป้ก็มอบหมายให้กุยแกจัดการดูแล

กุยแกค่อยๆกล่าวว่า "ภายในปักเป๋งมีตระกูลใหญ่อยู่สงอตระกูล นั่นคือตระกูลเหยียนและตระกูลเล่า ตระกูลกองซุนมีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขา หลังจากได้ทราบว่ากองซุนซู่พักอยู่ภายในเมือง ทั้งสองตระกูลก็ลอบส่งคนมาเยี่ยมคำนับกองซุนซู่เป็นการลับอยู่หลายหน ในระยะหลังมานี้ พวกเขายังมีการติดต่อกันถี่ขึ้น เกรงว่าพวกเขาคงมีแผนการไม่เล็ก นอกจากนั้น กองซุนซู่ยังแวะไปเยี่ยมเถียนยู่อยู่หลายครั้ง"

ดวงตาของลิโป้สาดประกายจริงจัง "หากว่ากองซุนซู่ทำตัวดี เขาก็ยังสามารถอาศัยหน้าตาของกองซุนจ้านในการอยู่ดีกินดีได้โดยไร้กังวล ทว่าหากเขามีตาแต่ไร้แวว เช่นนั้นก็อย่าได้ตำหนิว่าข้าไม่นึกถึงน้ำใจเก่าก่อน" หลังจากอยู่ในอำนาจมานาน จิตใจของลิโป้ก็เย็นชาขึ้น สำหรับสิ่งใดที่เป็นภัยคุกคามต่อปิ้งโจว มีเพียงการกำจัดทิ้งเท่านั้นจึงจะได้ผลที่สุด

"ทั้งสองตระกูลไม่มีกำลังทหารอยู่ในมือ ทหารภายในเมืองทั้งหมดล้วนเป็นทหารจากทัพปิ้งโจว ขอเพียงเฝ้าควบคุมด้วยความระวัง คาดว่าคงไม่เกิดเรื่องร้ายแรงใด กองซุนซู่เป็นบุตรชายของกองซุนจ้าน ตระกูลกองซุนนับว่ามีอิทธิพลภายในเมืองอย่างมาก" กุยแกกระซิบบอก

ถึงอย่างไรกองซุนซู่ก็เป็นทายาทที่เหลือเพียงคนเดียวของกองซุนจ้าน กุยแกกลัวว่าลิโป้จะบันดาลโทสะจนสั่งเอาชีวิตกองซุนซู่ หากว่าเป็นเช่นนั้น เมืองปักเป๋งก็จะยิ่งวุ่นวาย ในช่วงนี้เขาได้สัมผัสกับบารมีของกองซุนจ้านภายในเมืองปักเป๋งมากับตัว บารมีของเขายังเหนือกว่าทัพปิ้งโจวที่เพิ่งเข้าปกครองเมืองปักเป๋งอยู่มาก ชาวเมืองล้วนสำนึกขอบคุณต่อกองซุนจ้าน เมื่อได้ยินข่าวการตายของกองซุนจ้าน หลายคนกระทั่งจัดพิธีอำลาอาลัยขึ้นภายในเมือง