"ท่านประมุข ทหารม้าของเราพ่ายแพ้แล้วขอรับ!" หัวหน้าทหารที่รับผิดชอบหน่วยสอดแนมรีบวิ่งเข้ามารายงานด้วยใบหน้าขาวซีด แม้แต่ทหารม้าของพวกเขาก็พ่ายแพ้ไปแล้ว นั่นหมายความกองทัพของพวกเขาถูกตัดขาดจากความช่วยเหลือแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์การรบในตอนนี้ก็ไม่สู้ดี แม้จะมีเปรียบด้านจำนวน ทว่าอีกฝ่ายยังมีทัพม้า
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เซียนเป่ยตะวันตกไม่อาจแบกรับการสูญเสียอย่างมหาศาลเช่นนี้ได้ ในแง่ของประชากรนั้น ชาวเซียนเป่ยก็ยากจะเทียบกับชาวฮั่น
"ส่งยอดนักรบของชนเผ่าต่างๆออกไป พวกเขาคือความภาคภูมิใจของเซียนเป่ย ต้องยืนหยัดต้านทานกองทัพฮั่นให้ได้" ปู้ตู้เกินต้องการจะบอกว่าต้องสังหารชาวฮั่นทั้งหมดให้ได้ แต่การกล่าวเช่นนั้นดูจะเป็นไปได้ยากเกินไป
ศึกระหว่างทหารม้าจบลงแล้ว เป็นการศึกที่ดุเดือดศึกหนึ่ง แม้แต่ทหารม้าเฟยฉีที่เก่งกาจที่สุดของปิ้งโจวก็ยังได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้า
ฝุ่นทรายปลิวลอยตลบ ในสนามรบเต็มไปด้วยความวุ่นวาย บังเกิดเสียงโห่ร้องประหลาดของชาวเซียนเป่ยดังขึ้นมาเป็นครั้งคราว ลิโป้ทราบว่าโกซุ่นและเตียวเลี้ยวมาถึงแล้ว นี่เป็นโอกาสที่เขารอคอย ทัพเฟยฉีต้องคอยดึงความสนใจจากหน่วยสอดแนมของเซียนเป่ยอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายก็สามารถทำให้ชาวเซียนเป่ยที่หยิ่งผยองเหล่านั้นเข้าใจว่าทัพของเขาติดกับแล้ว
พวกเขาย่อมไม่คิดไม่ฝันว่าแท้จริงแล้ว แผนการของทัพฮั่นคือการทำลายทัพใหญ่ของพวกเขาตั้งแต่แรก ทำให้พวกเขาไม่อาจรุกรานปิ้งโจวไปได้พักใหญ่
"พี่น้องทั้งหลาย! ทัพหนุนของพวกเรามาถึงแล้ว ฆ่า!" ลิโป้ที่ตามชุดเกราะแปดเปื้อนโลหิตยกชูทวนในมือ ย่ำอัคคีที่อยู่ใต้ร่างของเขาก็พุ่งออกไปประดุจเกาทัณฑ์หลุดจากแล่ง เข่นฆ่าเข้าหาทัพใหญ่ของเซียนเป่ย
หลังจากผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือด ทหารม้าเฟยฉีก็รู้สึกเหนื่อยล้าอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นทหารเซียนเป่ยกำลังถูกเข่นฆ่า พวกเขาก็รู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่าน นี่เป็นศัตรูคู่แค้นของชาวฮั่น เป็นศัตรูอันร้ายกาจ บัดนี้โอกาสได้มาถึงแล้ว แล้วจะปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร นี่อาจจะเป็นโอกาสเดียวในชีวิต อาจจะเป็นโอกาสเดียวที่ปิ้งโจวจะได้ลืมตาอ้าปาก ไม่ใช่ชาวเซียนเป่ยชอบอวดอ้างว่าตนเองมีทัพม้าที่เก่งกาจที่สุดในแผ่นดินหรอกหรือ? ดี เช่นนั้นมาดูกันว่าทัพม้าเหล็กของปิ้งโจวจะกวาดล้างทหารราบเซียนเป่ยอย่างไร
ในกองทัพเซียนเป่ยเริ่มวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากทหารม้าเฟยฉีเข้าร่วมสนามรบ สถานการณ์ของทัพเซียนเป่ยก็มีแต่จะเลวร้ายลง
หน่วยทะลวงค่ายบุกจู่โจมทัพเซียนเป่ยด้วยสภาวะปานผ่ากระบอกไม้ไผ่ ที่ด้านหลังของพวกเขายังมีทหารอีกสองพันติดตามมาอย่างกระชั้นชิด ภารกิจของพวกเขาคือกำจัดพวกปลาเล็กปลาน้อยที่หลุดรอดจากร่างแห พวกเขาทำให้ทหารเซียนเป่ยต้องตื่นตระหนก และทำให้เหล่าทหารที่ติดตามอยู่ทางด้านหลังได้มีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม
เซียนเป่ยที่สูญเสียทัพม้าก็เปรียบได้กับเสือที่ถูกถอดเขี้ยวเล็บ ปู้ตู้เกินตัดสินใจจะล่าถอย ขืนยังสู้อยู่ที่นี่ต่อไป เกรงว่ากำลังทหารทั้งหมดของเขาคงต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกจนปัญญาที่สุดก็คือทัพม้าเฟยฉี เขาทราบความเร็วในการเคลื่อนทัพของทหารม้าทัพนี้ดี ต่อให้เขาจะนำกำลังตีฝ่าวงล้อมได้สำเร็จ เขาก็จะต้องเผชิญกับการไล่ล่าจากทหารม้าเฟยฉีไม่รู้จบ
"ท่านประมุข รีบสั่งถอยทัพเถอะ อาวุธและเกราะของทหารฮั่นเหล่านั้นเหนือกว่าเรา ทั้งฝีมือการรบยังร้ายกาจยิ่ง นักรบของเราไม่อาจสู้ศึกต่อไปแล้ว" แม่ทัพนายหนึ่งก้าวเข้ามาเกลี้ยกล่อม
สถานการณ์การรบในปัจจุบันทำให้บรรดาแม่ทัพนายกองของเซียนเป่ยพากันหน้าดำคร่ำเครียด บัดนี้พวกเขาเข้าใจความรู้สึกของชาวเซียนเป่ยภาคกลางแล้ว
หลังจากมีทัพเฟยฉีเสริมเข้ามา ตราชั่งแห่งชัยชนะก็ค่อยๆโน้มเอียงไปทางฝั่งปิ้งโจว
ปู้ตู้เกินสั่งถอยทัพ หลังจากนำทหารเซียนเป่ยสองหมื่นกว่าคนตีฝ่าวงล้อม หลังจากออกมาได้แล้ว ปู้ตู้เกินก็เหลือทหารเพียงหมื่นกว่า ส่วนที่เหลือนั้นหากไม่ถูกฆ่าตายก็เลือกที่จะยอมจำนน
ลิโป้ย่อมไม่ปล่อยให้ปู้ตู้เกินและกองทัพของเขากลับไปยังเซียนเป่ยตะวันตกได้ง่ายๆ เขาต้องการจะคิดบัญชีกับปู้ตู้เกินจนทำให้เขาต้องจำฝังใจ เพื่อบอกว่าชาวฮั่นไม่ใช่ลูกพลับนิ่มที่เขาคิดจะมาบีบได้ง่ายๆ
ทัพม้าเฟยฉีและกองพลหมาป่าติดตามไล่หลังทัพเซียนเป่ยอย่างกระชั้นชิด คอยโจมตีตอดเล็กตอดน้อยจนทำให้ทหารเซียนเป่ยต้องหลบหนีอย่างยากลำบาก เมื่อหลายครั้งเข้า ปู้ตู้เกินก็เกิดความคิดชั่ววูบที่จะหันกลับไปสู้กับทหารฮั่นให้ตายกันไปข้างหนึ่ง แต่ความมีเหตุผลในตัวเขาก็บอกว่า หากหันกลับไปสู้ พวกเขาก็อาจจะรอดไปไม่ได้แม้แต่คนเดียว
ชาวเซียนเป่ยที่เรียกขานตนเองเป็นนักรบแห่งทุ่งหญ้า มาบัดนี้กลับต้องหลบหนีทหารม้าของศัตรูอย่างหัวซุกหัวซุน พวกเขาไม่เคยรู้สึกเกรงกลัวทัพใดเช่นนี้มาก่อน ทันทีที่เห็นรูปเหยี่ยวบินและธงรูปหมาป่าโบกสะบัดอยู่ไกลๆ ความเร็วในการเดินทัพของทหารเซียนเป่ยจะเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน นี่เป็นพลังแฝงอันยิ่งใหญ่ที่เกิดจากเงามรณะกรายกล้ำศีรษะ....
หลังจากถูกโจมตีก่อกวนครั้งแล้วครั้งเล่า ปู้ตู้เกินก็พลันรู้สึกว่า หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป แม้เขาจะกลับไปที่เผ่าได้ เขาก็คงเหลือกำลังทหารเพียงหยิบมือ
"ท่านประมุข ชาวฮั่นยึดถือเรื่องพิธีรีตองมาโดยตลอด ขอเพียงพวกเราส่งคณะทูตไปขออ่อนน้อมต่อแม่ทัพฮั่น พวกเขาจะต้องถอนกำลังกลับไปเป็นแน่แท้ และหากว่าพวกเราอ้างว่าจะยอมอยู่ใต้อาณัติของพวกเขา ดีไม่ดี พวกเราอาจจะได้รับรางวัลเสียด้วยซ้ำ" นายกองพันผู้หนึ่งกล่าวเกลี้ยกล่อม บรรดาระดับผู้นำของเซียนเป่ยต่างก็ยึดถือว่าชาวฮั่นนั้นสามารถหลอกได้ง่าย บางคราพวกเขายังรักศักดิ์ศรีหน้าตายิ่งกว่าาสิ่งใด กระทั่งยังอาจมอบรางวัลเป็นการปลอบใจอีกด้วย
ปู้ตู้เกินพยักหน้าด้วยสีหน้าจนใจ การที่ต้องสู้พลางถอยอย่างยาวนานทำให้นักรบแห่งทุ่งหญ้าเหล่านี้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยทั้งกายใจ ในชีวิตของเขาไม่เคยได้รับความอัปยศถึงเพียงนี้มาก่อน หากมีโอกาสเลือกได้อีกครั้ง เขาจะไม่ขอต่อสู้กับกองทัพปิ้งโจวแน่นอน คนกลุ่มนี้ล้วนแต่เป็นคนเสียสติ เป็นกลุ่มคนเสียสติไร้เหตุผล พวกเขาต่อสู้อย่างบ้าคลั่งราวกับชาวเซียนเป่ยทุกคนไปฆ่าครอบครัวของพวกเขา
.......................................
เมื่อได้รับรายงานว่าชาวเซียนเป่ยแต่งคณะทูตมาขอเข้าพบ ลิโป้ก็แสยะยิ้มพลางยกนิ้วโป้งให้กุยแก
แม้กุยแกจะรู้สึกแปลกๆอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังเผยยิ้มออกมา
"ให้คณะทูตจากเซียนเป่ยเข้ามาได้" ลิโป้เอ่ยปาก
ทูตจากเซียนเป่ยเหลือบมองทหารชาวฮั่นที่มองอย่างเย้ยหยันด้วยสีหน้าดำทะมึน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารับหน้าที่ทูตมาเจรจากับชาวฮั่น ในความคิดของเขานั้น การเจรจากับชาวฮั่นนั้นสะดวกสบายยิ่ง ทุกครั้งชาวฮั่นไม่เพียงแต่จะไม่ลงโทษ แต่ยังมอบสิ่งของเพื่อปลอบใจ บางครั้งกระทั่งมอบเสบียงอาหารเพื่อช่วยจุนเจือให้ชาวเซียนเป่ยข้ามผ่านฤดูหนาวเสียด้วยซ้ำ
ต้าฮั่นกับเซียนเป่ยนั้นก็เหมือนนิทานชาวนากับงูเห่า สิ่งแรกชาวเซียนเป่ยจะนึกถึงเมื่อเกิดภัยพิบัตินั้นไม่ใช่พ่อแม่ของพวกเขา หากแต่เป็นชาวฮั่น ชาวฮั่นเป็นประเทศที่มีพิธีรีตอง ขอเพียงกล่าววาจาหวานหูออกไป ชาวฮั่นก็จะมอบเสื้อผ้าและอาหารชั้นดีออกมา นับเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าราวกับได้เปล่า
เพียงแต่เมื่อชนเผ่าเซียนเป่ยแข็งแกร่งมากขึ้น พวกเขาก็ไม่พอใจจะรั้งอยู่เพียงในทุ่งหญ้า เมืองอันศิวิไลซ์ของชาวฮั่นก็คือสิ่งที่พวกเขาหมายตา เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี พวกเขาก็จะไปยังชายแดนฮั่นเพื่อกักตุนเสบียงให้เผ่าต่างๆสามารถรอดพ้นฤดูหนาว สิ่งนี้คล้ายกลายเป็นการฝึกประจำปีของพวกเขาไปแล้ว
"เจ้าเป็นใคร?" ลิโป้เอ่ยถามเสียงเย็น
"ข้าน้อย อาเหยียนตัว เป็นทูตจากเซียนเป่ย" อาเหยียนตัวตอบด้วยน้ำเสียงทะนงตน เขาเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญภาษาต้าฮั่นที่สุด ทั้งยังมีความเข้าใจในนิสัยใจคอของชาวฮั่น สามารถรับหน้าที่เป็นทูตมาเจรจาได้ แสดงว่าฐานะของเขาเองก็ไม่ต่ำทราม แม้ว่าครั้งนี้ชาวเซียนเป่ยจะพ่ายแพ้ แต่หลังจากนี้อีกสักสองสามปี ชาวเซียนเป่ยก็จะสามารถสร้างกองทหารม้าชั้นยอดขึ้นมาได้อีกครั้ง
ลิโป้แค่นเสียงก่อนจะกล่าวว่า "ข้าคือเจ้าเมืองปิ้งโจว ลิโป้ เจ้ามีอะไรก็รีบกล่าวมาเถอะ"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved