"หวังว่าข้าเพียงคิดมากไปเอง" หลังเดินออกมาจากจวนเจ้าเมือง เตียนห้องก็เงยหน้ามองฟ้าพลางทอดถอนใจ เขาเป็นกังวลถึงความปลอดภัยของจอสิวอย่างมาก ขณะที่เมืองปักเป๋งถูกตีแตก จอสิวจะสามารถหลบหนีออกมาได้หรือไม่? และด้วยนิสัยใจคอของจอสิวแล้ว หลังจากถูกทัพปิ้งโจวจับตัวไว้ได้จะสามารถรอดชีวิตหรือไม่?
เตียนห้องคบหาเป็นสหายกับจอสิวมาหลายปี เขาย่อมเข้าใจลักษณะนิสัยของจอสิว
.......................
ในขณะเดียวกัน ทางด้านลิโป้ที่อยู่ในเมืองปักเป๋งก็เริ่มนำนโยบายของปิ้งโจวมาปรับใช้กับที่นี่ แม้จะรู้สึกได้ถึงความเป็นศัตรูจากชาวเมืองที่นี่ กระนั้นนี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ถึงอย่างไรกองซุนจ้านก็ปกครองที่นี่มานาน ความคิดบางประการย่อมมีอิทธิพลกับชาวเมืองของเขาไม่มากก็น้อย
ในสองสามวันที่ผ่านมา ลิโป้ก็ได้ตระหนักถึงจิตใจอันแน่วแน่ของชาวเมือง จำนวนของทหารที่ได้รับบาดเจ็บด้วยฝีมือของชาวเมืองเพิ่มสูงขึ้นนับสิบคน โชคดีที่ลิโป้ได้สั่งการเอาไว้อย่างเข้มงวดแล้วว่าให้หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
บางทีอาจเป็นเพราะนโยบายของปิ้งโจวทำให้ผู้คนมองเห็นผลประโยชน์ ดังนั้นการต่อต้านจึงค่อยๆเบาบางลง ทั้งยังมีบางส่วนเริ่มให้ความร่วมมือกับจวนเจ้าเมือง
ภายในเมืองมีตระกูลขุนนางใหญ่อยู่สองตระกูล และพวกเขาก็มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับกองซุนจ้าน ลิโป้ทราบเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว บางที ชาวบ้านทีมาสร้างปัญหาให้กับพวกเขาอาจจะเป็นฝีมือของสองตระกูลนี้ ตระกูลทั้งสองย่อมไม่ต้องการให้ผลประโยชน์ของพวกเขาถูกทำลายพร้อมกับการมาถึงของทัพปิ้งโจว
อิวจิ๋วยังไม่สงบ ลิโป้ย่อมไม่คิดที่จะสร้างศัตรูกับเหล่าตระกูลใหญ่ของอิวจิ๋วในเวลานี้ เขาจำทำให้อิวจิ๋วสงบมั่นคงเสียก่อน สิ่งนี้จะทำให้ตระกูลเหล่านั้นได้เห็นถึงความน่าเกรงขามของเขา หากว่าตระกูลเหล่านั้นยังไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ลิโป้ก็จะใช้กำลังทหารในมือบอกต่อพวกเขาว่าพื้นหลังของตระกูลนั้นเปล่าประโยชน์เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังอำนาจที่แท้จริง
แม้จะได้กลับมาเมืองปักเป๋งอันคุ้นเคยแล้ว กองซุนซู่ก็ยังอารมณ์ไม่ดี ที่นี่ไม่ใช่เมืองของตระกูลกองซุนอีกต่อไปแล้ว เกรงว่าในอนาคต เมืองแห่งนี้คงกลายเป็นของตระกูลลิหรือไม่ก็ตระกูลอ้วน เขาไม่สามารถทำอะไรได้อีก ในฐานะคนหนุ่มที่มีจิตปณิธาน กองซุนซู่ย่อมต้องการกระทำบางสิ่ง เขาต้องการจะกอบกู้เกียรติยศของวงศ์ตระกูลให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง กองซุนซู่เป็นทายาทสืบสกุลเพียงผู้ใดของกองซุนจ้านในโลกนี้แล้ว
การมาถึงของตระกูลเหยียนและตระกูลเล่าทำให้หัวใจที่เคยสงบลงไปแล้วของกองซุนซู่มีความหวังขึ้นมา ทั้งสองตระกูลให้การสนับสนุนกองซุนจ้านมาโดยตลอด ทั้งกองซุนจ้านยังมีพระคุณช่วยชีวิตทั้งสองตระกูล ด้วยความสัมพันธ์นี้ กองซุนจ้านก็มองเห็นโอกาสที่จะฟื้นฟูตระกูลกองซุนให้กลับมายิ่งใหญ่ เพียงแต่อาศัยอำนาจของสองตระกูลนี้ยังไม่พอ
ทหารม้าอูหวนเป็นทัพแรกที่มาถึงเมืองปักเป๋ง มองดูธงที่ปักเรียงรายอยู่บนกำแพงเมืองของทัพปิ้งโจวแล้ว เป๊กตุ้นก็ตะโกนอย่างดูแคลน "พวกหนูโสโครกที่หดหัวอยู่ภายในเมือง กล้าออกมาต่อสู้กับทัพข้าหรือไม่"
ข่าวการมาถึงของทหารม้าอูหวนย่อมไม่อาจหลุดรอดจากสายตาของทหารหน่วยเฟยอิง ก่อนหน้าที่พวกเขาจะมาถึง ลิโป้และคนอื่นๆก็ได้หารือกันแล้วว่าทำิย่างไรจึงจะทำให้ชาวอูหวนถอนทัพไป อย่างไรเสียภายในมือของเหยียนโร่วก็มีไพร่พลมากถึงสามหมื่น หากพวกเขาพยายามช่วยเหลืออ้วนเสี้ยวอย่างสุดความสามารถ ทัพปิ้งโจวก็คงต้องทำศึกเดือด
ข่าวการท้าทายของทหารม้าอูหวนที่นอกเมืองได้แพร่ไปในกองทัพอย่างรวดเร็ว บรรดาแม่ทัพนายกองต่างก็พากันเดือดดาล ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ชาวอูหวนกล้ามาทำตัวกำเริบเสิบสานต่อหน้าพวกเขา?
เมื่อลิโป้ได้ทราบเรื่อง เขาก็เรียกประชุมแม่ทัพทั้งหลายมาหารือ
เตียนอุยก้าวออกมาขันอาสา "ข้าน้อยขออาสาออกไปสู้ศึก ขอทหารเพียงพันคน ข้าน้อยจะต้องนำศีรษะของเป๊กตุ้นกลับมามอบต่อนายท่านได้แน่"
ลิโป้หันไปมองกุยแกเป็นเชิงถามความเห็น เขาไม่ได้ใส่ใจทหารม้าอูหวนมากนัก ที่ต้องพิจารณาก็คือหลังการทำศึกกับทหารม้าอูหวนต่างหาก
กุยแกกล่าวว่า "นายท่าน ให้แม่ทัพเตียนออกศึกก็ไม่มีปัญหา เพียงแต่ต้องไม่ทำร้ายเป๊กตุ้นถึงตาย เพียงทำให้ชาวอูหวนรู้สึกหวาดกลัวก็พอ"
"แม่ทัพเตียน อย่าได้ลืมเลือนคำพูดของท่านกุนซือ" ลิโป้กล่าวกำชับ
"ขอรับ" เตียนอุยกุมหมัดรับคำ ขอเพียงมีการศึก เขาทราบดีว่าที่ลิโป้กล่าวเช่นนี้ก็เพื่อบอกให้ทุกคนสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกุยแกไว้ มิเช่นนั้นอาจมีบางคนที่ไม่เต็มใจยอมรับคำพูดของกุยแกในอนาคต
"เฟิ่งเซี่ยว ท่านมั่นใจว่าจะสามารถทำให้ชาวอูหวนถอนทัพกลับไปได้หรือไม่?" ลิโป้ถามขึ้นเบาๆ
"นายท่าน ที่เหยียนโร่วต้องการนั้นไม่ใช่อิวจิ๋ว แต่เพื่อล้างแค้นให้กับเล่าหงี บัดนี้กองซุนจ้านถูกโค่นลงแล้ว ชาวอูหวนย่อมไม่เชื่อฟังคำสั่งจากเหยียนโร่วอีก เหยียนโร่วเองจะต้องไม่รั้งอยู่ที่เมืองจี้นานไป หากข้าน้อยคาดเดาไม่ผิด เหยียนโร่วคงต้องการถอนทัพนานแล้ว หากแต่เมืองปักเป๋งพลันถูกทัพเราบุกพิชิต ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องให้ความร่วมมือกับอ้วนเสี้ยวอีกครั้ง" กุยแกกล่าววิเคราะห์
ลิโป้พยักหน้าแล้วจึงกล่าวว่า "ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น มิเช่นนั้นทัพปิ้งโจขวเราคงต้องทำศึกหนัก และทหารเซียนเติงเองก็มีชื่อเสียงไม่น้อย"
"แม้ทหารเซียนเติงจะแข็งแกร่ง หากแต่หน่วยทะลวงค่ายของเราก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน" กุยแกกล่าว
"ไป พวกเราไปร่วมส่งกำลังใจให้แม่ทัพเตียนที่เชิงเทินกัน" ลิโป้กล่าวพลางลุกขึ้นยืน
บรรดาแม่ทัพที่แทบจะอดทนรอไม่ไหว เมื่อได้ยินคำนี้ พวกเขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังกำแพงเมือง ด้วยเกรงว่าจะพลาดชมฉากสำคัญ
เป๊กตุ้นต้องประหลาดใจเมื่อเห็นประตูเมืองค่อยๆเปิดอ้าออก เขานึกไม่ถึงว่าทัพปิ้งโจวที่เพิ่งทำศึกยึดเมืองปักเป๋งมาได้จะมีความกล้าหาญถึงเพียงนี้ ทางฝั่งเขามีทหารม้าอยู่เกือบห้าพันคน กระนั้นอีกฝ่ายก็ยังกล้าเปิดประตูเมืองออกมาทำศึก จุดประสงค์ของเขาก็คือการสะกดทัพปิ้งโจวเอาไว้ในเมือง นั่นก็เพื่อทำลายขวัญกำลังใจกองทัพ เมื่อครั้งที่กองซุนจ้านปกครองเมืองปักเป๋ง ชาวอูหวนต้องได้รับความทุกข์ร้อนอย่างสาหัส สำหรับชื่อเสียงของทัพปิ้งโจวนั้น เขายังไม่เคยเห็นกับตามาก่อน ดังนั้นจึงไม่เชื่อถือสักเท่าใด ชาวฮั่นมักชอบคุยโวโอ้อวด เป๊กตุ้นทราบในเรื่องนี้เป็นอย่างดี
ทหารม้าเฟยฉีจำนวนหนึ่งพันเคลื่อนที่ออกจากเมืองเป็นทิวแถว พวกเขาหยุดม้าห่างจากทัพอูหวนเป็นระยะสองชั่วลูกธนูแล่น
เป๊กตุ้นหรี่ตาลง จากทหารม้าเหล่านี้ เป๊กตุ้นก็พลันนึกถึงทหารม้าขาวขึ้นมา เขาอดส่ายหน้าสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปไม่ได้ ทหารม้าของชาวฮั่นมีดูเพียงแค่รูปลักษณ์ ทัพกิจิ๋วที่กล่าวกันว่าเป็นกองทัพชั้นยอดระดับฝีมือของทหารม้าก็ยังแค่ปานกลาง
"ใต้เท้า ทหารม้าชาวฮั่นเหล่านี้เรียกว่าทหารม้าเฟยฉี" รองแม่ทัพผุ้หนึ่งกระตุ้นม้าออกมาบอกด้วยสายตาที่ดูลุกลี้ลุกลน
"เฟยฉี?" จากนั้นเป๊กตุ้นจึงสังเกตเห็นธงรูปเหยี่ยวบินที่โบกสะบัดตามลม เมื่อนึกถึงว่าทหารม้าเฟยฉีมีชื่อเสียงเพียงใดในหมู่ชาวเซียนเป่ยแห่งทุ่งหญ้า เป๊กตุ้นก็เริ่มกลัวขึ้นมาบ้าง หากแต่ทหารม้าจำนวนห้าพันที่อยู่ทางด้านหลังก็ทำให้เขากลับมาสงบใจลงได้
"ทหารม้าเฟยฉีแล้วอย่างไร? พวกเราชาวอูหวนมีวิชาขี่ม้ายิงธนูสูงส่ง มีหรือที่ชาวเซียนเป่ยจะเทียบได้? ให้ชาวฮั่นเหล่านี้ได้เห็นพลังที่แท้จริงของชาวอูหวนเรา ผู้ใดกล้าออกไปต่อสู้บ้าง?"
เมื่อเป๊กตุ้นกล่าวจบ แม่ทัพอูหวนนายหนึ่งก็ควบม้าออกไป "ข้าน่าหยาน แม่ทัพแห่งทัพอูหวน มีผู้ใดกล้าออกมาสู้กับข้าหรือไม่?" หลังจากทำศึกกับชาวฮั่นมาหลายศึก ชาวอูหวนก็เรียนรู้วิธีตะโกนท้าดวลของชาวฮั่นมา
เตียนอุยแค่นเสียง เขายกเท้ากระตุ้นท้องม้าเบาๆ ม้าศึกที่ใต้ร่างก็เข้าใจ มันควบทะยานออกไปทันที เตียนอุยกระชับทวนคู่พลางตะโกนว่า "ข้าคือเตียนอุย แม่ทัพของทัพปิ้งโจว มารับความตายซะ"
แม้ภายในกองทัพอูหวน น่าหยานจะจัดว่ามีรูปร่างกำยำแล้ว แต่เมื่อเทียบกับเตียนอุยที่ตัวใหญ่กว่า เขาก็ดูคล้ายจะสูญเสียความน่าเกรงขามไป เมื่อเห็นเตียนอุยเข่นฆ่าเข้ามาพร้อมกับทวนคู่ในมืออย่างดุดัน น่าหยานก็ไสม้าออกไปรับศึก
แม่ทัพทุกคนต่างทราบดีว่าการปะทะซึ่งหน้าเช่นนี้ ความเร็วของม้าศึกมีส่วนสำคัญยิ่ง ยิ่งม้าศึกวิ่งได้รวดเร็วเพียงใด ท่าโจมตีของแม่ทัพก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved