เช้าวันนี้ ผู้คนในจิ้นหยางต่างวิ่งไปพบปะกันด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข ส่วนสาเหตุก็คือ ที่ว่าการเมืองกำลังจะแบ่งสรรที่ดินทั้งหมดของจิ้นหยางให้กับประชาชน ไม่ว่าบุรุษ สตรี หรือกระทั่งเด็ก ทุกคนล้วนเท่าเทียม เรื่องนี้ทำให้ทุกคนยากจะทำใจเชื่ออยู่บ้าง โดยเฉพาะที่ดินอันอุดมสมบูรณ์เหล่านั้น ผลผลิตต่อมู่(ไร่จีน)นั้นมีมากจนอาจมีราคาถึงสี่พันเฉียนได้เลย ที่ดินเหล่านี้ตลอดมาล้วนอยู่ภายในมือตระกูลใหญ่ คนงานหลายคนเพียงได้รับค่าแรงน้อยนิดแทบไม่พอกินในแต่ละปี
ความรู้สึกของการทำนาเพื่อผู้อื่นและทำนาเพื่อตัวเองนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
"ข้าได้ยินมาว่า ไม่นานมานี้เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นภายในเมือง" ชาวบ้านผู้หนึ่งที่พอทราบเรื่องราวมาบ้างลดเสียงกล่าวกระซิบ "มีบางคนก่อบฏขึ้นภายในเมือง สุดท้ายถูกกองทัพของท่านเจ้าเมืองกวาดล้าง ที่ดินทั้งหมดของพวกเขาจึงถูกริบ ที่ว่าการเมืองไม่คิดใช้ที่ดินเหล่านั้นทำนา ดังนั้นจึงแบ่งสรรมาให้พวกเรา"
"ไร้สาระ ถึงจะไม่ใช้ที่ดินเหล่านั้นทำนา แต่ท่านเจ้าเมืองสามารถแบ่งสรรที่ดินเหล่านั้นแก่พวกคนสนิท หรือไม่ก็สามารถว่าจ้างคนทำไร่ไถนาแทน แล้วเขาจะมามอบให้พวกเราได้อย่างไร?" บางคนโต้แย้ง
"ดูแล้วเจ้าคงไม่เคยเข้าร่วมการก่อสร้างล่ะสิ ค่าแรงสิบเฉียนต่อวัน มีอาหารให้กินสองมื้อ ทั้งยังมีเนื้อให้กินด้วย เรื่องดีๆแบบนี้ เจ้าเคยพบเจอมาก่อนหรือไม่?"
"ใช่แล้ว ใต้เท้าเจ้าเมืองบอกว่าจะแบ่งสรรที่ดิน เช่นนั้นย่อมต้องแบ่งสรรแน่ เจ้าอย่าได้มายุแยงตะแคงรั่วเสียให้ยาก ข้าเป็นคนจากลั่วหยาง เวลานี้มีบ้านเป็นของตัวเอง ที่ดินนอกเมืองบางส่วนถูกริบจากตระกูลใหญ่ ถ้าไม่ใช่เพราะใต้เท้าเจ้าเมืองล่ะก็ ครอบครัวของข้าคงตายระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปฉางอันแล้ว"
แม้ผู้คนบางส่วนจะยังสงสัย แต่ก็ไม่อาจหยุดความกระตือรือร้นที่จะไปดูด้วยสองตาของตนได้ การไถพรวนดินในฤดูใบไม้ผลิจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้า หากได้รับที่ดินเพิ่มอีกสักสองสามมู่ คงเป็นเรื่องดีไม่น้อย บางทีในปีหน้าพวกเขาอาจจะมีผลผลิตเหลือกินเหลือใช้เลยก็เป็นได้
ลิโป้แบ่งสรรที่ดินตามจำนวนประชากร สถานการณ์ก่อนหน้านี้ในจิ้นหยางทำให้เขายากจะทำใจเชื่ออยู่บ้าง เพราะโดยปกติแล้วที่ดินอันอุดมสมบูรณ์จะอยู่ในมือของตระกูลใหญ่ ชาวบ้านทั่วไปอย่างมากได้ครอบครองที่ดินแห้งแล้งเท่านั้น ทั้งยังต้องจ่ายภาษีทุกปี หลังจากจ่ายไปแล้ว เสบียงก็จะเหลืออยู่ไม่มาก ผลผลิตส่วนใหญ่ล้วนต้องส่งให้ตระกูลใหญ่ที่เป็นเจ้าของที่ดิน ปริมาณข้าวที่เหลือก็แทบจะไม่พอเลี้ยงครอบครัว ต้องมีชีวิตอยู่อย่างลำเค็ญ
การแบ่งสรรที่ดินอย่างเท่าเทียมนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นการท้าทายต่อระบบเก่าแก่ของราชวงศ์ฮั่นที่ดำเนินต่อเนื่องกันมาหลายร้อยปี การที่ขุนนางบางคนถือครองที่ดินจำนวนมากนั้นเป็นเรื่องปกติสามัญในยุคนี้ เพราะต่อให้พวกเขาไม่ได้ใช้ทำอะไร แต่ก็สามารถขายเพื่อเปลี่ยนเป็นเงิน ด้วยเหตุนี้คนที่รวยอยู่แล้วจึงยิ่งรวย ส่วนคนจนก็ยิ่งจนลง
ที่ดินที่ชาวบ้านทั่วไปครอบครองมักไม่ดี ดังนั้นพวกชาวบ้านจึงย่อมเห็นด้วยกับนโยบายแบ่งสรรที่ดินของที่ว่าการเมืองเป็นธรรมดา
ลิซกรู้สึกว่าหัวใจของเขายากจะรับเรื่องราวไหวอยู่บ้าง และนายท่านของเขาไม่รู้ไปเรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาจากที่ใด การกระทำทั้งหมดนี้คล้ายกับต้องการประกาศศึกกับตระกูลใหญ่ทั่วหล้า เป็นที่คาดการณ์ได้ว่า เมื่อเมืองจิ้นหยางแบ่งสรรที่ดินอย่างเท่าเทียมขึ้นมาจริงๆ จะส่งผลกระทบต่อตระกูลใหญ่ทั่วหล้าหนักหนาเพียงใด
ในอนาคต หากลิโป้ได้ควบคุมปิ้งโจวอย่างเบ็ดเสร็จขึ้นมา คงต้องมีปัญหาวิ่งเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำลายตระกูลใหญ่ในจิ้นหยาง ตระกูลใหญ่อื่นๆอาจจะไม่สนใจ แต่หากแบ่งสรรที่ดินให้ชาวบ้านทั่วไป ในใจพวกเขาจะต้องไม่พอใจเป็นแน่
"เว่ยกง ไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว ทำตามที่ข้าบอกก็พอ ส่วนพวกตระกูลใหญ่ ฮึ่ม ข้าไม่เชื่อว่าจะอยู่ไม่ได้หากไม่มีพวกเขา คนที่รับใช้ข้าอยู่ตอนนี้มีผู้ใดเป็นคนจากตระกูลใหญ่งั้นรึ? แล้วทำไมพวกเขาต้องตรากตรำอย่างหนักเพื่อมอบผลประโยชน์ให้กับตระกูลใหญ่ด้วยเล่า?"
คำพูดของลิโป้ทำให้เหล่าแม่ทัพโดยรอบซาบซึ้งใจ นี่ก็คือเจ้านายของพวกเขา เพื่อประโยชน์ของผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว เขาก็ไม่ลังเลที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลใหญ่ทั่วหล้า หากมีใครกล้ามาดูหมิ่นลิโป้ว่าเป็นคนหยาบกระด้าง เช่นนั้นพวกเขาก็จะพุ่งเข้าไปเล่นงานคนผู้นั้นเป็นกลุ่มแรก
"ทหารที่ตายในการศึกจะได้รับเงินหนึ่งหมื่นเฉียน ทั้งครอบครัวของพวกเขาจะต้องได้รับที่ดินเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าและไม่ต้องจ่ายภาษี ในภายภาคหน้า ทหารทุกนายที่เข้าร่วมกองทัพปิ้งโจวจะไม่ต้องจ่ายภาษีแทนครอบครัวของพวกเขาอีก" ลิโป้กล่าวอย่างหนักแน่น
หากว่าคำพูดประโยคแรกของลิโป้ว่าทำให้เหล่าแม่ทัพในห้องโถงฮึกเหิมแล้ว ตอนนี้พวกเขาก็พูดอะไรไม่ออก พวกเขาสามารถจินตนาการได้เลยว่าไพร่พลทั้งหลายจะตื่นเต้นยินดีเพียงใดเมื่อได้ทราบข่าวนี้ คำกล่าวที่ว่าปกป้องประเทศชาติก็เท่ากับปกป้องครอบครัวนั้นไม่จริงเลย หากครอบครัวของพวกเขามีความเป็นอยู่ที่ดี ยังมีสักกี่คนที่อยากจะเข้ากองทัพกัน
"เอาล่ะ ใครมีความเห็นใดให้บอกกล่าวออกมา" ลิโป้กวาดมองผู้คนที่อยู่ภายในห้องโถง
ลิซกขยับปากราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อมองดูสีหน้าที่ตื่นเต้นยินดีของแม่ทัพที่อยู่โดยรอบแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากเขาแสดงความคิดที่เห็นต่างออกไป แม่ทัพเหล่านี้คงจ้องมองเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเป็นแน่
ลิโป้ไม่ทราบเลยว่าความคิดแต่ละอย่างของเขานั้นน่าตกตะลึงเพียงใด ในอนาคต เขาจะให้ทหารของเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น ให้พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจที่เป็นทหารของกองทัพปิ้งโจว แทนที่จะฝึกฝนอย่างเฉื่อยชาและออกรบอย่างขอไปที
หากอยากให้กองทัพออกรบอย่างมีประสิทธิภาพ เช่นนั้นก็ต้องทำให้พวกทหารออกรบโดยไร้ซึ่งความกังวล สิ่งที่ลิโป้ต้องทำคือให้ทหารของเขาเข้าสู่สนามรบโดยสมัครใจ
ข่าวคราวแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงครึ่งวัน ผู้คนทั้งเมืองจิ้นหยางก็ทราบเรื่องการแบ่งสรรที่ดิน
"ประชาชนเมืองจิ้นหยางทุกคนจะได้รับที่ดินอุดมสมบูรณ์หนึ่งมู่ ที่ดินปานกลางสองมู่ และสี่มู่สำหรับที่ดินระดับต่ำ อย่างเช่นในครอบครัวของข้ามีสมาชิกอยู่สี่คน ครอบครัวข้าก็จะได้รับที่ดินอุดมสมบูรณ์สี่มู่ ที่ดินปานกลางแปดมู่ และที่ดินระดับต่ำสิบหกมู่ ปีนี้ข้าจะต้องทำงานให้หนัก และหนักยิ่งขึ้นในปีถัดๆไป!" ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า แม้ว่าก่อนหน้านี้ที่ดินของเขาจะถูกเวนคืนโดยสำนักงานเมือง แต่ที่ได้กลับมาครั้งนี้เห็นได้ชัดว่ามากกว่าเดิมมาก ทั้งยังเป็นที่ดินอันอุดมสมบูรณ์ถึงสี่มู่
"อย่างเจ้ายังนับเป็นอย่างไร? เจ้าดูอย่างเตียวเลี้ยวที่เป็นเพื่อนบ้านข้า เขาเป็นทหารอยู่ในกองทัพ ได้ยินมาว่าเขาเป็นหัวหน้าทหารม้ากลุ่มเล็กๆด้วย ที่ดินที่เขาได้รับคือที่ดินอุดมสมบูรณ์แปดมู่ ทั้งยังไม่ต้องจ่ายภาษี!"
ผู้ที่ฟังอยู่ต่างตกตะลึง มีสมาชิกครอบครัวเท่ากัน แต่ได้รับที่ดินมากกว่าเป็นเท่าตัว ทั้งยังงดเว้นภาษี เรื่องสุดท้ายนี่ล่ะจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนั่นหมายความว่าไม่ว่าพวกเขาได้รับผลผลิตมากเท่าไหร่ ทั้งหมดล้วนเป็นของพวกเขาทั้งสิ้น
แม้ที่ดินเพาะปลูกจะได้รับการงดเว้นภาษีในสามปีแรก แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับที่ดินอันอุดมสมบูรณ์
"มีเรื่องดีเช่นนี้ด้วย ไฉนข้าจึงไม่รู้?"
"เด็กน้อยเจ้าเพียงคิดคำนวณว่าจะได้รับที่ดินเท่าใดอยู่ล่ะสิ จึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องอื่น กองทัพเริ่มรับสมัครไพร่พลแล้ว ข้าจะไปบอกเถ้าแก่ของข้าให้เข้าร่วมดู เห็นว่าเป็นทหารจะได้รับเงินค่าจ้างด้วย"
หากเรื่องการแบ่งสรรที่ดินว่าเป็นเรื่องใหญ่แล้ว เช่นนั้นสวัสดิการของครอบครัวทหารก็ทำให้ผู้คนพลุ่งพล่านขึ้นมา ขอเพียงในครอบครัวมีคนที่เป็นทหารอยู่ในกองทัพ ครอบครัวนั้นก็ไม่ต้องจ่ายภาษี การชดเชยให้ทหารที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บก็ชัดเจนยิ่ง มีจำนวนเงินระบุไว้ชัดเจน
ลิโป้เริ่มต้นทำการเคลื่อนไหวครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์กองทัพ เปลี่ยนสภาพการณ์ของกองทัพใหม่ เขาประกาศรับสมัครไพร่พล และให้พวกเขาได้เห็นประโยชน์ของการเป็นทหาร เงินเดือนพลทหารทั่วไปคือห้าสิบเฉียน หัวหมู่แปดสิบเฉียน นายกองร้อยเฉียน ส่วนทหารม้าจะได้รับการดูแลดีกว่าอีกเท่าตัว หากทหารนายใดแสดงผลการรบอันโดดเด่น ก็มีโอกาสที่จะได้เลื่อนขั้นเป็นนายทหาร ผลการปฏิบัติการของทหารทุกนายจะถูกรายงานโดยนายกอง
ผนวกกับการดูแลปฏิบัติต่อครอบครัวของทหาร ขวัญกำลังใจของกองทัพจึงสูงขึ้นมาก ความกระตือรือร้นในการฝึกฝนเองก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน หากก่อนหน้านี้พวกเขารู้สึกเคารพเลื่อมใสลิโป้แล้วล่ะก็ เวลานี้พวกเขาก็แทบจะเทิดทูนลิโป้เป็นเทพเจ้า
กระนั้นกองทัพก็เริ่มนำระบบคัดคนออกมาใช้เช่นกัน ทหารคนใดที่ไม่ผ่านการฝึกสามครั้งติดต่อกันจะถูกปลดออกจากกองทัพ
ทั่วเมืองจิ้นหยางเวลานี้เต็มไปด้วยการรื้อถอนและก่อสร้างใหม่ ภายใต้มาตราการอันเข้มงวดของสำนักงานเมือง ระบบฝึกทหารรูปแบบใหม่ก็ถูกนำมาใช้ ด้านประชาชนเองก็เริ่มทยอยกันไปดูแลที่ดินกันแล้ว
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved