ตอนที่ 174 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

หลี่เยี่ยนพยักหน้าก่อนจะกล่าวว่า "นายท่านไม่ต้องกังวล หากลงสนามครานี้ไม่ชนะ ข้าน้อยจะหิ้วศีรษะตัวเองมาไถ่โทษ"

ลิโป้ยกมือตบบ่าหลี่เยี่ยนเบาๆ "ข้าจะเอาศีรษะของเจ้าไปทำอะไร? ต่อให้แพ้ก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ศึกจริง"

"อย่างไรก็ดี ไว้หน้าโจโฉเสียหน่อย" ก่อนจะจากไป ลิโป้กล่าวกำชับอีกครั้ง เขากลัวว่าหลี่เยี่ยนจะไม่แยกแยะความสำคัญ หากว่าโจโฉไม่มีทางให้ลง นั่นคงจะไม่ดีเท่าใด

ในตอนนี้ บรรดาเหล่าแม่ทัพนายกองของโจโฉต่างก็ทราบแล้วว่ากำลังจะมีการประลองระหว่างทหารม้าเสือและทหารม้าเฟยฉี

โจโฉกวาดตาผ่านผู้คนโดยรอบก่อนจะกล่าวด้วยเสียงอันดัง "เมื่อประลองกันทั้งที จะไม่มีรางวัลได้อย่างไร? ตัวข้ามีกระบี่วิเศษอยู่เล่มหนึ่ง เรียกว่ากระบี่ชิงกัง นับเป็นยอดศัสตราอันหาได้ยาก สามารถฟันเหล็กดุจฟันหยวก คมกริบเหลือประมาณ"

ได้ยินคำอธิบายของโจโฉ ลิโป้ก็พลันตาเป็นประกาย กระบี่ชิงกังนี้มีชื่อเสียงโด่งดังสะท้านฟ้า แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังเกิดความหวั่นไหว

"นี่เป็นกระบี่วิเศษอันล้ำค่าอย่างหามิได้ เช่นนั้น หากทหารม้าเสือดาวเป็นฝ่ายชนะ ข้าจะยกม้าศึกห้าร้อยตัวให้กับพี่เมิ่งเต๋อ"

บรรดาแม่ทัพนายกองของโจโฉที่อยู่โดยรอบพลันส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาทันที หลายคนเผยสีหน้าท่าทางตื่นเต้นอย่างไม่ปิดบัง โดยปกติแล้ว การประลองกันระหว่างทหารม้านั้นเป็นเรื่องที่ยากจะพบเห็น อีกทั้งการประลองครั้งนี้ยังมีรางวัลล้ำค่าเป็นเดิมพัน ดังนั้นหลายคนจึงตั้งตารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ

โจโฉพยักหน้าและกล่าว "ตกลง" เขาเองก็อยากจะได้ม้าศึกมานานแล้ว เดิมทีเขาก็คิดอยากจะขอม้าศึกจากปิ้งโจวสักหลายตัวอยู่แล้ว สามารถเป็นม้าพาหนะให้ทหารม้าเฟยฉีได้ ม้าศึกเหล่านั้นต้องไม่ด้อยกว่าที่ทหารม้าเสือดาวขี่อยู่แน่นอน และหากสามารถรับม้าศึกมาได้สักฝูง นั่นก็จะช่วยยกระดับความแข็งแกร่งให้กับกองทัพได้อีกมาก

หลี่เยี่ยนเดินมาถึงหน้าขบวนของทหารม้าเฟย เขากวาดตามองบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยเสียงอันดัง "ท่านแม่ทัพมีข้อตกลงกับแม่ทัพโจ ว่าจะให้พวกเราประลองกับทหารม้าเสือดาว ผู้ใดต้องสู้ ให้ก้าวออกมาข้างหน้า"

ทหารม้าเฟยฉีทั้งหนึ่งร้อยนายพลันก้าวขึ้นหน้าอย่างไม่ลังเล ในดวงตาทอแววต้องการสู้อย่างแรงกล้า

"แม้ท่านแม่ทัพจะไม่ได้บอกกล่าวออกมาอย่างชัดเจน แต่การประลองคราวนี้เกี่ยวพันถึงหน้าตาของปิ้งโจว หากว่าพ่ายแพ้ คนที่ออกไปประลองจะถูกลงโทษให้ไปเลี้ยงม้าเป็นเวลาหนึ่งเดือน" หลี่เยี่ยนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

ได้ยินดังนั้น พวกทหารต่างสูดหายใจเข้าปอดด้วยความหนาวเหน็บ งานเลี้ยงม้าไม่ใช่งานที่ดีแม้แต่น้อย ไม่ว่าผู้ใดก็ยังอยากจะนอนหลับสบายหลังจบการฝึก ไม่ใช่ต้องคอยไปเฝ้าคอกม้าต่อ

เทียบกับสิ่งที่หลี่เยี่ยนเรียกว่าบทลงโทษแล้ว เคาทูกลับยังดุร้ายยิ่งกว่า เขาย่อมมองออกว่าโจโฉกระหายในชัยชนะเพียงใด ม้าศึกจำนวนห้าร้อยตัว นับว่ายั่วยวนใจมาก

ทหารม้าเสือดาวแต่ละนายล้วนได้รับการคัดเลือกมาเป็นอย่างดี ดังนั้นย่อมต้องมีทักษะขี่ม้าไม่ต่ำทราม สามารถโดดเด่นเหนือทหารอีกหฟลายหมื่นที่เหลือได้ แสดงว่าพวกเขาต้องไม่ธรรมดา พวกเขาเองก็สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ลุกโชนของผู้บังคับบัญชาของพวกเขา หากว่าพ่ายแพ้ สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คงไม่ใช่รางวลปูนบำเหน็จอย่างแน่นอน เดิมทีพวกเขาก็รู้สึกไม่พอใจทหารม้าเฟยฉีอยู่ก่อนแล้ว ทุกคนล้วนขี่ม้าคนละตัวเหมือนกัน จะยอมรับว่าตนเองด้อยกว่าทหารม้าอื่นได้อย่างไร?

"พวกเจ้าจงถ่างให้กว้างไว้ และจงอย่าได้ประมาท หากว่าครั้งนี้พวกเจ้าพ่ายแพ้ พวกเจ้าก็อย่าหวังเลยว่าภายในสามเดือนต่อไปจะมีเนื้อตกถึงท้อง!" เคาทูตะโกนเสียงดัง

เทียบกับความกังวลของทหารม้าเสือดาวและทหารม้าเฟยฉีแล้ว ลิโป้และโจโฉกลับสนทนากันอย่างผ่อนคลาย

พื้นที่ถูกเก็บกวาดจนเกิดเป็นลานโล่งเตียน เคาทูยึดกุมดาบไม้อยู่ใน เขานั่งบนหลังม้าด้วยท่วงท่าองอาจอยู่หน้าขบวนของทหารม้าเสือดาว

ทหารม้าเฟยฉีทั้งหนึ่งร้อยนายทยอยเข้าสู่สนาม บรรยากาศอันกดดันโดยรอบไม่อาจส่งผลกับการเคลื่อนขบวนอย่างเป็นระบบระเบียบของพวกเขา

ธงรูปเหยี่ยวปลิวไสวตามลมจนดูราวกับมีชีวิตขึ้นมา เหยี่ยวเหล่านี้คล้ายต้องการสยายปีกบินออกไปทำศึก

ดวงตาเคาทูทอแววชื่นชม ความเงียบงันของทหารม้าเฟยฉีสร้างความรู้สึกกดดันแก่ผู้คนโดยรอบ ถึงอย่างนั้น เคาทูก็ยังมั่นใจยิ่งว่าสุดท้ายแล้ว ฝ่ายที่คว้าชัยชนะจะต้องเป็นทหารม้าเสือดาว ทหารม้าเสือดาวทั้งหนึ่งร้อยนายนี้ล้วนคัดเอาผู้ที่มีฝีมือกล้าแข็งที่สุดในทหารม้าเสือดาวมา

ความเงียบงันภายในสนามทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง ทหารม้าทั้งสองฝั่งต่างก็นิ่งเงียบรอฟังคำสั่งจากแม่ทัพของตน

"เริ่มได้!" โจโฉประกาศเมื่อเห็นว่าทั้งสองฝั่งตามพร้อมแล้ว

เสียงกลองพลันดังกระหึ่มเข้าไปในใจของผู้ที่ชมดูอยู่โดยรอบจนรู้สึกพลุ่งพล่านขึ้นมา เสียงกลองนี้ได้ปลุกกระตุ้นความต้องการต่อสู้ของมนุษย์ออกมา

"บุก!" เคาทูตวาดพลางบังคับม้าโถมออกไป

"บุก!" หลี่เยี่ยนสะบัดหอกลง หากแต่เป้าหมายที่เขาควบเข้าใส่ไม่ใช่แม่ทัพดังเช่นเคาทู แต่เป็นทหารม้าอีกฝ่าย

ในเมื่อเป็นการประลอง ทั้งสองฝ่ายจึงไม่มีการใช้ธนู เพียงประลองกันด้านการรบประชิด

ระยะห่างระหว่างสองฝ่ายร่นเข้าใกล้ ทหารม้าเสือดาวนายหนึ่งจับจ้องมองทหารม้าเฟยฉีที่กู่ร้องพลางควบม้าพุ่งเข้ามา ในมือกระชับดาบไม้ไว้แนบแน่น ในการควบม้าด้วยความเร็วนั้น ที่ทหารม้าต้องใช้ก็คือกำลังกายที่จะควบคุมร่างกายให้สมดุลบนหลังม้า ดาบไม้ในมือของเขาค่อยๆยกขึ้น แม้จะเป็นเพียงดาบไม้ แต่มันก็พอจะทำให้ผู้ที่ถูกหวดตีต้องเจ็บระบมไปอีกนาน ยิ่งกว่านั้น กฏของการประลองก็คือ หากถูกตีใส่ก็จะต้องออกจากการประลอง เหล่ากรรมการที่คอยดูอยู่จะไม่ปล่อยให้เกิดการโกงกันขึ้น

เสียงม้าพุ่งผ่านไป ทหารม้าเสือดาวพลันตกใจเมื่อเห็นว่าทหารม้าเฟยฉีเป้าหมายสามารถโยกตัวหลบได้อย่างไม่ลำบากกินแรง วินาทีถัดมา ความเจ็บปวดบริเวณทรวงอกก็บอกกับเขาว่าตนเองถูกคัดออกแล้ว หากว่านี่เป็นสนามรบ เขาก็คงจะถูกฆ่าไปแล้ว ในใจของเขายังคงสับสน อีกฝ่ายสามารถหลบหลีกการกวาดฟันของเขาได้อย่างไร? แม้แต่ชนชั้นแม่ทัพก็ไม่อาจเอี้ยวตัวหลบเช่นนั้นได้ ทหารม้าเสือดาวที่ถูกคัดออกค่อยๆออกจากสนามด้วยความหดหู่ ศีรษะของเขาก้มลงต่ำ ความมั่นใจที่เคยมีก่อนหน้าคล้ายถูกทำลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี

ฉากการปะทะกันของทหารม้าจำนวนสองร้อยนายนั้นสร้างความตื่นตาตื่นใจมิใช่น้อย โดยเฉพาะยามที่ทั้งสองฝ่ายโถมพุ่งเข้าปะทะกันนั้นก็ยิ่งทำให้ผู้ที่ชมดูอยู่เผลอกลั้นลมหายใจอย่างลืมตัว

สีหน้าของโจโฉยิ่งมายิ่งเคร่งขรึม มองจากเปลือกนอก การประลองครั้งนี้คล้ายกับมีเพื่อความบันเทิง หากแต่แท้จริงแล้วเขาต้องการบั่นทอนศักดิ์ศรีของลิโป้ หากทว่าสถานการณ์นั้นกลับพัฒนาไปในทิศทางที่เหนือความคาดหมาย หลังจากทหารม้าพุ่งปะทะกันไปรอบหนึ่ง ทหารม้าเสือดาวกว่ายี่สิบคนก็ถูกคัดออก ขณะที่ทางด้านทหารม้าเฟยฉีถูกคัดออกไปเพียงสิบคนเท่านั้น เรียกได้ว่าต้องใช้ทหารม้าเสือดาวถึงสองคนจึงจะจัดการทหารม้าเฟยฉีเพียงหนึ่งคนได้ หากผลลัพธ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับหน่วยทหารม้าอื่น เขาก็ยังพอรับได้ แต่ผลลัพธืเช่นนี้กลับบังเกิดกับทหารม้าเสือดาว หน่วยทหารม้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดของโจโฉ หน่วยทหารม้าที่โจโฉภาคภูมิใจ

ในการปะทะรอบนี้ แม้ว่าเคาทูจะทำให้ทหารม้าเฟยฉีสองคนถูกคัดออกได้ แต่มันก็ทำให้เขาเข้าใจถึงความร้ายกาจของทหารม้าเฟยฉี ดังนั้นในใจจึงบังเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าต้องเป็นแม่ทัพแบบใดกันจึงสามารถฝึกฝนทหารม้าที่ร้ายกาจเช่นนี้ขึ้นมาได้ ตัดสินจากการประมือกับอีกฝ่าย เขาก็พบว่าระหว่างทหารม้าเฟยฉีมีการสอดประสานกันอยู่บางๆ บ่อยครั้งที่ทหารม้าเสือดาวต้องรับการโจมตีจากทหารม้าเฟยฉีราวสองถึงสามคน ขณะที่กำลังพุ่งด้วยความเร็วขนาดนั้น พวกเขาทำได้อย่างไร?

สนามที่ใช้ในการประลองนั้นค่อนข้างกว้างใหญ่ แต่ก็มีพื้นที่เพียงให้พุ่งไปข้างหน้า ด้วยการพุ่งลักษณะนั้น หากต้องรับมือกับศัตรูจำนวนสองถึงสามคน พร้อมกัน ผลลัพธ์ที่รออยู่ก็แทบจะมีแต่ถูกตีร่วงม้าไป

เคาทูเล็งเป้าหมายไปยังหลี่เยี่ยนที่อยู่ท่ามกลางทหารม้าเฟยฉี ขอเพียงสามารถกำจัดแม่ทัพศัตรูออกไปได้ การจะคว้าชัยชนะก็จะไม่ใช่เรื่องยาก

เมื่อมีเป้าหมายอยู่ในใจ เคาทูก็บังคับม้าพุ่งเข้าหาหลี่เยี่ยน โดยมีทหารม้าเสือดาวสิบกว่านายควบม้าติดตามอยู่ด้านหลัง ท่ามกลางความชลมุนวุ่นวายของสนามรบ ขบวนของเคาทูจึงคล้ายศรดอกหนึ่งพุ่งแหวกเข้าหาหลี่เยี่ยน