ตอนที่ 124 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

เซ้งเหลียมมีความคิดละเอียดอ่อนลึกซึ้งกว่าที่เห็นจากภายนอก จากข่าวที่ได้รับมาจากหน่วยข่าวกรอง เขาก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติภายในด่านหูกวน เพียงแต่ไม่ทราบว่าผิดปกติตรงที่ใด

ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ส่งม้าเร็วไปที่จวนเจ้าเมือง ด่านหูกวนมีความสำคัญต่อปิ้งโจวมาก กำลังทหารของทั้งสองฝ่ายต่างกันเกินไป หากทัพกิจิ๋วตัดสินใจทุ่มกำลังเข้าตีด่าน พวกเขาก็คงยากจะต้านทานไว้ได้

เซ้งเหลียมรู้สึกไม่สบายใจ เขาตรวจตราประตูและเวรยามถึงสองรอบ หลังจากตรวจตราเสร็จสิ้นและกำลังจะกลับไปพักผ่อน เซ้งเหลียมก็ได้ยินเสียงดังขึ้นจากไม่ไกล ดังนั้นจึงตะโกนออกไป "ใครอยู่ตรงนั้น? บอกรหัสผ่านมา!"

รหัสผ่านถูกนำมาใช้ในกองทัพปิ้งโจว สิ่งนี้สามารถช่วยป้องกันไม่ให้ข้าศึกแทรกซึมเข้ามาในกองทัพได้ไม่น้อย หากอีกฝ่ายไม่คุ้นเคยกับการใช้รหัสผ่าน พวกเขาก็จะทราบได้ทันที

แล้วมีหรือที่เหลียงฮูจะทราบว่ารหัสผ่านคือสิ่งใด เมื่อเห็นว่าพวกทหารรักษาการณ์ดูตื่นตัวขึ้นมา เขาก็ตกตะลึง สภาพการณ์ของเขาในเวลานี้เปรียบดังธนูที่น้าวจนสุดสาย ไม่มีทางให้หันหลังกลับอีก เหลียงฮูกัดฟันก่อนจะชักกระบี่ออกมาจากข้างเอว "ลิโป้หมดหนทางรอดแล้ว ที่ควรทำคือหันไปพึ่งพิงทัพกิจิ๋ว ผู้ใดไม่ยอมจำนน ตาย!"

เซ้งเหลียมตกตะลึง ภายในด่านเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ดีที่เขามาพบเห็นได้ทันเวลา หากอีกฝ่ายจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวและเปิดประตูให้ทัพกิจิ๋วเคลื่อนกำลังเข้ามา ด่านหูกวนคงจบสิ้นเป็นแน่ เมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังทัพกิจิ๋วเข้ามาในด่าน เซ้งเหลียมก็บังเกิดจิตสังหารอย่างรุนแรง ไม่ว่าสิ่งใดเป็นภัยคุกคามของปิ้งโจว เขาก็จะกำจัดทิ้งเสีย

เมื่อเห็นกลุ่มคนชุดดำโห่ร้องเข่นฆ่าเข้ามา เซ้งเหลียมก็รีบสั่งให้ทหารไปแจ้งต่อเฮาเสง แววตาของเขาฉายแววดุกร้าว เขาชักดาบออกมากระชับแน่นก่อนจะโถมตัวออกไป เซ้งเหลียมเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงของกองทัพปิ้งโจว ดังนั้นฝีมือเชิงยุทธ์ย่อมไม่อ่อนแอ พริบตาดาบในมือก็ตวัดฟันชายชุดดำล้มลงไปสามคนติดต่อกัน

เหลียงฮูใจเต้นแรง ในใจอดลอบส่ายหน้าอย่างเสียมิได้ ทัพปิ้งโจวสมกับเป็นทัพพยัคฆ์ แม่ทัพทุกนายล้วนมีฝีมือไม่ธรรมดา เขาซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มชายชุดดำพลางถ่ายทอดคำสั่งอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ให้สมุนแยกย้ายกันไปจุดไฟตามที่ต่างๆ เขาต้องการทำให้ทัพกิจิ๋วที่อยู่นอกด่านได้รู้ว่าภายในด่านกำลังวุ่นวาย ตอนนี้เหลียงฮูได้ฝากความหวังทั้งหมดของเขาไว้ที่ทัพกิจิ๋ว

ทหารส่วนตัวของตระกูลหลี่ค่อนข้างจะอ่อนแอ ทั้งยังขาดอาวุธชุดเกราะ แม้ว่าทหารรักษาด่านจะเพิ่งถูกเกณฑ์เข้ามา แต่ภายใต้การนำของเซ้งเหลียม พวกเขาก็สังหารชายชุดดำได้อย่างต่อเนื่อง

ควันไฟและเสียงโห่ร้องฆ่าฟันภายในด่านได้ล่วงรู้ไปถึงงันเหลียงและฮองกี๋ กระนั้นประตูด่านยังคงปิดสนิท ไม่มีการขยับเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าผลีผลามลงมือ ได้แต่รออย่างกระวนกระวายใจ

สายตาของเซ้งเหลียมจดจ้องไปที่เหลียงฮูที่คอยสั่งการกลุ่มชายชุดดำเขม็ง จากนั้นจึงเปลี่ยนมาถือคันธนูแล้วเล็งยิงไปที่เหลียงฮู เมื่อปล่อยนิ้วจากสาย ลูกธนูก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว

เหลียงฮูที่กำลังตะโกนสั่งการอยู่พลันรู้สึกเย็นวาบที่ลำคอ เมื่อยื่นมือไปจับก็พบว่ามีเลือดไหลออกมา เขาต้องการจะตะโกน หากแต่ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกไป สุดท้ายเขาก็ล้มลงจมกองเลือด

ทันทีที่เหลียงฮูตาย พวกทหารส่วนตัวก็เปรียบเสมือนงูที่ไร้หัว พวกเขาเริ่มหันหลังแล้ววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต

การก่อกบฏของเหลียงฮูจบลงอย่างรวดเร็วภายใต้การปราบปรามของกองกำลังรักษาการณ์ แต่การก่อการครั้งนี้ของเหลียงฮูก็ทำให้เซ้งเหลียมและเฮาเสงตื่นตัวขึ้นมา ด่านหูกวนง่ายต่อการป้องกัน ทว่ายากที่จะโจมตี เพียงแต่เหล่าตระกูลใหญ่ที่อยู่ภายในด่านนั้นไม่เป็นมิตรต่อกองทัพปิ้งโจวสักเท่าใด

เปลวเพลิงแถวๆประตูด่านยังคงลุกโชน แต่เซ้งเหลียมและเฮาเสงก็ระดมกำลังมาเฝ้าที่ประตูแล้วเรียบร้อย

"แม่ทัพเฮา การก่อกบฏภายในด่านจะต้องมีเป้าหมายในการดึงดูดความสนใจของทัพกิจิ๋วที่อยู่ข้างนอกนั่นเป็นแน่ หากพวกเราแสร้งเปิดประตูด่าน รอให้อีกฝ่ายเข้ามาถึงครึ่งทาง จากนั้นก็พลันปิดประตูลงแล้วระดมยิงด้วยธนู กองทัพกิจิ๋วจะต้องสูญเสียอย่างหนักแน่นอน และเมื่อเรายกทัพออกไปก็จะสามารถกวาดล้างได้ในคราวเดียว!"

เฮาเสงเมื่อได้ฟังข้อเสนอก็ครุ่นคิด ถึงอย่างไรนี่ก็นับเป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวพันถึงการอยู่รอดของด่านหูกวน หากเสียด่านหูกวนขึ้นมา ทั้งเขาและเซ้งเหลียมก็คงไม่อาจรักษาศีรษะบนบ่าไว้ได้แน่ ทว่าการเสี่ยงครั้งนี้หากสำเร็จขึ้นมาก็นับว่าเป็นผลงานชิ้นใหญ่ ทั้งยังสามารถทำให้ไพร่พลรักษาด่านรู้สึกเหนือกว่ากองทัพกิจิ๋ว เมื่อไม่เกรงกลัวก็จะสามารถต่อสู้ได้ดียิ่งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้การรักษาด่านก็ยิ่งง่ายกว่าเดิม นี่นับเป็นโอกาสอันหาได้ยากที่จะทำให้กองทัพกิจิ๋วสูญเสียไพร่พลและปลุกขวัญกำลังใจของทหารไปพร้อมกัน

"แม่ทัพเซ้ง อย่าให้ทหารกิจิ๋วผ่านประตูเข้ามามากเกินไป หากทหารรักษาด่านไม่อาจต้านทานเอาไว้ไม่ได้ก็จะมีโทษ หากด่านแห่งนี้ถูกตีแตก ท่านและข้าก็คงได้แต่ชดเชยด้วยความตายแล้ว" เฮาเสงกล่าว

"แม่ทัพเฮาไม่ต้องกังวล แม่ทัพผู้นี้เองก็ไม่อยากจะอายุสั้นเช่นกัน ข้ายังอยากจะเห็นยามเมื่อนายท่านกรีธาทัพเหยียบย่ำกิจิ๋ว เจ้าสารเลวพวกนี้ฉวยโอกาสบุกโจมตีตอนที่ปิ้งโจวกำลังคับขัน ข้าไม่มีทางให้อภัยพวกมันแน่" เซ้งเหลียมด่าทอ

ประตูด่านที่ปิดสนิทค่อยแง้มเปิดออก เสียงโห่ร้องฆ่าฟันภายในด่านยิ่งมายิ่งรุนแรง

เมื่อเห็นเช่นนี้ งันเหลียงก็ตบเข่าฉาดด้วยความยินดี "ทหาร เตรียมบุกเข้าด่านหูกวน!"

ฮองกี๋เมื่อได้ยินก็รีบทัดทาน "แม่ทัพงัน ผ่านมาตั้งนานประตูด่านยังไม่เปิด กลับมาเปิดเอาตอนนี้ ข้าเกรงว่าด้านในจะมีเหตุเปลี่ยนแปลง การเคลื่อนทัพมีความสำคัญยิ่ง พวกเราควรส่งทหารสักร้อยกว่าคนไปเบิกทางก่อน หากประตูด่านถูกยึดไว้แล้วจริงๆ ถึงตอนนั้นจะเคลื่อนทัพเต็มกำลังก็ยังไม่สาย"

งันเหลียงตอบกลับอย่างหงุดหงิด "วันนั้นท่านบอกว่ารอประตูด่านเปิดก่อนค่อยเข้าตี ตอนนี้ทัพเรากำลังจะเข้าตีด่าน ท่านก็ยังขัดขวางไว้อีก ผู้ที่บัญชาการกองทัพคือแม่ทัพผู้นี้ ทำตามคำสั่งข้า บุกตีด่านทันที ผู้ใดขัดขืน ฆ่าไม่ละเว้น!"

เหล่าแม่ทัพต่างตื่นเต้นเมื่อได้ยิน สายภายในเปิดประตูด่านไว้คอยท่าเช่นนี้ การจะเข้าตีด่านก็ง่ายขึ้นมาก แต่ที่ทำให้พวกเขาตื่นเต้นมากที่สุดก็คงไม่พ้นเป็นประโยคสุดท้าย "ผู้ใดขัดขืน ฆ่าไม่ละเว้น" เพราะประโยคนี้สามารถตีความได้หลายแบบ ซึ่งอาจหมายความได้ว่า เมื่อด่านหูกวนถูกตีแตกแล้ว พวกเขาก็สามารถตรวจค้นทุกซอกทุกมุมภายในด่าน แน่นอนว่าทรัพย์สินของมีค่าต่างๆล้วนสามารถนำเข้ากระเป๋าได้โดยตรง

บารมีของฮองกี๋ในกองทัพย่อมเทียบกับงันเหลียงไม่ได้ งันเหลียงมีฝีมือเข้มแข็ง กล้าหาญ เป็นที่เลื่อมใสของบรรดาแม่ทัพนายกอง ด้วยเหตุนี้กองทัพกิจิ๋วจึงเคลื่อนกำลังบุกไปที่ประตูด่าน

งันเหลียงคอยบัญชาการอยู่ที่ทัพกลางด้วยแววตาตื่นเต้น การยึดด่านหูกวนถือเป็นผลงานชิ้นใหญ่ เมื่อมีผลงานชิ้นนี้อยู่ ในอนาคตเขาก็จะได้กลายเป็นบุคคลหมายเลขหนึ่งในกองทัพอย่างไม่ต้องสงสัย

พวกทหารกิจิ๋วที่โถมเข้าประตูมาไม่ทราบเลยว่ากำลังจะเดินเข้าสู่ความตาย ภายใต้แสงของคบเพลิง พวกเขากระทั่งมองเห็นสีหน้าหยอกเย้าของเหล่าทหารรักษาด่าน

"ยิงธนู!" เมื่อเซ้งเหลียมออกคำสั่ง ลูกธนูก็พุ่งออกไปดุจห่าฝน ทหารกิจิ๋วที่เพิ่งเข้าประตูด่านมาก็พากันล้มตายดุจใบไม้ร่วงทันที

"ถอยเร็ว! ในด่านมีกับดัก!" ทหารแนวหน้าพยายามดันตัวกลับไปเพื่อหลบหนีจากการซุ่มโจมตี แต่ทหารที่อยู่ทางด้านหลังนั้นไม่ทราบ พวกเขายังคงพยายามจะบุกขึ้นหน้ามาเพราะกลัวว่าสหายทางด้านหน้าจะช่วงชิงผลประโยชน์ไปจนหมด ดังนั้นภายในช่องประตูจึงเกิดภาวะชะงักงันขึ้นมา

มองดูความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับทหารกิจิ๋วแล้วเซ้งเหลียมก็ยกยิ้มเหยียดหยาม เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าการซุ่มโจมตีจะให้ผลถึงเพียงนี้

ห่าธนูที่ระดมยิงไม่หยุดทำให้ทหารกิจิ๋วต้องตัวสั่นด้วยความกลัว

ข่าวการตายของทหารแนวหน้านับร้อยค่อยๆแพร่กระจายไปทางด้านหลัง กล้ามเนื้อบนใบหน้าของงันเหลียงกระตุกถี่ยิบ เขาย่อมคิดไม่ถึงว่าทหารรักษาด่านจะใช้อุบายเช่นนี้ออกมา

"ถอย!"

ความมืดในยามวิกาลมักจะทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว ทหารกิจิ๋วหากไม่ถูกธนูยิงตายก็ถูกพวกเดียวกันเหยียบย่ำจนตาย ก่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายอย่างหนัก