เมื่อบุนทิวเห็นว่าที่ด้านหลังไม่มีศัตรูไล่ตามมา เขาก็รูปสึกโล่งใจ จากนั้นจึงยกดาบรูปทรงประหลาดที่อยู่ในมือขึ้นมาดู นี่เป็นดาบที่เขาแย่งชิงมาจากทหารม้าเฟยฉี
ความรู้สึกยามถือเอาไว้คือ น้ำหนักเบายิ่ง สามารถเหวี่ยงฟันได้ด้วยมือเดียว เพียงแต่เมื่อเทียบกับง้าวและหอกยาวแล้วยังดูสั้นไปบ้าง
"ยื่นง้าวของเจ้ามา" บุนทิวกล่าวต่อรองแม่ทัพที่อยู่ด้านข้าง
พร้อมกับเสียง "เคร้ง" หลังจากปะทะกับง้าวในมือของรองแม่ทัพ บุนทิวก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าปรากฏรอยบิ่นขึ้นที่ง้าวของรองแม่ทัพ หากแต่ดาบในมือเขานั้นยังมีสภาพสมบูรณ์ดังเดิม ไร้รอยบิ่น ไม่มีแม้กระทั่งรอยขีดข่วนด้วยซ้ำ!
รองแม่ทัพมองดูดาบในมือของบุนทิวด้วยความอิจฉา ดาบที่ดีมีความสำคญต่อแม่ทัพในสนามรบยิ่ง เมื่อเห็นผลลัพธ์ บุนทิวก็หน้าดำคร่ำเครียด ทหารม้าที่ต่อสู้กับเขาทุกนายล้วนใช้อาวุธเช่นนี้ นั่นน่าพรั่นพรึงถึงเพียงไหนกัน ลองจินตนาการดูว่าทันทีที่ทหารพบว่าอาวุธของตนถูกฟันหักเป็นสองท่อนหลังจากปะทะกับอาวุธศัตรู พวกเขาก็คงจะรู้สึกสิ้นหวังในทันที
ทันใดนั้นบุนทิวก็พลันรู้สึกว่าม้าศึกที่เขาชิงมาจากทหารเฟยฉีนั้นมีสิ่งที่แตกต่างจากม้าศึกของทัพกิจิ๋วอยู่ นั่นคือมีสิ่งที่เป็นวงแหวนอยู่ตรงเท้า หลังจากนึกย้อนดูแล้ว บุนทิวก็สอดเท้าเข้าไปในโกลนม้า
ขณะที่ควบม้าพุ่งออกไป บุนทิวก็ยิ่งประหลาดใจเสียยิ่งกว่าตอนที่พ่ายแพ้ให้จูล่ง เพียงสิ่งเล็กๆสองสิ่งนี้ บุนทิวก็รู้สึกว่าเขาสามารถควบคุมม้าศึกได้ถึงระดับที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ดังนั้นมุมปากจึงยกยิ้มยินดีอย่างอดไม่ได้ ความเศร้าจากความพ่ายแพ้ถูกแทนที่ด้วยความสุข เขารู้สึกว่าตนเองสามารถค้นพบความลับที่ทำให้ทหารม้าเฟยฉียิ่งใหญ่เจอแล้ว
....................................
หลังจากเก็บกวาดสนามรบแล้ว จูล่งก็จับตัวแม่ทัพคนหนึ่งของทัพกิจิ๋วกลับไปยังทัพปิ้งโจว
แม่ทัพนายนี้ตัวสั่นเทาขณะที่สอบสวน หากแต่เขาก็ทราบสถานการณ์ของเมืองปักเป๋งเป็นอย่างดี
ลิโป้พลันยินดีเมื่อได้ยิน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวขึ้นว่า "จูล่งนำทหารม้าเฟยฉีร้อยคนไปผลัดเปลี่ยนชุดปลอมตัวเป็นทหารกิจิ๋ว"
"นายท่าน ควรให้ทหารอีกร้อยคนปลอมตัวเป็นทหารราบ เพื่อไม่ให้ทหารภายในเมืองปักเป๋งเกิดความสงสัย" กุยแกกระตุ้นเตือน
ลิโป้พยักหน้า จากนั้นจึงโบกมือให้จูล่งพาทหารไปเตรียมตัว
หลังจากเอาชนะศึกแรกได้ จูล่งก็มีความมั่นใจมากขึ้นยามที่เดินอยู่ท่ามกลางทหารเฟยฉี
....................................
หลังบุนทิวนำทหารจากไป จอสิวก็รู้สึกมีบางสิ่งค้างคาใจอยู่ตลอด โดยเฉพาะทหารที่มาขอความช่วยเหลือ ยามที่เผชิญหน้าบุนทิวและเขา คนผู้นั้นสงบเยือกเย็นอย่างน่าประหลาด นั่นเป็นสิ่งที่ทหารทั่วไปไม่สมควรมี
อย่างไรก็ดี บุนทิวมีอารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรงเกินไป ทั้งยังมีบารมีในกองทัพมากกว่าเขา ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะห้ามปรามอีกฝ่ายเอาไว้
จอสิวคิดที่จะไปพบกับทหารประหลาดนั้นอีกครั้ง เมืองปักเป๋งมีความสำคัญต่อทัพกิจิ๋วมาก อย่าได้มองว่าเมืองยีหยงบัดนี้กำลังวุ่นวาย เพราะหากทำศึกขึ้นมาจริงๆ ทัพกิจิ๋วก็ยากที่จะตีหัก หากว่าทัพกิจิ๋วสามารถยึดเมืองที่เชื่อมต่อกันได้สี่เมือง ทัพปิ้งโจวก็ยากที่จะก่อการใดๆในอิวจิ๋ว หลังจากเอาชนะกองซุนจ้านได้แล้ว ลิโป้แห่งปิ้งโจวก็กลายเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงที่สุดของกิจิ๋ว
ในความคิดของเขานั้น เหล่าที่ปรึกษาของกิจิ๋วโกรธแค้นกองซุนจ้านมากที่สุด หากว่าไม่มีเขา เล่าหงีก็มีโอกาสสูงมากที่จะได้สืบทอดราชบัลลังก์ เมื่อกองซุนจ้านทำเรื่องที่น่าคั่งแค้นเช่นนั้น แผ่นดินก็ยากที่จะสงบสุขได้อีก มีคำกล่าวว่า "ประเทศไม่อาจขาดประมุขได้แม้แต่วันเดียว" บัดนี้เมื่อไม่มีฮ่องเต้อยู่แล้ว บรรดาเจ้าเมืองทั้งหลายก็หันมาต่อสู้ชิงความเป็นใหญ่ มีสภาพแทบจะไม่ต่างไปจากยุคชุนชิว เมื่อเหล่าเจ้าเมืองซ่องสุมกำลังทหาร และราชสำนักไม่มีอำนาจจะควบคุม ราชวงศ์ฮั่นก็นับได้ว่าล่มสลายลงไปอย่างสมบูรณ์
การตัดสินใจย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองฉางอันทำให้ราชวงศ์ฮั่นสูญเสียอำนาจบารมีไป และการก่อกบฏลิฉุย กุยกีและคนอื่นๆก็ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก ในฐานะขุนนางของราชสำนักฮั่น จอสิวรู้สึกกังวลยิ่ง บัดนี้เขาได้แต่ฝากความหวังไว้ที่เล่าเปียวแห่งเกงจิ๋ว แต่เล่าเปียวนั้นมัวแต่กังวลสนใจที่จะครอบครองกุนจิ๋ว ทั้งยังมีความสัมพันธ์เลวร้ายกับอ้วนสุด และเมื่อเป็นเช่นนี้ โจโฉและอ้วนสุดก็จะไม่สนับสนุนเล่าเปียวอย่างแน่นอน
หลังจากสอบปากคำทหารที่มาขอความช่วยเหลือแล้ว จอสิวก็ขมวดคิ้วมุ่น ภายใต้ทัณฑ์ทรมาณหลากหลายชนิด ทหารนายนั้นก็ยังคงเอาแต่ยืนกรานว่าอ้วนเสี้ยวส่งเขามา
"ใต้เท้า มีทหารม้าปรากฏตัวขึ้นที่นอกเมือง พวกเขาชูธงของทัพกิจิ๋ว ผู้มาเป็นรองแม่ทัพของท่านแม่ทัพบุนทิว เขาบอกว่าถูกทัพปิ้งโจวซุ่มโจมตีที่นอกเมือง กองทัพเกิดความเสียหายอย่างหนัก"
จอสิวหน้าแปรเปลี่ยน "พาข้าไปดู"
เหล่าทหารที่นอกเมืองอยู่ในสภาพที่ดูอิดโรย เสื้อผ้าและชุดเกราะเต็มไปด้วยรอยฉีกขาด บางคนยังต้องให้เพื่อนทหารคอยช่วยพยุง แม้แต่ธงของทัพกิจิ๋วก็ยังเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด เพียงมองดูทหารที่เบื้องหน้าเหล่านี้ ก็สามารถทราบได้ทันทีว่าพวกเขาผ่านการศึกอันดุเดือดเพียงใดมา
"ไปถามดูว่าเกิดอะไรขึ้น" จอสิวกล่าวกับแม่ทัพที่อยู่ด้านข้าง
"พวกเจ้าเป็นทหารของผู้ใด?" แม่ทัพยื่นหน้าออกไปตะโกนถาม
แม่ทัพที่อยู่ในกลุ่มทหารจึงกระตุ้นม้าออกมา "ข้าคือเหลียงอวี้ แม่ทัพในสังกัดของท่านแม่ทัพบุนทิว ท่านแม่ทัพบุนทิวและข้าถูกทหารม้าปิ้งโจวซุ่มโจมตีที่ยีหยง ไพร่พลบาดเจ็บล้มตายสาหัส อีกทั้งทหารม้าปิ้งโจวยังไล่ตามมา สุดท้ายพวกเราจึงมาถึงที่นี่ รีบเปิดประตูเร็วเข้า มิเช่นนั้นทหารม้าปิ้งโจวต้องไล่ตามมาทันแน่!"
เมื่อได้ยินคำบอกเล่า แม่ทัพบนเชิงเทินก็สำรวจหน้าตาของแม่ทัพที่ด้านล่างโดยละเอียด จากนั้นจึงลดเสียงลดกล่าวว่า "ใต้เท้า คนผู้นี้คือเหลียงอวี้ เป็นแม่ทัพในสังกัดของท่านแม่ทัพบุนทิวจริงๆขอรับ"
จอสิวขบคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า "ถามเขาว่าแม่ทัพบุนทิวอยู่ที่ใดแล้ว?"
"แม่ทัพเหลียง ไฉนจึงไม่เห็นท่านแม่ทัพบุนทิวเลยเล่า?"
"ท่านแม่ทัพบุนทิวนำทหารม้าบางส่วนตีฝ่าวงล้อมไปทางอำเภอจี้ เร็วเข้า รีบเปิดประตูเร็ว ทหารม้าปิ้งโจวใกล้จะมาถึงแล้ว!" น้ำเสียงอขงเหลียงอวี้เต็มไปด้วยความร้อนรน บางครั้งบางครายังหันกลับไปมองทางด้านหลังอยู่เป็นระยะ
จูล่งที่ปลอมตัวเป็นทหารม้ากิจิ๋วพยักหน้าเบาๆ เหลียงอวี้ผู้นี้ช่างเสแสร้งได้เก่งนัก
จอสิวนิ่งเงียบอยู่นาน เมื่อเห็นว่าที่ไกลๆปรากฏฝุ่นผงคละคลุ้งขึ้น เห็นได้ชัดว่ามีทหารม้าไล่ติดตามมาจริงๆ เขาก็ค่อยๆกล่าวขึ้นว่า "เปิดประตู"
จอสิวเข้าใจนิสัยใจคอของบุนทิวดี แม้จะเผชิญกับการซุ่มโจมตี แต่เขาจะต้องหาทางไปช่วยอำเภอจี้อย่างแน่นอน สำหรับทหารใต้บัญชาของเขานั้น เป็นไปได้ว่าจะติดตามไปไม่ทัน ดังนั้นจึงย้อนกลับมาที่เมืองปักเป๋ง 'เป็นไปได้หรือไม่ว่าที่เมืองจี้จะกำลังคับขันอยู่จริงๆ? ทัพปิ้งโจวและเหยียนโร่วจับมือกันจริงๆ?' จอสิวเกิดคำถามขึ้นในใจ
หากแต่คำถามนี้ก็หายไปทันทีที่ทหารกิจิ๋วกลุ่มนั้นชักอาวุธออกมาสังหารทหารที่เฝ้าประตูเมือง
เผชิญกับการโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวจากทหารฝ่ายเดียวกัน ทหารที่เฝ้าประตูซึ่งไม่ทันได้ระวังก็ล้มตายลงอย่างรวดเร็ว
"ป้องกันประตูเมืองไว้!" จอสิวหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลาย เมื่อทหารกิจิ๋วที่เพิ่งเข้าเมืองมาเริ่มเปิดฉากฆ่าฟัน เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่เป็นกลอุบาย คงเป็นทัพปิ้งโจวที่ต้องการจะยึดเมืองปักเป๋ง ส่านจิงไม่มีทั้งความกล้า แผนการ และกำลังทหารพอจะดำเนินอุบายเช่นนี้ เพราะถึงอย่างไรชื่อเสียงความเก่งกาจของบุนทิวก็เห็นกันอยู่
ตอนนี้เอง กองทัพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในระยะสายตาของจอสิว ธงของทัพปิ้งโจวปลิวโบกสะบัด เผชิญหน้ากับประตูเมืองที่เปิดอ้าออก ทหารม้าปิ้งโจวก็พุ่งตรงเข้าเมือง
เมื่อเห็นทหารม้าปิ้งโจวเข้ามาในเมืองได้แล้ว จอสิวก็หน้าขาวซีด เขาทราบว่าทุกอย่างจบสิ้นแล้ว เมื่อไม่มีความได้เปรียบจากกำแพงเมือง การจะขับไล่กองทัพปิ้งโจวออกไปยังยากเย็นยิ่งกว่าปีนป่ายขึ้นสวรรค์....
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved