ตอนที่ 126 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

จูล่งก้าวเข้ามาก่อนจะกล่าวเบาๆ "ใต้เท้า สิ่งที่ชาวเซียนเป่ยให้ความสำคัญที่สุดก็คือราชสำนักที่ภูเขาต้านหาน หากทัพเราสามารถทำลายราชสำนักซึ่งอยู่ที่นั่นได้ ชาวเซียนเป่ยจะต้องไม่เป็นอันกินอันนอนเป็นแน่"

กุยแกเผยสีหน้าเห็นด้วย พวกเขาจำเป็นต้องเข้าโจมตีราชสำนักที่ภูเขาต้านหานจริงๆ เพียงแต่เวลานี้ที่ต้องจัดการก่อนก็คือกองกำลังทหารม้าของเซียนเป่ย หากว่าจูล่งมีสายตามองเห็นถึงจุดนี้ ในอนาคตจะต้องมีความสำเร็จไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

"จูล่งกล่าวถูกต้องแล้ว ราชสำนักที่ภูเขาต้านหาน ขุนนางผู้นี้ก็อยากจะไปเยี่ยมชมมานานแล้ว" ลิโป้กล่าว

ชนเผ่าอาหยันที่อยู่ในภาคกลางได้กลายมาเป็นที่ชุมนุมของประมุขเผ่าต่างๆ นับตั้งแต่ได้รับข่าวจากเคอปี่เหนิง พวกเขาก็แทบไม่อาจข่มตาหลับได้ลง ทหารม้าทัพฮั่นนี้ประดุจวิญญาณลอยล่อง เดี๋ยวผุดเดี๋ยวโผล่ไปทั่วเซียนเป่ยภาคกลาง หากพบเจอชนเผ่าขนาดเล็ก พวกเขาก็จะกวาดล้างทำลายก่อนจะหนีหายไป กลยุทธ์การรบแบบกองโจรเช่นนี้สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับชาวเซียนเป่ยอย่างมาก ในเซียนเป่ยภาคกลาง มีหน่วยสอดแนมราวสองร้อยคนกระจายกำลังกันออกสืบหาร่องรอยไม่ได้หยุด กระนั้นก็ยังไม่ทราบตำแหน่งที่ชัดเจนของทหารม้าทัพนี้

ไพ่ตายที่ใหญ่ที่สุดในมือของเผ่าเซียนเป่ยภาคกลางในเวลานี้ก็คือทหารม้าจำนวนห้าพันคน นี่ก็คือขุมกำลังสุดท้ายที่พวกเขามี หากยังไม่อาจขับไล่ทัพฮั่นไปได้อีก เช่นนั้นเซียนเป่ยเผ่าต่างๆก็คงต้องประสบกับหายนะแล้ว

"เรียนท่านประมุข มีข่าวว่าพบทัพฮั่นที่ห่างออกไปราวแปดสิบลี้ทางทิศตะวันตกขอรับ"

เมื่อได้ยินรายงานจากหน่วยสอดแนม ประมุขเผ่าทั้งหลายก็พากันยืนขึ้น หลายวันมานี้พวกเขาต่างก็อยู่กันไม่สุขเพราะทหารม้าฮั่นทัพนี้ หากเทียบกันในด้านทหารม้าแล้ว ชาวเซียนเป่ยก็มีความมั่นใจยิ่ง จะต้องทำให้ทัพฮั่นจ่ายค่าตอบแทนอย่างสาสมให้จงได้

น่าปู้เกินเป็นประมุขของเผ่าอาหยัน ดังนั้นจึงมีสิทธิ์มีเสียงมากที่สุดในกระโจมตอนนี้ อีกทั้งเคอปี่เหนิงยังมีอำนาจดูแลจัดการเรื่องนี้แก่เขาแล้ว

"ทัพฮั่นเจ้าเล่ห์ยิ่ง บางทีในหมู่พวกเราอาจจะมีไส้ศึกอยู่ก็เป็นได้ ในความเห็นของข้า พวกเราควรส่งหน่วยสอดแนมออกไปเพิ่มเพื่อยืนยันข่าวเสียก่อน" น่าปู้เกินกล่าว

เหล่าประมุขเผ่าภายในกระโจมต่างโวยวายทันที บางคนบอกว่าขอทหารม้าเพียงหนึ่งพันก็สามารถกวาดล้างทัพฮั่นได้จนหมดสิ้น ในสายตาของพวกเขา นั้น ชาวฮั่นอ่อนแอยิ่ง การจะจัดการกับพวกเขาก็เปรียบดั่งจัดการกับฝูงแกะ

เมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มจะชุลมุน น่าปู้เกินก็ตะคอกเสียงดัง "ท่านเคอปี่เหนิงได้แต่งตั้งให้ข้าเป็นประมุขเผ่าเซียนเป่ยชั่วคราว หากมีผู้ใดขัดขืนไม่เชื่อฟัง ฆ่าไม่ละเว้น!"

สัมผัสได้ถึงความคิดฆ่าฟันในน้ำเสียงของน่าปู้เกิน เหล่าประมุขชนเผ่าก็พลันสงบลง ทั้งหมดหันมารอฟังคำกล่าวของน่าปู้เกิน

น่าปู้เกินกระแอมไอเบาๆพลางเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกที่ได้กุมอำนาจสั่งการ "ให้ตรวจสอบตำแหน่งของทัพฮั่นก่อน จากนั้นค่อยส่งทหารม้าออกไป พยายามกวาดล้างทัพฮั่นให้ได้ในคราวเดียว อย่าปล่อยให้ธงรูปเหยี่ยวได้โบกสะบัดอยู่ในทุ่งหญ้าของเราอีก"

แม้ในใจประมุขชนเผ่าจะไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าใด ทว่าพวกเขาก็ได้แต่ปฏิบัติตาม ธงรูปเหยี่ยวของทหารม้าเฟยฉีมีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วทั้งทุ่งหญ้า แน่นอนว่าในสายตาของชาวเซียนเป่ยนั้น ทหารม้าทัพนี้เพียงเก่งแต่ลอบโจมตี กระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ดูถูกจนลืมเลือนความร้ายกาจของทหารม้าทัพนี้

หากลิโป้ได้ทราบว่า เพราะการปล้นชิงกวาดล้างอย่างต่อเนื่องของเขา ชนเผ่าเซียนเป่ยจึงต้องส่งหน่วยสอดแนมออกมามากขึ้นแล้วล่ะก็ ไม่ทราบจะมีความรู้สึกเช่นใด เวลานี้ทัพฮั่นตั้งค่ายอยู่ห่างจากเผ่าเซียนเป่ยออกมาราวแปดสิบลี้ อาหารแห้งที่พวกเขากินก็มาจากการปล้นชิงเผ่าต่างๆ ในตอนแรกๆ ทหารม้าเฟยฉีรู้สึกตื่นเต้นยิ่งที่จะได้กินเนื้อตากแห้งของชาวเซียนเป่ย แต่หลังจากกินไปกินเป็นเวลากว่าครึ่งค่อนเดือน กินของเนื้อตากแห้งก็ทำให้พวกเขารู้สึกพะอืดพะอมอยู่บ้าง

อาหารแห้งส่วนใหญ่ของชาวเซียนเป่ยก็คือเนื้อตากแห้ง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ลิโป้เกิดความคิดขึ้นมา เรื่องที่ยุ่งยากที่สุดสำหรับกองทัพขนาดใหญ่ก็คือการขนส่งเสบียง หากให้ทหารม้าพกพาอาหารแห้งไปให้เพียงพอสำหรับการรบระยะสั้นแล้วค่อยไปปล้นชิงเอาในแดนข้าศึกจะเกิดอะไรขึ้น? หากมีเสบียงที่เพียงพอ ต่อให้มีทหารม้าเพียงแค่หนึ่งพันนาย ขอเพียงไม่เข้าไปติดอยู่ในวงล้อมศัตรู พวกเขาก็จะสามารถกระทำเรื่องราวได้หลากหลาย

"ตามที่คาดการณ์ไว้ พรุ่งนี้คงจะเป็นศึกที่ดุเดือดไม่เบา ให้พี่น้องทั้งหลายพักผ่อนเถอะ แล้วก็อย่าลืมจัดเวรยามเฝ้าระวัง เวลานี้ชาวเซียนเป่ยกำลังควานหาตัวพวกเราไปทุกที่" ลิโป้กำชับ

หลี่เยี่ยนกล่าวว่า "เมื่อกลางวันทัพเราพบเจอหน่วยสอดแนมชาวเซียนเป่ย เกรงว่าที่นี่คงอยู่ใกล้กับกองทัพเซียนเป่ยแล้วขอรับ"

กุยแกกล่าวเสริม "แม่ทัพหลี่กล่าวได้ถูกต้อง ที่นี่คงอยู่ไม่ไกลจากเผ่าเซียนเป่ยแล้ว เพียงแต่ใต้เท้าทำการกวาดล้างชนเผ่าไปมากมายในระหว่างทาง พวกเขาจึงไม่กล้าส่งกำลังออกมาโดยง่าย ชาวเซียนเป่ยย่ามใจว่าชาวฮั่นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา ดังนั้นจะต้องเลือกปะทะซึ่งหน้าอย่างแน่นอน" สำหรับการตัดสินใจของเคอปี่เหนิงนั้น กุยแกก็รู้สึกชื่นชมอยู่บ้าง เผ่าของเขากำลังทุกข์ทรมาณอย่างสาหัส กระนั้นพวกเขาก็ยังอดทนไม่ยอมถอยทัพกลับมา

ลิโป้ก้มหน้าครุ่นคิด ถึงอย่างไรทัพเซียนเป่ยก็มีจำนวนไม่น้อย เขากำลังครุ่นคิดว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะสูญเสียกำลังทหารให้น้อยที่สุด

วันต่อมา ยามรุ่งสางที่ดวงตะวันยังไม่พ้นเส้นขอบฟ้า หน่วยสอดแนมของทัพม้าเฟยฉีก็ถูกกระจายกำลังออกไปแล้ว พวกเขาได้พบกับหน่วยสอดแนมของเซียนเป่ย แต่หน่วยสอดแนมเหล่านั้นก็ถอยหนีทันทีที่พบเห็นพวกเขาตั้งแต่ไกลๆ

ทั้งสองฝ่ายต่างก็เคลื่อนไหวลงมือ สนามรบแรกของพวกเขาก็คือหน่วยสอดแนมเหล่านี้

นี่คือช่วงเวลาแห่งการทดสอบของทหารม้า นับตั้งแต่ก่อตั้งทัพมา ทหารม้าเฟยฉีก็ไม่เคยประสบกับความพ่ายแพ้มาก่อน ด้วยการเสริมแรงจากโกลนและเกือกม้า พวกเขาก็แทบจะเป็นทัพม้าที่เกรียงไกรที่สุด ในที่สุดนักรบชาวเซียนเป่ยก็ได้ลิ้มรสความขมขื่นอย่างที่นักรบชาวซยงหนูเคยเผชิญ

เมื่อข่าวการตายของหน่วยสอดแนมผู้มีชื่อเสียงของชาวเซียนเป่ยรู้มาถึงน่าปู้เกิน สีหน้าของเขาก็พลันมืดครึ้มลง หากกระทั่งหน่วยสอดแนมยังไม่อาจมีเปรียบได้ เช่นนั้นในสนามรบ พวกเขาคงไม่พ้นต้องประสบกับการสูญเสียอย่างหนักแล้ว

"หนึ่งต่อห้า" ลิโป้พยักหน้าเบาๆ ในด้านการควบคุมอารมณ์นั้น ชาวเซียนเป่ยยังเทียบกับชาวซยงหนูไม่ได้

"ถ่ายทอดคำสั่ง ให้จูล่งนำทหารม้าห้าร้อยนายเป็นปีกซ้าย หลี่เยี่ยนและเตียนอุยนำทหารม้าห้าร้อยนายเป็นปีกขวา รับหน้าที่คอยเคลื่อนที่ไปรอบๆสนามรบ ดึงดูดทัพม้าเซียนเป่ยไว้ อย่าได้เข้าปะทะโดยตรง จงล่อให้พวกกมันติดตามไปแล้วกำจัดทิ้งเสีย ส่วนแม่ทัพผู้นี้จะนำกำลังที่เหลือเข้าปะทะกับทัพเซียนเป่ยซึ่งหน้าเอง" ลิโป้สั่งการ

"ขอรับ!" ทั้งสามขานรับอย่างพร้อมเพรียง

"ยังคงเป็นประโยคเดิม หากพบว่าศัตรูมีกำลังมากกว่า ก็จงถอย หากพบว่าศัตรูกำลังเหน็ดเหนื่อย ก็จงยิง หากอีกฝ่ายเข้ามาในระยะยิง หลังจากที่ยิงธนูแล้วก็จงถอย ทัพเรามีอาชาศึกมากมาย หากลากถ่วง ก็จงลากถ่วงชาวเซียนเป่ยจนตาย ม้าศึกของพวกมันจะได้ไม่เตลิดไปไกล" ลิโป้กำชับอีกครั้ง

กุยแกเผยสีหน้าชื่นชม วิธีการที่ลิโป้กล่าวมานี้ ตัวเขาไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าฝ่ายที่เสียเปรียบด้านกำลังคนจะสามารถใช้วิธีการนี้มาแก้ปัญหาได้ด้วย เพียงแต่วิธีการนี้เหมาะที่จะใช้กับทัพม้าเฟยฉีเท่านั้น หากเปลี่ยนเป็นเจ้าเมืองคนอื่นนำไปใช้ เกรงว่าจะมีทหารจำนวนมากที่ฉวยโอกาสหลบหนีไปก่อน

ในสายตาของชาวเซียนเป่ยแล้ว วิธีการของลิโป้นั้นไร้ยางอายยิ่ง ในแง่ของทักษะการขี่ม้า ทหารม้าเฟยฉีที่มีโกลนม้าอยู่ยังเหนือกว่าทหารเซียนเป่ย และในแง่ของอาวุธชุดเกราะ ทหารม้าเฟยฉีที่ได้รับการจัดสรรอาวุธและชุดเกราะอย่างดีจะเป็นรองทหารม้าเซียนเป่ยได้อย่างไร? ส่วนในแง่ของความเร็ว ชาวเซียนเป่ยก็ยิ่งไล่ตามพวกเขาไม่ทัน เมื่อมีข้อได้เปรียบถึงเพียงนี้แต่กลับไม่คิดเข้าปะทะ เพียงลากถ่วงพวกเขาไปเรื่อยๆ นี่เป็นพฤติการณ์ที่ไร้ยางอายและขี้ขลาดอย่างยิ่ง