ตอนที่ 47 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก ย่อมไม่ขาดแคลนผู้มีความสามารถ เนื่องเพราะการผูกขาดของตระกูลขุนนาง ผู้มีความสามารถจำนวนมากจึงถูกบดบังแสงไป หลายคนต้องติดอยู่ในตำแหน่งเดิมเป็นเวลาหลายปีเพียงเพราะขาดคนแนะนำ เรื่องที่เหล่าตระกูลใหญ่มองเห็นเป็นเรื่องปกติก็ไม่แน่ว่าประชาชนทั่วไปจะเห็นเป็นเรื่องปกติด้วย

อาชีพพ่อค้าในสมัยราชวงศ์ฮั่น คือชนชั้นที่ต่ำที่สุดในสังคม ฐานะของพวกเขายังต่ำกว่าประชาชนทั่วไปเสียอีก แม้จะมีความมั่งคั่ง แต่ก็ยังไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าพวกเขาเป็นชนชั้นล่างของสังคม ต่อหน้าอาชีพอื่นแล้ว พ่อค้าก็คืออาชีพที่อยู่ต่ำสุดตลอดกาล

ผู้ที่ให้ความสนใจต่อประกาศรับสมัครมากที่สุดย่อมไม่พ้นพวกพ่อค้า ยังไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะได้รับราชการหรือไม่ เพียงได้รับการรับรองจากที่ว่าการเมือง เหล่าพ่อค้าก็สามารถเดินยืดอกเชิดหน้าโดยไม่ต้องกังวลสายตาดูแคลนจากผู้อื่นแล้ว

ปฏิบัติการครั้งใหญ่ของลิโป้ต่อตระกูลใหญ่ในเมืองจิ้นหยางย่อมไม่อาจหลบรอดสายตาของตระกูลอื่นๆ พวกเขาย่อมตระหนักได้ว่า หากไม่อยากมีชะตากรรมเช่นเดียวกับสามตระกูลใหญ่นั้น พวกเขาก็ต้องเชื่อฟังและอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว

ในตอนนี้ลิโป้ยังไม่มีอำนาจควบคุมทั้งปิ้งโจวอย่างเบ็ดเสร็จ เขามีกำลังทหารไม่มากพอจะครอบคลุมทุกส่วนของปิ้งโจว ทำได้เพียงประคับประคองสถานการณ์เฉกเช่นเดียวกับตอนที่เต๊งหงวนยังมีชีวิตอยู่ ตราบใดที่เมืองอื่นๆยอมรับตำแหน่งเจ้าเมืองปิ้งโจวของเขาและจัดส่งส่วยตรงเวลาก็เป็นอันใช้ได้แล้ว แต่อีกเรื่องที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าแก่ลิโป้ก็คือ ในมือเขามีคนที่ใช้งานได้อยู่น้อยเกินไป เซ้งเหลียมและเฮาเสงเฝ้าดูแลเมืองเสียงตง ขณะที่เตียวเลี้ยวก็กลับไปรักษาอาการบาดเจ็บที่จิ่วหยวน ส่วนโจเส็งก็ยังไม่ได้ถอนกำลังกลับมา

ด่านเยี่ยนเหมินกวน(ด่านประตูห่านป่า)นับเป็นจุดยุทธ์ศาสตร์ที่มีความสำคัญยิ่ง หากชาวเซียนเป่ยต้องการจะเข้าสู่แผ่นดินภาคกลาง ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ การใช้ด่านเยี่ยนเหมินเป็นทางผ่าน หากด่านเยี่ยนเหมินถูกตีแตก ทหารม้าของเซียนเป่ยก็จะสามารถเหยียบย่ำมุ่งลงใต้ เข้าสู่แผ่นดินภาคกลางได้โดยตรง

มีการปะทะกันที่ด่านเยี่ยนเหมินเป็นประจำทุกปี ชาวเซียนเป่ยต้องอาศัยการปล้นชิงเพื่อความอยู่รอดของชนเผ่า ในบรรดาอำเภอต่างๆของปิ้งโจวนั้น ด่านเยี่ยนเหมินนับว่ามีกำลังทหารกล้าแข็งและมีคุณภาพมากที่สุด หลังจากลิโป้ได้ปกครองปิ้งโจว เขาก็ไม่ได้ปรับเปลี่ยนที่นี่แต่อย่างใด

ด่านเยี่ยนเหมินเป็นจุดยุทธ์ศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของปิ้งโจวในการรับมือกับชนเผ่าทุ่งหญ้า เขาต้องการเวลา และด่านแห่งนี้ก็จำเป็นต้องรักษาสภาพที่เป็นอยู่เอาไว้

สิ่งที่ปิ้งโจวขาดแคลนมากที่สุดในยามนี้ก็คือ บัณฑิต ที่ใดมีสงครามที่นั่นย่อมไม่ขาดแคลนวีรบุรุษผู้กล้า แต่ในด้านการบริหาร ลิโป้ย่อมไม่อาจดึงตัวแม่ทัพบู๊มานั่งโต๊ะคอยดูแลจัดการเอกสารมั่วซั่วได้

หลังกำจัดภัยแฝงของเมืองจิ้นหยางลงได้แล้ว ลิซกก็กลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของลิโป้ เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเปี๋ยเจี้ย(เจ้าหน้าที่ผู้ช่วย) คอยดูแลจัดการกิจกาจน้อยใหญ่ของปิ้งโจว ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ลิซกตั้งอกตั้งใจทำงานมากยิ่งขึ้น

ตอนนี้เองลิซกจึงตระหนักได้ว่า การตัดสินใจของเขาในวันนั้นเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดเพียงใด แม้เหล่าเจ้าเมืองจงหยวน(ภาคกลาง)จะไม่เห็นปิ้งโจวอยู่ในสายตา แต่พวกเขาก็ไม่กล้าประมาทกองทัพของปิ้งโจวแม้แต่น้อย ต่อให้ลิซกเลือกติดตามตั๋งโต๊ะต่อไป สิ่งที่เขาทำได้ก็มีเพียงโต้เถียงกับเหล่าขุนนางตลอดทั้งวัน ย่อมเทียบไม่ได้กับการมีอำนาจอยู่ในมืออย่างแท้จริง อีกทั้งลิโป้ยังไว้วางใจในตัวเขามาก ซึ่งนี่ก็คือส่วนที่สำคัญที่สุด

"เรียนนายท่าน ซีเอ๋งยอมสวามิภักดิ์แล้วขอรับ" ลิซกลดเสียงกล่าวด้วยเค้าความยินดีบนใบหน้า

"โอ รีบพาข้าไปที่นั่นเร็ว" ลิโป้กล่าวด้วยความตื่นเต้น ซีเอ๋งนับเป็นผู้มีความสามารถคนหนึ่ง กระทั่งลิซกยังรู้สึกชื่นชมซีเอ๋งอย่างมาก ตอนที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอแห่งซิงหยาง เขาไม่เพียงแต่สามารถบัญชาการทหารออกรบได้เท่านั้น แต่ซีเอ๋งยังมีความสามารถในการปกครองท้องถิ่น

ตอนนี้ปิงโจวกำลังขาดแคลนผู้มีความสามารถอย่างหนัก การได้ตัวซีเอ๋งที่มีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊มาเข้าร่วมย่อมบรรเทาสถานการณ์ลงได้อย่างมาก

ซีเอ๋งหน้าแดงก่ำ แม้จะถูกทัพปิงโจวจับเป็นเชลย แต่หลังจากกลับมาที่จิ้นหยางแล้ว เขาก็เพียงถูกกักบริเวณอยู่ภายในจวนแห่งหนึ่ง ได้รับอาหารและน้ำอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

"คารวะนายท่านลิ!" ซีเอ๋งกุมมือคำนับ

ซีเอ๋งเวลานี้สวมชุดยาว ทำให้มีภาพลักษณ์คล้ายบัณฑิตคงแก่เรียนผู้หนึ่ง ลิโป้ยิ้มพลางกล่าวว่า "มีแม่ทัพซีมาเข้าร่วม ก็เสมือนส่งถ่านกลางกลางหิมะ"

"ส่งถ่านกลางหิมะ?" ซีเอ๋งงุนงง

"อ้อ หมายความว่า มาได้ถูกจังหวะสำคัญพอดี" ลิโป้พลันนึกขึ้นได้ว่าในยุคนี้ยังไม่มีสำนวนอมตะนี้

"ขอบคุณนายท่านที่ให้ความสำคัญ ข้าน้อยจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยเหลือกิจกาจของนายท่าน" ซีเอ๋งคุกเข่าลง

"รีบลุกขึ้นๆ" ลิโป้รีบเข้าไปประคองซีเอ๋ง

"นายท่าน ข้าน้อยเคยรับใช้ตั๋งโต๊ะ ต่อมาค่อยพ่ายแพ้แก่นายท่าน นายท่านไม่กังวลหรือว่า ต่อหน้าข้าน้อยอาจจะนบนอบ แต่ลับหลังลอบมีใจคิดคด?" สีหน้าของลิโป้ดูไม่มีความกังวลใดแม้แต่น้อย นี่ทำให้ซีเอ๋งยากจะทำใจเชื่ออยู่บ้าง

"แม่ทัพซี เว่ยกงเองก็เคยทำงานให้ตั๋งโต๊ะ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในปิ้งโจว คอยดูแลจัดการธุระต่างๆภายในปิ้งโจว หากข้าระแวงท่าน ก็ไม่เท่ากับระแวงเว่ยกงด้วยหรอกหรือ?" ลิโป้หัวเราะ "ใช้คนไม่ระแวง ระแวงคนไม่ใช้ นี่ก็คือสิ่งที่ข้ายึดมั่น แม่ทัพซีมีความสามารถ ย่อมต้องได้รับการใช้สอย"

"นายท่าน ข้าน้อยช่างละอายใจนัก!" ซีเอ๋งยิ่งรู้สึกเลื่อมใสลิโป้มากขึ้นกว่าเดิม

วินาทีนี้ ลิโป้ก็ทราบได้ทันทีว่าซีเอ๋งสวามิภักดิ์ด้วยใจจริง

แม้ซีเอ๋งจะได้รับการประเมินค่าจากตั๋งโต๊ะไว้อย่างสูง แต่เมื่อถูกลิโป้จับตัวไว้ ลิซกก็มักจะไปเยี่ยมเยือนและพูดคุยกับเขาอยู่บ่อยๆ หลังจากนั้นไม่นาน ซีเอ๋งก็บังเกิดความสงสัยใคร่รู้ต่อบุรุษที่ชื่อลิโป้

ตั๋งโต๊ะถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏจากผู้คนทั่วแผ่นดิน แต่เขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตั๋งโต๊ะ ย่อมไม่อาจเปลี่ยนแปลงสิ่งใด ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นกบฏแผ่นดิน ทุกคนย่อมต้องการใช้ชีวิตอยู่อย่างผ่าเผย

การเปลี่ยนแปลงภายในปิงโจวทำให้ซีเอ๋งได้เห็นความมุ่งมั่นที่จะรับใช้ปวงชนจากใจจริงของลิโป้ บุคคลที่ทั้งหาญกล้าและอุทิศตนเพื่อผู้คนเช่นนี้ คู่ควรได้รับความเคารพจากเขาแล้ว

"เว่ยกง ท่านว่าควรให้แม่ทัพซีดำรงตำแหน่งใด?" ลิโป้หันไปถามลิซก

ลิซกเหลือบมองซีเอ๋งที่ท่าทางประหม่าอยู่บ้างก่อนจะยิ้มกล่าว "ด้วยความสามารถของแม่ทัพซีแล้ว ตำแหน่งนายอำเภอไม่ถือว่าเกินเลยไปขอรับ"

"ดี ไม่ทราบว่าแม่ทัพซีเต็มใจจะรับตำแหน่งนายอำเภอแห่งหยุนจงหรือไม่?" ลิโป้เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

ซีเอ๋งพลันรู้สึกถึงภาระหน้าที่อันหนักอึ้งบนสองบ่า เขาทราบว่าอำเภอหยุนจงตั้งอยู่ส่วนใดของปิ้งโจว และที่นั่นก็มีความสำคัญไม่ด้อยไปกว่าด่านเยี่ยนเหมินเลย "ข้าน้อยจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบแทนความไว้วางใจของนายท่าน"

ลิโป้พยุงซีเอ๋งลุกขึ้นก่อนจะกล่าวว่า "หลังจากแม่ทัพซีไปถึงหยุนจงแล้ว ท่านต้องดีต่อชาวบ้าน ดั่งคำกล่าวที่ว่า ผู้ปกครองก็เหมือนกับเรือ ประชาชนก็เหมือนกับน้ำ น้ำทำให้เรือลอยได้ แต่น้ำก็ทำให้เรือจมได้เช่นกัน"

ซีเอ๋งและลิซกต่างก็เผยสีหน้าตกตะลึง พวกเขาไม่เคยได้ยินวลีดั่งกล่าวมาก่อน แต่หลังจากขบคิดตามโดยละเอียดแล้ว ประโยคนี้ฟังดูมีเหตุผลอย่างยิ่ง ที่เกิดกบฏโจรโพกผ้าเหลืองขึ้นนั้น มิใช่ว่าเป็นเพราะประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัสหรอกหรือ?

"คำพูดของนายท่านนี้ ข้าน้อยจะจดจำใส่ใจ" ซีเอ๋งกุมมือคำนับ

"หลังจากแม่ทัพซีไปถึงที่นั่นแล้ว ท่านสามารถดำเนินการตามกฏหมายของจิ้นหยาง รับสมัครไพร่พลจำนวนหนึ่งหมื่นด้วยตนเอง และให้เพิ่มความระวังต่อเผ่าเซียนเป่ยบนทุ่งหญ้ายิ่งขึ้น" ลิโป้กล่าวกำชับ

"ขอรับ" ได้รับความไว้วางใจจากลิโป้ให้รับสมัครไพร่พลด้วยตนเอง ซีเอ๋งก็ซาบซึ้งใจ เพราะนี่หมายความว่าเขาได้รับอำนาจทางการทหารกลับมาอีกครั้ง เวลานี้ภายในเมืองจิ้นหยางยังมีทหารไม่ถึงหนึ่งหมื่น ได้รับการใช้สอยจากลิโป้เช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าเขาไว้วางใจซีเอ๋งอย่างมาก

ด่านเยี่ยนเหมินมีทหารประจำการอยู่มากมาย และอำเภอหยุนจงเวลานี้ก็มีซีเอ๋งแล้ว ขอเพียงสองแห่งนี้ยังมั่นคง ผู้คนในปิ้งโจวก็ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะการรุกรานจากเซียนเป่ยอีก

"กิเหลงเล่า เขามีความคิดจะสวามิภักดิ์หรือไม่?" ลิโป้พลันนึกถึงเชลยเลื่องชื่ออีกคน

"เรียนนายท่าน เมื่อกิเหลงมาถึงจิ้นหยาง เขาก็ก่นด่าสาปแช่งตลอดทั้งวันโดยไม่เกรงกลัวว่าทหารที่เฝ้าคุมอยู่จะได้ยิน เพียงแต่คำพูดเหล่านั้นของเขาไม่น่าฟังอยู่บ้าง" ลิซกกล่าวตอบ

"โอ พาข้าไปดู" ลิโป้ยิ้ม

เมื่อสามารถเป็นทหารเอกของอ้วนสุดได้ กิเหลงย่อมต้องมีความสามารถที่สอดคล้องกับตำแหน่ง