ตอนที่ 32 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

แม่ทัพคือหัวใจสำคัญของเหล่าทหาร ภายใต้การนำของลิโป้ ขวัญกำลังใจของทหารม้าใต้บัญชาก็พุ่งสูงถึงขีดสุด แม้แต่แม่ทัพของพวกเขายังไม่กลัวตาย แล้วทหารอย่างพวกเขาจะแสดงความขี้ขลาดได้หรือ? ตรงกันข้ามกับทหารของบอกสุ้น แม้จะมีจำนวนมากกว่า แต่ในแววตาฉายชัดด้วยความหวาดกลัว

"ตั้งค่ายกล!" โกซุ่นชักกระบี่ตะโกนสั่งการ

"ฆ่า!" ทหารหน่วยทะลวงค่ายตะโกนตอบรับ แม้จะมีจำนวนเพียงแปดร้อย หากแต่สภาวะกลับเหนือกว่าผู้คนจำนวนนับพัน ต่อให้อีกฝ่ายมีทหารนับหมื่น พวกเขาก็หาเกรงกลัวไม่

มุมปากบอกสุ้นกระตุกเบาๆ เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของหน่วยทะลวงค่ายมาบ้าง พวกเขาเปรียบดั่งดาบอันคมกล้าของเต๊งหงวน หน่วยทหารของเขามีชื่อเสียงในปิงโจวไม่แพ้กองพลหมาป่าของลิโป้เลย

หน่วยทะลวงค่ายเริ่มรุกคืบล่าสังหาร ใช่แล้ว เป็นการล่าสังหาร หากทหารม้าปิงโจวคือปลายกระบี่อันคมกริบ เช่นนั้นหน่วยทะลวงค่ายก็คือดาบอันคมกล้า ผ่าฟันเข้าใส่กองทัพของบอกสุ้น

ลิซกเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่ทัพกลาง เมื่อเห็นว่ากองทัพฝ่ายศัตรูไม่อาจต้านทานได้อีก เขาก็รีบออกคำสั่งให้ทุกเหล่าทัพบุกจู่โจม นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะกวาดล้างศัตรูในคราเดียว

เมื่อเห็นฝ่ายศัตรูทุ่มกำลังออกมาทั้งรัง บอกสุ้นก็หลั่งเหลื่อเต็มใบหน้า สู้รบกับลิโป้ครั้งนี้ เขาสู้อีกฝ่ายไม่ได้เลย วินาทีนั้น เขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเตียนเอี๋ยงจึงไม่ต้องการเป็นศัตรูกับลิโป้ ลิโป้ดุร้ายเกินไป แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้กับลิโป้

"จับเป็นบอกสุ้น!" ลิโป้คำราม แข้งขาของบอกสุ้นพลันอ่อนยวบทันทีที่ได้ยิน เขารีบชี้ไม้ชี้มือ ส่งทหารออกไปสกัดลิโป้เอาไว้

ทหารม้าของลิโป้ได้ทำลายความมั่นใจของทัพบอกสุ้นลง และการออกศึกของหน่วยทะลวงค่ายก็เป็นตัวกระตุ้นให้ทหารฝ่ายศัตรูหลบหนี เดิมที ไพร่พลของบอกสุ้นนั้นคิดว่า ล้วนเป้นทหารราบเหมือนกัน ฝีมือคงไม่ด้อยกว่ากันสักเท่าใด ยิ่งกว่านั้นฝั่งพวกเขายังมีเปรียบด้านจำนวน ทว่าหลังจากเข้าปะทะกันแล้ว กลับกลายเป็นว่าพวกเขาถูกสังหารอยู่เพียงฝ่ายเดียว โดยที่ไม่แม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วนให้กับอีกฝ่ายได้ด้วยซ้ำ

ทหารในกองทัพบอกสุ้นส่วนใหญ่เป็นทหารที่ไม่เคยออกรบ ตอนลงสนามใหม่ๆก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่เมื่อเกิดการบาดเจ็บล้มตายอย่างหนัก ขวัญกำลังใจของพวกเขาก็เริ่มพังทลาย

มองเห็นธงที่สลักคำว่า "บอก" อยู่ไกลๆ ลิโป้ก็ตะโกนพลางพุ่งม้าเข้าใกล้ ทวนกรีดนภากวาดฟันพวกทหารที่ขวางทางจนแตกกระเจิง เหล่าทหารม้าที่ติดตามลิโป้มา เมื่อเห็นความองอาจของผู้นำ พวกเขาก็ตะโกนโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น

บอกสุ้นทราบว่าฝืนยื้อสู้ต่อไปไม่ได้แล้ว ดังนั้นจึงนำทหารองค์รักษ์ขี่ม้าหลบหนี

"บอกสุ้นหนีไปแล้ว คนที่ยอมจำนนจะได้รับการละเว้น!" ลิโป้ตะโกน

"บอกสุ้นหนีไปแล้ว คนที่ยอมจำนนจะได้รับการละเว้น!" ทั่วสนามรบค่อยๆบังเกิดเสียงตะโกนนี้ดังต่อไปเป็นทอดๆ

แม่ทัพนายกองและเหล่าทหารของบอกสุ้นต่างก็ตกใจเมื่อพบว่าธงของทัพกลางกำลังเคลื่อนห่างออกไป เห็นได้ชัดว่าบอกสุ้นได้หลบหนีไปแล้วเรียบร้อย เมื่อผู้นำหลบหนีไปแล้ว พวกเขายังจะสู้ต่อทำอะไร? อย่างไรเสียทั้งหมดก็ล้วนเป็นคนปิงโจวเหมือนกัน ศัตรูคงไม่หยามหยันพวกตนให้ต้องอัปยศกระมัง

เผชิญศัตรูที่เข้มแข็ง เมื่อบอกสุ้นเลือกที่จะหลบหนีไป พวกทหารก็เริ่มทิ้งอาวุธยอมจำนนทีละคน พวกเขาลดตัวลงนั่งยองๆพลางนำมือประสานไว้ที่ศีรษะ ปฏิบัติตามคำสั่งที่ทหารของลิโป้ตะโกนออกมา เมื่อเลือกยอมแพ้แล้ว หัวใจของพวกเขาก็ผ่อนคลายขึ้น ไม่หวาดวิตกเช่นก่อนหน้าอีก

ลิโป้นำทหารไล่ตามบอกสุ้นไป ที่เขาต้องการคือศีรษะของบอกสุ้น เพื่อให้ศึกนี้กลายเป็นชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ นับแต่เริ่มต้นจนถึงสิ้นสุด เขาก็ไม่คิดว่าทหารจำนวนหนึ่งหมื่นของบอกสุ้นจะสามารถเอาชนะกองทัพของเขาได้อยู่แล้ว

บอกสุ้นเกลียดที่พ่อแม่ให้ตนมาเพียงสองขา ความพ่ายแพ้ของเขาเป็นที่แน่นอนแล้ว แต่ขอเพียงเขาสามารถกลับไปยังจิ้นหยาง กองทัพของลิโป้ที่มีคนเพียงไม่กี่พันและขาดแคลนเครื่องมือตีเมือง ย่อมไม่อาจบุกเข้าจิ้นหยางได้

ลิโป้ติดตามใกล้เข้ามาแล้ว ตอนนั้นเอง บอกสุ้นก็พบว่าคำสั่งที่มีต่อทหารส่วนตัวของเขาไม่ค่อยได้ผลอีก พวกเขาต่างคนต่างหวังเพียงเอาตัวรอด ไม่ว่าใครก็ไม่อยากหันไปเผชิญหน้ากับลิโป้

"บอกสุ้นตายแล้ว!" ทวนในมือปราดแทงใส่ม้าของบอกสุ้น บอกสุ้นส่งเสียงร้องคำหนึ่งก็ร่วงตกจากม้าไป และถูกทหารที่วิ่งตามมาเหยียบย่ำจนร้องโอดโอย เมื่อองค์รักษ์ได้เห็นฉากนี้ก็ยิ่งหนีเร็วกว่าเดิม

ชัยชนะครั้งนี้เป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว ลิโป้จ้องมองบอกสุ้นที่ตัวสั่นเทิ้มอยู่บนพื้น "แม่ทัพบอกสุ้น เจ้าคิดว่าข้าควรจะให้เจ้าตายอย่างไรดี?"

"ทะ ท่านแม่ทัพลิโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!" เมื่อเผชิญกับความตาย บอกสุ้นก็กลัวจนฉี่ราดกางเกง

"สวะ" ลิโป้ขมวดคิ้ว

"กลัวจนฉี่ราดเลยงั้นรึ?" โจเส็งลงจากม้าก่อนจะเดินเข้าไปเตะบอกสุ้น "ไม่เห็นวางท่าเหมือนตอนอยู่ที่ด่านหูกวนเลยเล่า?"

"แม่ทัพโจโปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย ข้าน้อยเพียงทำตามคำสั่งของเตียนเอี๋ยง มิเช่นนั้นต่อให้ข้าน้อยมีความกล้ามากกว่านี้เป็นสิบเท่าก็ไม่กล้าขัดขวางท่านแม่ทัพหรอกขอรับ!"

"อืม เช่นนั้นก็ตอบคำถามของแม่ทัพผู้นี้มา หากพบว่าเจ้าโกหก ข้าจะสั่งให้ทหารแยกร่างเจ้าเป็นแปดส่วน!" สิ้นเสียงของลิโป้ เหล่าทหารม้าที่อยู่ทางด้านหลังก็แสยะยิ้ม มองดูบอกสุ้นราวกับกำลังมองดูลูกแกะที่กำลังจะถูกเชือด

"ท่านแม่ทัพเชิญถาม ข้าน้อยจะตอบให้ทุกอย่าง!" บอกสุ้นรีบกล่าวขึ้น

"แม่ทัพผู้นี้ขอถามเจ้า ในเมืองจิ้นหยางยังมีไพร่พลอยู่อีกเท่าใด?"

"มีไม่ถึงสองพันขอรับ อีกทั้งยังมีแต่คนแก่อ่อนแอ ทหารฝีมือดีถูกข้าน้อยนำออกมาทั้งหมดแล้วขอรับ" บอกสุ้นกล่าวด้วยสีหน้าอับอาย

"ข้าจะละเว้นชีวิตสุนัขของเจ้าไว้ชั่วคราว" จากนั้นลิโป้จึงปรายตามองโจเส็ง "สั่งให้ทหารม้าห้าร้อยนายรีบผลัดเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าทหารของบอกสุ้น ทหารม้าที่เหลือให้ตามไปสมทบทีหลัง"

"นายท่านช่างปราดเปรื่อง เช่นนี้ก็สามารถเข้าเมืองจิ้นหยางได้อย่างง่ายดายแล้ว" ดวงตาของลิซกเป็นประกายขึ้นมา

"เว่ยกงยกย่องข้าเกินไปแล้ว นี่เพียงเป็นแผนเล็กๆน้อยๆ" ได้รับการชมเชยจากลิซก ลิโป้ก็รู้สึกเขินอายอยู่บ้าง

หลังจากพูดคุยอีกสองสามประโยค ลิโป้ก็ไม่ฟังคำทัดทานของลิซก นำทหารม้าจำนวนห้าร้อยคุมตัวบอกสุ้นไปที่เมืองจิ้นหยางด้วยตนเอง

"แม่ทัพที่เฝ้าเมืองอยู่เป็นใคร? รีบเปิดประตูเร็ว ทหารของลิโป้กำลังไล่ตามมาแล้ว!" โจเส็งที่ใช้โคลนทาทั่วใบหน้าจนดูน่าอนาถรีบตะโกนขึ้นด้วยความร้อนใจ

"ว่าไงนะ? ลิโป้กำลังไล่ตามมางั้นรึ? เร็ว รีบเปิดประตูให้พวกเขาเข้ามา" เมื่อเห็นฝุ่นผงปลิวคละคลุ้งอยู่ไกลๆ แม่ทัพเฝ้าประตูก็รีบสั่งให้เปิดประตูรับทหารฝ่ายเดียวกันเข้ามา

"ท่านแม่ทัพ ข้าเกรงว่านี่จะเป็นอุบาย" นายกองที่อยู่ด้านข้างรีบเอ่ยทัดทาน

"อืม ก็จริง" แม่ทัพพลันหน้าเคร่งขรึม "เจ้าไปตรวจสอบดูซิ"

"พวกเจ้าเป็นทหารของใคร?" นายกองตะโกนถาม

"พวกเราเป็นทหารม้าในสังกัดของท่านแม่ทัพบอกสุ้น โปรดรีบเปิดประตูให้พวกเราเข้าไปด้วย" โจเส็งกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน

ลิโป้ปรายตามองบอกสุ้น บอกสุ้นที่ถูกข่มขู่คุกคามมาตลอดทางจึงไม่มีทางเลือกนอกจากได้แต่ทำตามคำสั่งของลิโป้

"เจ้าตาบอดหรือไร? ไม่เห็นหรือว่าแม่ทัพผู้นี้อยู่ที่นี่ เร็วเข้า รีบเปิดประตูเมือง มิเช่นนั้นหากศัตรูไล่ตามมาทัน แม่ทัพผู้นี้จะสังหารเจ้าก่อน!" บอกสุ้นตะโกน ลักษณะท่าทางฟื้นคืนสู่ความยิ่งใหญ่ไม่เหมือนตอนอยู่ต่อหน้าลิโป้

"หึ ช่างองอาจเสียจริง" ลิโป้พึมพำขึ้นมาเบาๆ

เมื่อเห็นว่าเป็นบอกสุ้น ทหารบนกำแพงก็ไม่สงสัยอะไรอีก รีบเปิดประตูเมือง

เมื่อเห็นประตูเมืองอันหนักอึ้งค่อยๆเปิดออก ลิโป้ระบายลมหายใจด้วยความโล่งอก กำแพงของเมืองจิ้นหยางทั้งสูงและแข็งแรงทนทาน ต่อให้ภายในเมืองจะมีไพร่พลประจำการเพียงสองพัน แต่หากตั้งรับอย่างแข็งขัน กองทัพของเขาก็ยากจะฝ่าเข้าไปได้

เมื่อทหารทุกนายเข้ามาในเมืองจนหมดแล้ว ลิโป้ก็ตะโกนส่งสัญญาณ พวกทหารที่เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้วก็พลันจู่โจมลงมือ ทหารเฝ้าเมืองที่ไม่ทันระวังตัวจึงถูกสังหารบาดเจ็บล้มตายสาหัส

ประตูเมืองที่เพิ่งปิดลงค่อยๆเปิดออกอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน ทหารม้าที่ไล่ตามมาก็ปรากฏขึ้นในระยะสายตา สภาวะที่เกิดจากทหารม้าจำนวนนับพันทำให้ทหารเฝ้าเมืองต่างก็ตัวสั่นเทิ้ม

"ไม่ได้การ ประตูเมืองถูกยึดไปแล้ว!" นายกองกล่าวด้วยใบหน้าซีดเผือด

"เร็วเข้า รีบไปอุดประตูเมืองไว้!" แม่ทัพเฝ้าเมืองชักกระบี่นำทหารเข้าต่อสู้