ตอนที่ 109 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

การกระทำของกุยแกได้สร้างความไม่พอใจให้กับลิซกอย่างลึกล้ำ เพียงมาถึงปิ้งโจวก็ได้รับความสำคัญถึงเพียงนี้ แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่คำนับลิโป้เป็นนาย นี่จะให้เขาทนทานได้อย่างไร? แต่เมื่อลิโป้ไม่ใส่ใจ เขาก็ยากจะพูดอะไรได้

หลังงานเลี้ยงเลิกลาและทุกคนกลับไปแล้ว กุยแกยังคงรั้งอยู่ เมื่อขาเลือกจะรับใช้ปิ้งโจวช่วงหนึ่ง เขาก็ต้องใช้ความพยามเพื่อแสดงให้บรรดาขุนนางของปิ้งโจวได้เห็นว่า เขา กุยแกผู้นี้มีความสามารถไม่แพ้ผู้ใด แม้เปลือกนอกกุยแกจะดูสงบ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นคนหนุ่ม ย่อมไม่ต้องการให้ผู้อื่นมาดูถูก

ภายในห้องหนังสือ หนังสือต่างๆถูกจัดวางไว้บนชั้นอย่างเป็นระเบียบ หนังสือเหล่านี้จัดสร้างขึ้นด้วยเครื่องพิมพ์แบบเคลื่อนย้ายได้ เนื่องจากเทคโนโลยีทั้งยังไม่สมบูรณ์ ตัวหนังสือที่พิมพ์ออกมาจึงพร่าเลือน ไม่ค่อยชัดเจนสักเท่าใด หนังสือเหล่านี้ถูกเก็บไว้ภายในจวนเจ้าเมืองของลิโป้เพื่อการศึกษา และยังถือได้ว่าเป็นงานศิลป์ของลิโป้

เมื่อกุยแกได้เห็นหนังสือ สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ หนังสือมีความสำคัญต่อเหล่าบัณฑิตมาก เพียงอ่านเล่มหนึ่ง ก็สามารถเป็นขุนนางดูแลสถานที่หนึ่ง ดังนั้นคุณค่าของกระดาษจึงเป็นที่จินตนาการได้ แม้ว่าปิ้งโจวจะมีเงินจากการขายกระดาษให้หลี่ฟ่านและบิต๊ก กระนั้นก็ยังมีบัณฑิตจำนวนมากที่ไม่อาจหามาไว้ในครอบครอง

"เฟิ่งเซี่ยว เหล่านี้เป็นหนังสือตำราที่เหล่าซือเก็บสะสมมาชั่วชีวิต เวลานี้ปิ้งโจวยังไม่อาจผลิตเพิ่ม มิเช่นนั้นคงมอบหนังสือเหล่านี้ให้บัณฑิตทั่วแผ่นดินคนละหนึ่งชุดไปแล้ว" ความประหลาดใจในแววตาของกุยแกทำให้ลิโป้รู้สึกภูมิใจ

ที่นี่มีหนังสืออยู่หลายสิบเล่ม หนึ่งคนหนึ่งชุด จะต้องใช้กระดาษมากมายปานใดกัน? จะต้องใช้คนคัดลอกมากมายเพียงไหน? นี่ยากจะประมาณได้ ยังไม่ต้องกล่าวถึงอำนาจของปิ้งโจว กระทั่งฮ่องเต้ก็ยังไม่กล้ากล่าววาจาคุยโตเช่นนี้

"เฟิ่งเซี่ยวอย่าได้คิดว่าข้าพูดเล่นเชียว หนังสือเหล่านี้เดิมทีก็เขียนขึ้นเพื่อให้ผู้คนทั่วแผ่นดินอ่านอยู่แล้ว เก็บซ่อนไว้ที่มุมหนึ่งแล้วจะมีประโยชน์อะไร? เฟิ่งเซี่ยวก็มาที่จิ้นหยางได้สักระยะแล้ว ไม่ทราบมีความเห็นต่อโรงเรียนจิ้นหยางที่อยู่ในเมืองว่าอย่างไร?"

ในใจกุยแกพลันบังเกิดระลอกคลื่น หากบรรดาเจ้าเมืองคิดว่าลิโป้เป็นคนหยาบที่ไม่รู้สิ่งใดแล้วล่ะก็ พวกเขาคงคิดผิดมหันต์ แม้แต่ขุนนางนักปราชญ์ชั้นผู้ใหญ่อย่างซัวหยงยังเต็มใจรับเขาเป็นศิษย์ แล้วเขาจะธรรมดาได้อย่างไร?

"เรียนใต้เท้า โรงเรียนจิ้นหยาง ข้าน้อยเคยได้ยินมาบ้าง เป็นที่ทราบกันดีว่าที่ใต้เท้าบาดหมางกับตระกูลใหญ่ก็เพราะเรื่องนี้ หากไม่ใช่เพราะใต้เท้าซัว ข้าน้อยเกรงว่าบัณฑิตทั้งแผ่นดินคงวิพากษ์วิจารณ์กันไปแล้ว กล่าวได้ว่าโรงเรียนจิ้นหยางถือเป็นเสี้ยนหนามในสายตาของตระกูลใหญ่"

"เฟิ่งเซี่ยวก็คิดเห็นเช่นนั้น?" ลิโป้เอ่ยถาม

"ก่อนที่จะมายังจิ้นหยาง ข้าน้อยก็คิดว่าการก่อตั้งโรงเรียนจิ้นหยางนั้นไม่เหมาะสมจริงๆ แต่หลังจากได้ทราบความทะเยอทะยานของใต้เท้าแล้ว ข้าน้อยก็รู้สึกละอายใจนัก ผู้คนออกจะประเมินใต้เท้าต่ำไปแล้ว" กุยแกถอนหายใจ

"ฮ่าๆ เฟิ่งเซี่ยวสามารถหยิบดูแล้ววิพากษ์วิจารณ์ได้เต็มที่"

กุยแกกระอักกระอ่วน เขาหยิบหนังสือที่อยู่ใกล้ที่สุดอย่าง "จั่วจ้วน" ขึ้นมาก่อนจะเริ่มเปิดอ่าน

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ลมหอบหนึ่งพัดมา กุยแกพลันได้สติ จากนั้นจึงกล่าวว่า "ข้าน้อยจดจ่อจนลืมตัวไปชั่วขณะ ขอใต้เท้าอย่าได้ตำหนิ"

"ไม่เป็นไร หากว่าเฟิ่งเซี่ยว ข้าจะมอบให้ชุดหนึ่ง ปล่อยไว้ก็ฝุ่นจับเปล่าๆ" ลิโป้ยิ้มกล่าว

กุยแกดีใจมาก เมื่อคิดว่าจะได้ศึกษาหนังสือตำราเหล่านี้ เขาก็แทบจะเก็บอาการดีใจเอาไว้ไม่อยู่ แม้จะมีฐานะเป็นศิษย์ของสุมาเต็กโช แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ซัวหยงจะมอบหนังสือที่เขาสะสมมาตลอดให้เขาอ่าน หากบัณฑิตคนอื่นๆได้ทราบเรื่องนี้ล่ะก็ พวกเขาคงพากันบ้าคลั่งขึ้นมา

"ขอบคุณใต้เท้า" กุยแกกุมมือกล่าว

"เฟิ่งเซี่ยวเห็นอะไรจากหนังสือนี้?"

"เห็นอะไร?" กุยแกนิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า "เป็นไปได้หรือไม่ว่าใต้เท้ากำลังพูดถึงเรื่องลายมือ? ข้าน้อยคิดว่าลายมือในหนังสือค่อนข้างจะแข็งทื่อ อีกทั้งบางประโยคยังเลือนลาง คาดว่าผู้ทำการคัดลอกคงจะไม่ชำนาญสักเท่าใด"

"ฮ่าๆ นึกไม่ถึงว่าจะมีสิ่งที่เฟิ่งเซี่ยวคาดเดาไม่ออก" จากนั้นลิโป้จึงอธิบายถึงเครื่องพิมพ์แบบเคลื่อนย้ายได้คร่าวๆ

ปฏิกิริยาของกุยแกยังรุนแรงยิ่งกว่าซัวหยงตอนที่ได้รับรู้เรื่องนี้เสียอีก ปากของเขาอ้าค้างขณะที่สีหน้ากลายเป็นทื่อด้าน

"เฟิ่งเซี่ยว เป็นอะไรหรือ?"

"ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเพียงตกตะลึงเกินไป แบบนี้นี่เอง หากเป็นดั่งคำกล่าวของใต้เท้า ก็นับเป็นวาสนาของบัณฑิตทั่วแผ่นดินแล้ว" กุยแกดูเหมือนจะนึกอะไรได้ ดังนั้นจึงทอดถอนใจกล่าวอย่างจริงใจ

"เฟิ่งเซี่ยว เวลานี้ปิ้งโจวมั่นคงแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นดินแดนที่แร้นแค้น ในหมู่ขุนนางนั้น ส่วนใหญ่ล้วนมาจากตระกูลขุนนาง คำสั่งไม่ค่อยมีผลต่อพวกเขาสักเท่าใด อีกทั้งประชาชนยังอยู่อย่างยากลำบาก ไม่ทราบว่าเฟิ่งเซี่ยวพอจะมีความคิดเห็นหรือไม่?"

ความตั้งใจของกุยแกคือรั้งอยู่เพื่อให้คำปรึกษาและได้รับการใช้สอยจากลิโป้ ดังนั้นเขาย่อมต้องแสดงความสามารถและวิสัยทัศน์

"เรียนใต้เท้า แผ่นดินนี้มีตระกูลขุนนางอยู่มากมาย ใต้เท้าต้องการจะใช้กำลังของปิ้งโจวต่อต้านกับตระกูลใหญ่ทั่วแผ่นดินหรือขอรับ? หากว่าใต้เท้ากระตือรือร้นจะเปลี่ยนปิ้งโจวให้เป็นแบบเมืองจิ้นหยาง ข้าน้อยเกรงว่าเรื่องนี้จะทำให้ตระกูลต่างๆรวมตัวกันต่อต้าน ทำให้พวกเราสุขสบายได้แค่เพียงที่ปิ้งโจวเท่านั้น ขอยกตัวอย่างเช่น อ้วนเสี้ยว เล่าเปียวและคนอื่นๆที่พึ่งพาตระกูลใหญ่"

"ชื่อของโรงเรียนจิ้นหยางได้แพร่กระจายไปทั่วแผ่นดิน หากไม่ใช่เพราะข้าน้อยมาที่ปิ้งโจว ข้าน้อยก็คงจะไม่ทราบรายละเอียด ใต้เท้าประกาศรับสมัครผู้มีความรู้ความสามารถ สร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าบัณฑิตทั่วแผ่นดิน นอกจากนี้ใต้เท้ายังมีการใช้สอยทั้งบัณฑิต ชาวนา ช่างฝีมือและพ่อค้า ซึ่งทำให้บัณฑิตที่เดิมที่ต้องการจะเข้าร่วมเกิดความลังเล นับแต่โบราณมา พ่อค้าก็มีฐานะต่ำต้อยที่สุด ดังนั้นจึงมีบัณฑิตเพียงส่วนน้อยที่ยังตั้งใจจะมายังปิ้งโจว"

"ยิ่งกว่านั้น ในหมู่บัณฑิต ส่วนใหญ่ยังเป็นคนจากตระกูลขุนนาง ใต้เท้ามีชื่อจากการปราบสามตระกูลใหญ่ที่ลุกฮือขึ้นในเมืองจิ้นหยาง ทำให้ตระกูลต่างๆทั่วแผ่นดินเกิความตื่นตัว ปิ้งโจวอยู่ติดชายแดน อำนาจของตระกูลใหญ่ที่นี่ยังน้อยกว่าตระกูลใหญ่ที่ภาคกลาง หากใต้เท้ามีใจคิดเข้าสู่ภาคกลาง ตระกูลเหล่านั้นจะต้องต่อต้านอย่างแน่นอน"

ลิโป้พยักหน้าเบาๆ กาเซี่ยงเคยวิเคราะห์เรื่องนี้ให้เขาฟังแล้ว

"ฮ่องเต้ทรงทุกข์ตรมอยู่ในเงื้อมมือของตั๋งโต๊ะ ขุนนางที่กุมอำนาจทั้งหลายต่างก็ไม่เต็มใจจะถูกราชสำนักควบคุม กษัตริย์อ่อนแอ ขุนนางเข้มแข็ง เป็นสัญญาว่าแผ่นดินกำลังวุ่นวาย" กุยแกกล่าวต่อไป

"ใต้เท้าทำศึกกับตั๋งโต๊ะที่นอกเมืองลั่วหยาง ทั้งยังเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรปราบตั๋งโต๊ะ มีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วแผ่นดิน หลังจากกลับมาที่ปิ้งโจว ก็ยึดครองปิ้งโจว ทำให้ผู้คนไม่พอใจ นี่นับเป็นความผิดพลาดประการแรก แม้ว่าเตียนเอี๋ยงจะเขียนหนังสือแนะนำให้ใต้เท้าขึ้นเป็นเจ้าเมืองปิ้งโจว แต่นี่จะปกปิดความจริงจากผู้คนทั่วแผ่นดินได้หรือ?"

สีหน้าของลิโป้เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์เล็กน้อย

"ใต้เท้าปราบปรามกบฏซยงหนู สร้างคุณให้ราชสำนัก ทำให้เจ้าเมืองทั้งหลายต้องหันมาให้ความสนใจอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ทำให้พวกเขาเฝ้าระวังป้องกันต่อใต้เท้า"

"อ้วนเสี้ยวแห่งกิจิ๋ว เกิดในตระกูลที่สืบทอดตำแหน่งขุนนางถึงสี่สมัย มีที่ปรึกษาและแม่ทัพใต้บัญชาจำนวนนับไม่ถ้วน กิจิ๋วมีเสบียงอาหารและไพร่พลพร้อมสรรพ ครั้งหนึ่งใต้เท้าเคยส่งกำลังไปรุกราน สร้างเป็นความบาดหมางกับอ้วนเสี้ยว นี่นับเป็นความผิดพลาดประการที่สอง"

"กระดษาจิ้นถูกผลิตขึ้นในจิ้นหยาง เรื่องนี้เป็นที่ล่วงรู้กันทั่วเกงจิ๋ว กระดาษจิ้นมีราคาแพง บัณฑิตทั่วไปยังไม่อาจซื้อหามาครอบครอง เมื่อเป็นเช่นนี้ เหล่าบัณฑิตก็จะคิดว่าใต้เท้าโลภมาก และดูแคลนที่จะมาเป็นขุนนางให้ปิ้งโจว นี่นับเป็นความผิดพลาดประการที่สาม"

ลิโป้ต้องยอมรับสิ่งที่กุยแกกล่าว หลังจากมาถึงปิ้งโจวเขาก็ละเลยเรื่องราวหลายๆอย่าง แต่คิดไม่ถึงว่าจะมากมายขนาดนี้ ลิซกอาจจะมองไม่เห็นข้อบกพร่องเหล่านี้ ส่วนกาเซี่ยงก็พยายามสุดความสามารถเพื่อจะแก้ไข ดูเหมือนว่าเขาจะมองโลกในแง่ดีไปแล้ว....