ตอนที่ 113 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ภายในเมืองจิ้นหยาง ทหารกลุ่มหนึ่งกำลังเดินอย่างรวดเร็ว การตรวจสอบของประตูเมืองแต่ละแห่งเข้มงวดขึ้นมาก และยิ่งเข้าใกล้บริเวณจวนเจ้าเมืองก็ยิ่งมีการตรวจตราเพิ่มขึ้น ทุกๆช่วงเวลาหนึ่งจะมีทหารลาดตระเวนนับร้อยเดินผ่านไปมา

ชาวบ้านต่างพูดคุยกันถึงเรื่องสงครามในปิ้งโจว พวกเขาให้ความร่วมมือกับการตรวจสอบของทหารเป็นอย่างดี นี่เป็นสงครามที่เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของทั้งปิ้งโจว จึงทำให้ชาวปิ้งโจวเกิดความกังวลเป็นพิเศษ พวกเขาพอจะเคยได้ยินถึงความโหดร้ายป่าเถื่อนของชาวเซียนเป่ยมาบ้าง

พวกเขาไม่อยากจะระหกระเหินร่อนเร่อีกหลังจากเพิ่งมีชีวิตที่มั่นคง พวกเขาไม่ต้องการกลับไปใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวอีกแล้ว

ชายชราผู้หนึ่งที่มีบุตรชายประคองอยู่พลันตะโกนขึ้นว่า "จวนเจ้าเมืองดูแลพวกเราอย่างดี แต่ตอนนี้ชาวเซียนเป่ยกับทหารกิจิ๋วกำลังรุกรานบ้านเมืองของเรา แม้ตาแก่คนนี้จะแก่จนใกล้จะเลอะเลือน แต่ก็รู้จักผิดชอบชั่วดี ปีนี้ครอบครัวของข้ามีอาหารเหลือกิน ดังนั้นจึงตั้งใจจะบริจาคให้กองทัพ!"

คำพูดของชายชราได้ปลุกกระตุ้นความคิดของผู้คนที่อยู่โดยรอบ ผู้คนที่บอกว่าจะบริจาคอาหารให้กองทัพยิ่งมายิ่งมาก สำหรับเหล่าคนหนุ่มแล้ว เมื่ออยู่ในเมืองนี้ ขอเพียงตั้งใจทำงาน พวกเขาก็สามารถเก็บเงินได้มากมาย

จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย ยิ่งมายิ่งมีคนเข้าร่วมการบริจาคเงินทองและเสบียงอาหาร

หลี่ฟ่านประธานหอการค้าจิ้นหยาง เมื่อเห็นฉากนี้ เขาก็ให้พวกพ่อค้ารวบรวมสิ่งของบริจาค ไม่นานมานี้พวกเขาเพิ่งทำการค้าขายกับชาวหู ทำให้ได้กำไรกลับมามหาศาล โดยเฉพาะหลี่ฟ่านที่ยังมีสัมประทานกระดาษจิ้นหยาง ดังนั้นเขาจึงควักเงินออกมาบริจาคถึงหนึ่งหมื่นตำลึง

การปกป้องปิ้งโจวไม่ใช่เพียงหน้าที่ของพวกทหารอีกต่อไป แต่ทุกอาชีพล้วนมีส่วนร่วม แต่ละคนอาจจะบริจาคได้ไม่มาก แต่นี่ก็เป็นการบริจาคด้วยใจ

"เรื่องที่ข้าจะยกทัพไปยังเซียนเป่ยไม่ควรแพร่งพรายออกไป แม้แต่ภรรยาของข้าก็ด้วย เพื่อป้องกันมิให้มีผู้ใดฉวยโอกาสก่อความวุ่นวายขึ้นมา" ลิโป้กำชับ

"ขอรับ" กาเซี่ยงและลิซกกุมมือรับคำ

หลังจากลิโป้เดินออกไป กาเซี่ยงและลิซกก็ฉุดรั้งเตียนอุยมากำชับอีกครั้ง

ความฮึกเหิมของชาวเมืองทำให้ลิโป้รู้สึกสนใจขึ้นมา เขาสั่งให้เตียนอุยเข้าไปสอบถามดู

หลังจากได้ฟังคำรายงานของเตียนอุย ลิโป้ก็นิ่งเงียบ วินาทีนี้เขารู้สึกว่าทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ด้วยการสนับสนุนจากผู้คนมากมายเช่นนี้ ใยยังต้องกังวลว่าปิ้งโจวจะไม่มั่นคงอีก? ได้เห็นแบบนี้ เขาก็รู้ว่าสิ่งที่เคยทำไว้นับว่าคุ้มค่าแล้ว เป็นที่คาดการณ์ได้ว่าหลังจากสงครามครั้งนี้ ชาวบ้านและทหารของปิ้งโจวจะร่วมแรงร่วมใจกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ต่อให้จะมีบางคนต้องการจะก่อความวุ่นวาย ก็จะไม่มีผู้ใดให้การสนับสนุน

"ติดประกาศที่จวนเจ้าเมืองว่าทุกเหล่าทัพเปิดรับสมัครกำลังพล" ลิโป้สั่งการ

...................

"ท่านสามี กลับมาแล้วหรือคะ?" เหยียนหรานวางงานที่อยู่ในมือก่อนจะเดินเข้ามาต้อนรับ

"หรานเอ๋อร์ คืนนี้ข้าจะเข้าครัวปรุงอาหารด้วยตนเอง อ้อ แล้วก็ส่งคนไปเชิญเสี้ยนเอ๋อร์ด้วย" สีหน้าที่เย็นชาก่อนหน้าของลิโป้พลันหายวับก่อนจะถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น

ภายในจวนมีบ่าวรับใช้น้อยยิ่ง นี่ก็เป็นความต้องการของหรานเอ๋อร์ นางมักจะกระทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง

"ท่านสามีเป็นประมุขของเมือง จะเข้าครัวทำอาหารด้วยตนเองได้อย่างไรเจ้าคะ? ให้เป็นหน้าที่ของบ่าวไพร่เถอะค่ะ" เหยียนหรานกล่าว

"หรานเอ๋อร์ เมื่ออยู่ในบ้าน ก็มีเพียงสามีเท่านั้น ไม่มีเจ้าเมืองอะไรทั้งนั้น" ลิโป้ฉวยมือของหรานเอ๋อร์มาตีเบาๆ

"เชี่ยเซินทราบแล้ว เช่นนั้นให้เชี่ยเซินทำอาหารให้เถอะค่ะ" เหยียนหรานกล่าว

"ไม่ต้องเถียงกันเรื่องทำอาหารแล้ว คืนนี้พวกเราทั้งครอบครัวจะกินอาหารร่วมกัน ไม่มีคนนอก หรือหรานเอ๋อร์กังวลว่าอาหารที่ข้าทำจะกินไม่ได้?"

เมื่อเห็นว่าลิโป้ยืนกรานหนักแน่น เหยียนหรานก็ได้แต่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แต่นางยากจะจินตนาการจริงๆว่าลิโป้จะปรุงอาหารแบบใด ถึงอย่างนั้นในใจก็รู้สึกซาบซึ้งยิ่ง

ลิโป้ตัดสินใจจะจัดปาร์ตี้บาร์บีคิว หลังจากมาอยู่ในยุคราชวงศ์ได้เกือบปี เขาก็รู้สึกเบื่อกับอาหารที่รสชาติจืดชืด บาร์บีคิวย่อมต้องเป็นอาหารที่เรียกน้ำลายได้อย่างไม่ต้องสงสัย เพียงคิดภาพว่ากินบาร์บีคิวพลางจิบเหล้าไปด้วยแล้วลิโป้ก็กลืนน้ำลาย

ช่วงบ่าย ลิโป้ก็นำลูกมือตัวน้อยวิ่งวุ่นจัดเตรียมวัตถุดิบ เขาไปขอแท่งเหล็กมาจากโรงงานช่างฝีมือ ส่วนเนื้อแกะก็ไปซื้อมาจากพ่อค้านอกด่านซึ่งจะต้องเป็นเนื้อเกรดพรีเมี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย

มีสีหน้าของลิหลิงฉีจะดูเหน็ดเหนื่อย แต่ก็ยังไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นในใจ ในความคิดของนางนั้น การได้ออกไปจับจ่ายซื้อของกับบิดานับเป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุด และบัดนี้สองมือน้อยๆของนางเต็มไปด้วยของกินเล่นแล้ว

เตียนอุยยังคงกวาดมองโดยรอบด้วยความตื่นตัว เพราะถนนมีคนเดินกันพลุกพล่าน เขาจึงเกือบจะพลัดหลงกับลิโป้อยู่หลายครั้ง

"ท่านลุง ท่านเหนื่อยหรือไม่? หลิงเอ๋อร์ให้ของอร่อยแก่ท่าน" ลิหลิงหยิบยื่นขนมให้เตียนอุย

เตียนอุยยิ้มพลางเกาศีรษะ "ข้าน้อยยังไม่หิว เชิญคุณหนูกินเถอะขอรับ"

ลิโป้หัวเราะ หากท่าทางเซื่องซื่อนี้ของเตียนอุยเผยแพร่แก่สายตาของพวกองค์รักษ์ พวกเขาคงต้องปากอ้าตาค้างกันแน่ๆ แม้เตียนอุยจะดูสัตย์ซื่อ แต่เขาก็เป็นที่รู้จักดีในเรื่องของความเข้มงวดตอนที่อยู่ในทัพองค์รักษ์

"ท่านพ่อทำอะไรอยู่เหรอ? ของพวกนี้กินได้ไหมคะ?" ลิหลิงฉีมองดูลิโป้ใช้เหล็กเสียบเนื้อแกะด้วยความสงสัยก่อนจะถามออกมา

เตียนอุยที่ยืนดูอยู่ด้านข้างก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน นี่น่ะหรืออาหารที่นายท่านบอกว่าเป็นของชั้นเลิศ?

"หลิงเอ๋อร์ สิ่งนี้เรียกว่าเนื้อแกะเสียบไม้ รูปร่างหน้าตาอาจจะยังไม่น่ากิน แต่มันอร่อยมากนะ" การเคลื่อนไหวของลิโป้ยิ่งมายิ่งชำนาญ

เตียวเสี้ยนเดินเข้ามาในจวนเจ้าเมืองด้วยท่าทางเหนียมอาย หลังจากที่ได้ยืนยันความสัมพันธ์กับลิโป้แล้ว นางก็เฝ้ารอให้ลิโป้มาตบแต่งนาง ดังนั้นยามเข้าออกจวนเจ้าเมืองจึงรู้สึกประหม่าทุกครั้ง

"นายหญิง" เตียนอุยกล่าวทักด้วยท่าทางซื่อๆ

เตียวเสี้ยนหน้าแดงก่ำ นางพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะเดินมาอยู่ข้างๆลิโป้ก่อนจะเอ่ยทัก "พี่ใหญ่ลิ"

หลังจากไม่ได้พบหน้ากันหลายวัน เตียวเสี้ยนก็ยังคงงดงามเฉิดฉันเช่นเคย วันนี้นางสวมชุดขาวทำให้มีภาพลักษณ์บริสุทธิ์งดงามราวกับนางเซียน เมื่อลิโป้หันมาเห็นก็พลันนิ่งตะลึง

"พี่ใหญ่ลิ" เตียวเสี้ยนทักอีกรอบด้วยความเขินอาย สีแดงบนใบหน้าค่อยๆลามไปถึงลำคอระหง

ลิโป้พลันได้สติ เขารีบยิ้มกล่าวว่า "เสี้ยนเอ๋อร์มาแล้ว มา ช่วยข้าเสียบเนื้อหน่อย ข้าจะไปจัดเตรียมเตาถ่าน หลิงเอ๋อร์ ไปเรียกมารดามาด้วย พวกเราจะกินอาหารกันแล้ว"

ท้องฟ้าเริ่มมืด ภายในลานบ้านมีแสงไฟจากเตาถ่านส่องสว่าง ลิโป้ถือไม้เสียบเนื้อในสภาพที่มอมแมม เขาค่อยๆบรรจงย่างเนื้อไปทีละไม้

หลังจากยุ่งวุ่นวายมาตลอดทั้งช่วงบ่าย ลิหลิงฉีก็สึกหิว นางนั่งยองๆดูลิโป้ย่างเนื้อ บางครายังกลืนน้ำลายอย่างหิวโหย

กลิ่นของเนื้อแกะค่อยๆลอยไปตามลม ลิหลิงฉีเลียปากแล้วเลียปากอีก "ท่านพ่อ กินได้แล้วหรือยังเจ้าคะ?"

"ยังก่อน ต้องรอให้เนื้อแกะสุกกินจึงค่อยกินได้ มิเช่นนั้นจะล้มป่วยเอา" ลิโป้ตอบพลางหมุนไม้เสียบจนเนื้อแกะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีทองดูน่ากินอย่างมาก

"เอาล่ะ" หลังจากโรยเกลือลงบนเนื้อแกะแล้ว เขาก็วางไม้เสียบลงในจาน

"ในที่สุดก็เสร็จสักที" ลิหลิงฉีปรบมือโห่ร้อง ขณะที่กำลังจะหยิบเนื้อมากิน สายตาของนางก็เหลือบไปเห็นเหยียนหรานและเตียวเสี้ยนที่กำลังย่างเนื้ออยู่ นางจึงหยิบจากมาก่อนจะเดินเข้าไปหาทั้งสอง "ท่านแม่ ท่านน้า ท่านลองกินสิ นี่เป็นอาหารที่ท่านพ่่ปรุงขึ้นมาค่ะ"

ลิโป้ที่กำลังนั่งย่างเนื้อต่อพลันเผยยิ้มบาง

เหยียนหรานหยิบเนื้อเสียบไม้จากจานขึ้นมาเป่าเบาๆ หลังจากลองกัดไปคำหนึ่งก็พยักหน้าเบาๆ "หอมยิ่ง เสี้ยนเอ๋อร์ เจ้าก็ลองกินดูสิ"