ทันทีที่เผชิญหน้ากัน ทหารม้าเฟยฉีก็เผยเขี้ยวเล็บ ลิโป้ขี่ม้านำอยู่ด้านหน้า ทวนกรีดนภาพอกวัดแกว่งไปทางใดก็ไม่มีทหารเซียนเป่ยคนไหนต้านทานติดราวกับเทพสังหาร
เรื่องส่วนสูงของลิโป้นั้นเป็นที่ลือกันภายในหมู่ชาวเซียนเป่ยตั้งนานแล้ว หลายคนบอกว่าเทพเจ้าได้ส่งเขามาเพื่อลงทัณฑ์ชาวทุ่งหญ้า น่าปู้เกินที่ไม่เคยสนใจข่าวลือนี้ได้แต่มองพิจาณาดูลิโป้โดยละเอียด
การไล่ล่าอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่องทำให้ม้าของทหารเซียนเป่ยทั้งเฉื่อยชาและอ่อนล้า หากแต่ม้าของทหารม้าเฟยฉียังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ภายใต้เงื่อนไขข้อนี้ พอเผชิญกับการโจมตีจากทหารม้าเฟยฉี ทหารเซียนเป่ยก็ถูกโจมตีจนแตกกระเจิง
ลิโป้เข่นฆ่าจนโลหิตสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนชุดเกราะ เขานำทหารม้าเฟยฉีโจมตีเข้าใส่ทหารม้าเซียนเป่ยอย่างดุดัน
ความแตกต่างด้านคุณภาพนั้น แม้จะใช้ปริมาณเข้าชดเชยก็ยังคงไม่ได้ผล ฝีมือยุทธ์ ทักษะขี่ม้า ทักษะการยิงธนู ทหารม้าเฟยฉีล้วนไม่ด้อยไปกว่าพวกเขา ผลลัพธืเช่นนี้ทำให้ทหารเซียนเป่ยบังเกิดความกลัวขึ้นในใจ พวกเขาใช่ยังเป็นจ้าวแห่งทุ่งหญ้าอยู่หรือไม่? ไฉนทหารม้าของศัตรูถึงได้ร้ายกาจถึงเพียงนี้? หลายคนพลันหวนนึกถึงช่วงที่ต้าฮั่นยังรุ่งโรจน์ ครานั้นพวกเขาต้องพ่ายแพ้จนต้องถอยร่นไปจนถึงทะเลทรายอันไกลโพ้น
ยามเผชิญหน้ากัน ผู้ใดกล้าหาญกว่า ผู้นั้นก็ชิงเป็นฝ่ายมีเปรียบ เพียงปะทะกันระลอกแรก ทหารม้าเฟยฉีก็แสดงทักษะฝีมืออันยอดเยี่ยมออกมาจนทหารเซียนเป่ยต้องตัวสั่นเทิ้ม น่าปู้เกินไม่อาจทำใจยอมรับได้ลงว่าทหารม้าทัพฮั่นเก่งกาจกว่าทหารม้าเซียนเป่ย ทหารม้ากองนี้ของเขาเป็นเพียงการรวมตัวกันชั่วคราวจากชนเผ่าต่างๆ ดังนั้นจึงนำไปเทียบกับทหารชั้นยอดของทัพใหญ่ไม่ได้ เมื่อหาข้ออ้างให้ตัวเองได้ แววตาของน่าปู้เกินก็ไม่ได้ฉายแววสับสนอีกต่อไป เขาเริ่มสั่งการทหารม้าเซียนเป่ยเข้าต่อสู้กับทหารม้าเฟยฉี ต่อให้สุดท้ายจะพ่ายแพ้ แต่เขาก็จะต้องรักษาศักดิ์ศรีของทหารม้าเซียนเป่ยเอาไว้ให้จงได้
ลิโป้เล็งโจมตีไปยังตำแหน่งที่มีธง เขาพลันเร่งม้าขึ้นหน้าโดยมีองค์รักษ์สิบกว่าคนติดตามไปอย่างใกล้ชิด
เมื่อเห็นแม่ทัพข้าศึกพุ่งมาทางเขา น่าปู้เกินก็ประหลาดใจ นักรบเดนตายที่อยู่รอบๆรีบเข้ามาล้อมอารักขาเขาไว้เป็นชั้นๆ
น่าปู้เกินโบกมือพลางกล่าวว่า "ไม่ต้องตื่นตระหนกไป ทหารม้าของชาวฮั่นมีหรือจะสู้ทหารม้าของเวียนเป่ยที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราได้? จงใช้อาวุธในมือพวกเจ้าบอกต่อชาวฮั่นเหล่านี้ว่าพวกเราแข็งแกร่งเพียงใด!"
การโถมพุ่งเข้ามาของแม่ทัพชาวฮั่นทำให้น่าปู้เกินมองเห็นโอกาสที่จะจับตัวผู้นำของทัพฮั่นไว้ ในความคิดของเขานั้น ขอเพียงจับตัวแม่ทัพของอีกฝ่ายได้ ทหารม้าทัพฮั่นก้จะแตกพ่ายไปเอง
เมื่อบังเกิดความคิดเช่นนี้ เขาก็นำทหารม้าออกไปปะทะ
อาวุธของน่าปู้เกินนั้นเป็นกระบองซึ่งพบเห็นได้ยาก แต่หากว่าแม่ทัพขุนศึกคนใดใช้อาวุธประเภทนี้ ก็แสดงว่าต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างมาก น่าปู้เกินมั่นใจในฝีมือของตน ไม่ทราบมีศัตรูตั้งเท่าใดที่ต้องสังเวยชีวิตภายใต้กระบองด้ามนี้
ทันที่ที่เห็นอาวุธในมือของอีกฝ่าย ลิโป้ก็เพิ่มความระวังมากขึ้น
ฝีเท้าของม้าศึกเร่งความเร็วขึ้นทุกชั่วขณะ ลิโป้ส่งเสียงคำรามก่อนจะฟันทวนกรีดนภาเข้าใส่น่าปู้เกิน
มุมปากของน่าปู้เกินบังเกิดรอยยิ้มเยาะ อีกฝ่ายถึงกับกล้ามาประชันพละกำลังกับตนจริงๆ ทวนนั้นเป็นอาวุธที่คล่องแคล่วและเน้นการใช้งานหลากหลายรูปแบบ แม้จะเป็นอาวุธที่ร้ายกาจ แต่ก็ต้องดูความสามารถของผู้ใช้ด้วย ซึ่งหากเทียบความหนักและแข็งแกร่งแล้ว กระบองย่อมเหนือกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ทวนกรีดนภาและกระบองหนาหนักพุ่งเข้าปะทะกันจนเกิดสะเก็ดไฟกระจายออกมา
ทั้งสองแยกตัวออกก่อนจะเข้าปะทะกันอีกคำรบ เพียงการประมือช่วงสั้นๆ ในใจของน่าปู้เกินก็เกิดมรสุมขึ้น แม่ทัพชาวฮั่นผู้นี้ถึงกับมีพละกำลังไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย
เรื่องนี้ได้กระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของน่าปู้เกินขึ้นมา เขาพลันคำรามพลางควบม้าโถมเข้าใส่ลิโป้อีกครั้ง
ลิโป้แค่นเสียงคำหนึ่ง เมื่อครู่นี้เขาเพียงแค่ลองหยั่งเชิงดู จะได้รู้ว่าผู้นำของศัตรูมีฝีมือสูงต่ำเพียงใด
น่าปู้เกินนั้นสมแล้วที่เคยเป็นแม่ทัพมาก่อน แม้ว่าบัดนี้จะเริ่มชราแล้ว แต่เขาก็ยังสามารถกวัดแกว่งกระบองได้อย่างคล่องแคล่ว เพียงพริบตาก็หักหษยกับลิโป้ไปสามกระบวนแล้ว
ทว่าสุดท้ายเขาก็ชราแล้วจริงๆ ยิ่งเมื่อต้องมาเผชิญกับยอดนักรบอย่างลิโป้ด้วยแล้ว ในที่สุดน่าปู้เกินก็ค่อยๆเหนื่อยหอบ แววตาที่มองดูลิโป้ยิ่งมายิ่งเพิ่มความหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ
ชาวเซียนเป่ยนั้นเทิดทูนวีรบุรุษผู้กล้า ความกล้าหาญของน่าปู้เกินได้ปลุกกระตุ้นขวัญกำลังใจของทหารเซียนเป่ยขึ้นมา
ลิโป้หรี่ตาลง จากนั้นจึงควบม้าพุ่งเข้าหาน่าปู้เกินประดุจสายฟ้า
เผชิญกับการโจมตีที่รวดเร็วอย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้ น่าปู้เกินก็ตกใจมาก เขารีบยกกระบองขึ้นต้านทาน
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รู้สึกถึงแรงปะทะของอาวุธ ทวนกีดนภาไม่ได้กวาดฟันออกดังที่คาด หากแต่เบี่ยงทิศทางไปเล็กน้อย
น่าปู้เกินกรีดร้อง กระบองพลันร่วงผลอยออกจากมือ เขายกมือกุมไหล่พลางพยายามจะหันหัวม้าหลบหนี แต่มีหรือที่ลิโป้จะปล่อยเขาไป ทวนกรีดพุ่งปราดออก น่าปู้เกินก็ร่วงหล่นจากหลังม้า
ความตายของน่าปู้เกินนั้นส่งผลกระทบต่อทหารม้าเซียนเป่ยอย่างมาก โดยเฉพาะการเผชิญหน้ากับลิโป้นั้น พวกเขาคิดไม่ถึงว่าน่าปู้เกินจะจบชีวิตอย่างน่าสังเวชเช่นนี้ ลิโป้ร้ายกาจเกินไป พอเห็นลิโป้ควบม้าไปทางใด ทหารเซียนเป่ยก็จะรีบชักม้าหลบหลีกออกไป
แม้ว่าแม่ทัพของพวกเขาจะตายแล้ว กระนั้นชาวเซียนเป่ยก็ยังไม่ยอมแพ้ พวกเขายังคงต่อสู้สุดกำลัง
การปะทะดำเนินต่อมาอีกเกือบสองชั่วโมง กระแสของสงครามค่อยๆโน้มเอียงมาทางฝั่งของทหารม้าเฟยฉี แม้ว่ากองกำลังทหารม้าเซียนเป่ยนี้จะเกิดจากการรวมตัวกันของหลายๆชนเผ่า แต่พวกเขาก็ยังต่อสู้ได้ดี อย่างไรก็ตามฝีมือการเข่นฆ่าของลิโป้นั้นประดุจเทพสังหารจุติลงมา เมื่อเห็นตรงจุดไหนยังต่อสู้อย่างไม่ลดละ เขาก็จะนำทหารม้าโถมเข้าไปเข่นฆ่า ผลก็คือการต่อต้านจากจุดต่างๆค่อยๆเบาบางลง
ทหารม้าเซียนเป่ยหวาดกลัวแล้ว พวกเขาแต่ละคนมีประสบการณ์การรบมาก็มาก หลายคนต้องจับอาวุธลุกขึ้นปกป้องเผ่าตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นจึงคุ้นชินกับสนามรบยิ่ง ทว่าทหารม้าเฟยฉีทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวแล้ว ไม่ทราบว่าเผ่าใดเป็นเผ่าแรกที่หันหลังหลบหนี ยิ่งมาก็ยิ่งมีทหารเซียนเป่ยหันหลังหลบหนี ทหารม้าเฟยฉีจึงตามไปเข่นฆ่าได้ง่ายดายกว่าเดิม
เมื่อเห็นว่าทหารเซียนเป่ยหมดกำลังจะสู้ต่อแล้ว สีหน้าของลิโป้ก็ค่อยๆผ่อนคลายลง ชาวเซียนเป่ยนั้นร้ายกาจมากจริงๆ แม้จะสูญเสียแม่ทัพหลักไปแล้วก็ยังยืนหยัดต่อต้านได้อย่างเหนียวแน่น ต้องเข่นฆ่าจนถึงจุดหนึ่ง จึงค่อยทำให้พวกเขาละทิ้งศักดิ์ศรีได้
"ใต้เท้า หลังจากจบศึกครั้งนี้ ประมุขเผ่าต่างๆจะต้องตกตะลึงเป็นแน่ ใต้เท้าควรใช้โอกาสนี้บุกโจมตีภูเขาต้านหาน หากทำเช่นนั้น ทัพใหญ่เซียนเป่ยจะต้องเร่งถอนกำลังกลับมาแน่นอนขอรับ!" กุยแกไม่อาจปกปิดสีหน้าที่ตื่นเต้นยินดีเอาไว้ได้ ถึงอย่างไรเขาก็เพิ่งเริ่มต้นชีวิตราชการ ผลงานจากการโจมตีชนเผ่าเซียนเป่ยและยึดครองภูเขาต้านหานแน่นอนว่าจะต้องเป็นผลงานชิ้นใหญ่
"เฟิ่งเซี่ยว ท่านเป็นอะไรหรือไม่?" ลิโป้ถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เป็นใดขอรับ มีทหารม้าเฟยฉีคอยคุ้มครอง ชาวเซียนเป่ยก็ยากที่จะย่างกรายเข้าใกล้" กุยแกตอบ ตามเสื้อผ้าของเขามีคราบดินทรายและโลหิตติดอยู่ กระนั้นสีหน้าของเขาก็ยังมีความสุขอย่างมาก
สังหารทหารม้าเซียนเป่ยไปสองพันกว่าคน ฝ่ายเขาก็สูญเสียทหารม้าเฟยฉีไปเกือบสี่ร้อยนาย หมายความว่ามีอัตราสูญเสียอยู่ราวหนึ่งต่อหน้า ซึ่งนี่ไม่เป็นผลดีต่อทัพม้าเฟยฉีแม้แต่น้อย ทหารชั้นยอดจริงๆของเซียนเป่ยบัดนี้กำลังวุ่นวายอยู่ที่ด่านเยี่ยนเหมิน หากอีกฝ่ายยกทัพใหญ่กลับมา ทัพม้าเฟยฉีคงยากจะต้านทาน
หลังจากเร่งเก็บกวาดสนามรบอย่างลวกๆ ลิโป้ก็นำกำลังไปช่วยเหลือจูล่งและหลี่เยี่ยน สถานการณ์ของพวกเขาคล้ายคลึงกับของลิโป้ พวกเขาใช้การลากถ่วงแล้วยิงธนูสังหารให้ได้มากที่สุดก่อน จากนั้นจึงค่อยปะทะซึ่งหน้า เพราะจำนวนสองฝ่ายไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าใด ดังนั้นทั้งสองทัพจึงสูญเสียกำลังไปประมาณสองร้อยนาย
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved