ตอนที่ 61 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ซัวหยงโบกไม้โบกมือพลางกล่าวว่า "เป็นไปไม่ได้ แม้แต่ในลั่วหยางกระดาษยังเป็นสิ่งหายาก แล้วจะมีกระดาษจำนวนนับไม่ถ้วนได้อย่างไร?"

"ไม่ปิดบังใต้เท้า ข้าบังเอิญได้ตัวช่างทำกระดาษมา และเวลานี้ก็ผลิตกระดาษได้เป็นจำนวนมาก" ลิโป้กล่าว

"ต่อให้ปิ้งโจวมีกระดาษอยู่นับไม่ถ้วน แต่การจัดสร้าง คัดลอก และตรวจทานหนังสือก็ยังต้องใช้คนจำนวนมาก" ในฐานะขุนนางบุ๋นคนหนึ่ง ซัวหยงย่อมไม่หลงเชื่อคำกล่าวของลิโป้ง่ายๆ

"ใต้เท้าซัว ข้าได้คิดค้นวิธีการหนึ่งขึ้นมา ตราบใดที่มีกระดาษเพียงพอ ก็สามารถจัดทำหนังสือขึ้นมาได้มากตามต้องการ" ลิโป้เผยไพ่ตายที่เขาคิดว่าสามารถจัดการซัวหยงได้ออกมา

แม้ว่าซัวหยงจะเป็นขุนนางผู้มีชื่อเสียงลือเลื่อง กระนั้นก็ยังต้องตื่นเต้นต่อหน้าตำรากระดาษจำนวนมาก นั่นไม่ได้หมายความว่าเหล่าบัณฑิตนักศึกษาจะไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีตำราให้อ่านแล้วหรอกหรือ?

"เจ้าพูดจริงรึ?" ซัวหยงฮุบเหยื่ออย่างที่คาด

"หากมีเรื่องเช่นนั้นจริง แม้ว่าเฒ่าชราผู้นี้จะแก่แล้ว แต่ข้าก็เต็มใจจะไปยังปิ้งโจว" ซัวหยงกุมมือคารวะ

ลิโป้ตระหนักได้แล้วว่าตัวเขาคงประเมินความดึงดูดใจของกระดาษต่อเหล่าบัณฑิตนักศึกษาต่ำเกินไป สำหรับเหล่าบัณฑิตแล้ว ยิ่งสามารถบันทึกเรื่องราวได้มากเพียงใดก็ยิ่งสามารถทิ้งร่อยรอยไว้ในประวัติศาสตร์ได้มากเท่านั้น

"ได้ใต้เท้าซัวมาเข้าร่วมถือเป็นโชควาสนาของปิ้งโจว ส่วนเรื่องการสั่งสอนอบรมผู้คน ไม่ทราบใต้เท้ามีความเห็นใดหรือไม่?" ประโยคลิโป้คล้ายกล่าวขึ้นโดยไม่ตั้งใจ

"สั่งสอนผู้คน?" ซัวหยงมุ่นคิ้ว แม้หลายคนปากจะบอกว่าทำเพื่อประชาชน กระนั้นการกระทำเหล่านั้นก็ต้องตั้งอยู่บนผลประโยชน์บางอย่าง

ซัวหยงย่อมตระหนักได้ว่าการสั่งสอนชาวบ้านทั่วไปนั้นยากเย็นและมีอุปสรรคเพียงใด อีกทั้งเขาย่อมเข้าใจว่าเหล่าตระกูลใหญ่ทั้งหลายนั้นมีอำนาจอิทธิพลเพียงใด หากพวกเขาบังเกิดความรู้สึกว่าถูกคุกคาม พวกเขาย่อมต้องยื่นมือออกมากำจัดสิ่งที่คุกคามพวกเขาไป แผ่นดินนี้ไม่ทราบว่ามีตระกูลใหญ่ ตระกูลชนชั้นสูง และตระกูลขุนนางอยู่มากมายเพียงใด ไม่ทราบว่ามีอำนาจอิทธิพลแผ่ไพศาลถึงระดับใด ฮ่องเต้หลายต่อหลายพระองค์ล้วนเคยพยายามจะลอทอนอำนาจของตระกูลเหล่านี้ไม่ทราบกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ

แม้การลงมือต่อตระกูลใหญ่ของลิโป้จะลดทอนอำนาจของตระกูลใหญ่ลงได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงชั่วเวลาสั้นๆ รอจนเมื่อเวลาผ่านไป ตระกูลใหญ่ก็จะผงาดขึ้นอีกครั้ง เหตุผลหลักๆก็เพราะพวกเขาผูกขาดทรัพยากรส่วนใหญ่ในใต้หล้าเอาไว้

"ใต้เท้าลิ เฒ่าชราผู้นี้ขอบังอาจถาม ท่านต้องการจะทำให้ชาวบ้านอ่านออกเขียนได้จริงๆ?" สีหน้าของซัวหยงเปลี่ยนเป็นซับซ้อน

"ใช่ อันที่จริงข้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนส่วนใหญ่ถึงอ่านหนังสือไม่ออก ดังนั้นข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อทำให้ทุกคนในแผ่นดินอ่านออกเขียนได้" ลิโป้กล่าวเสียงหนักแน่น

"ประเสริฐ ใต้เท้าลินับเป็นวีรบุรุษแห่งยุค ด้วยความทะเยอทะยานเช่นนี้ แม้ตัวข้าจะแก่ชรา แต่ก็จะขอบากหน้าเดินทางไปช่วยเหลือใต้เท้าที่ปิ้งโจว" ซัวหยงค้อมคำนับอย่างไม่ลังเล

ในสายตาคนนอกนั้น ลิโป้เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์หยาบกระด้าง เขาเพียงแค่โชคดีได้จับพลัดจับผลูกลายเป็นเจ้าเมืองปิ้งโจว แต่จากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครั้งนี้ ซัวหยงก็พบว่าลิโป้นั้นมีใจจะช่วยเหลือผู้คนจริงๆ ทั้งยังมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะจัดสร้างหนังสือตำรา ซัวหยงตั้งใจจะอุทิศชีวิตที่เหลือเพื่อทำงานใหญ่ "จัดทำหนังสือตำราให้ผู้คนทั่วแผ่นดิน" ซัวหยงเคยผ่านชีวิตที่ยากลำบากมาก่อน ดังนั้นจึงเข้าใจความทรมาณของผู้คนที่อยู่ระดับล่างสุด

ทันใดนั้นซัวหยงก็คล้ายค้นพบเป้าหมายในชีวิต ร่างกายคล้ายกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวากว่าเดิม ลองจินตนาการดู หากว่าหนังสือฮั่นซูถูกคัดลอกและแจกจ่ายไปทั่วแผ่นดิน นั่นจะเป็นฉากที่ตระการตราถึงเพียงไหน

"ใต้เท้าลิมาที่ฉางอันคราวนี้ คงไม่ใช่มาเพื่อเฒ่าชราผู้นี้เพียงอย่างเดียวใช่หรือไม่?" จากการสนทนาก่อนหน้า บรรยากาศของทั้งคู่ก็ดูกลมเกลียวกันมากขึ้น

"ไม่ปิดบังท่าน ข้ามีน้องสาวซึ่งตอนเด็กพลัดพรากจากกันในวัยเด็กคนหนึ่งถูกพบเห็นอยู่ภายในจวนของใต้เท้าซือถู(อัครมหาเสนาบดี) ดังนั้นข้าจึงมาฉางอันเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้" ลิโป้กล่าว

"ใต้เท้าลิช่างกล้าหาญนัก เฒ่าชราผู้นี้เลื่อมใสแล้ว หากมีเรื่องใดต้องการให้ช่วยเหลือ โปรดบอกข้าได้ทันที" ซัวหยงหัวเราะ

"ขอบคุณใต้เท้าซัว ต่อไปท่านเพียงเรียกข้าเฟิ่งเซียนก็พอ" ลิโป้กุมมือ

"ดี เช่นนั้นเฒ่าชราผู้นี้ไม่เกรงใจแล้วนะเฟิ่งเซียน ฮ่าๆ" ซัวหยงหัวเราะเสียงดัง นับตั้งแต่ย้ายมาที่ฉางอัน นับว่าน้อยครั้งยิ่งที่ชายชราจะเบิกบานใจถึงเพียงนี้ การมาของบุตรีและการสนทนากับลิโป้ทำให้เขาค้นพบความหวังสายใหม่ แม้การอยู่ที่ฉางอันจะได้รับใช้ราชสำนัก ทั้งยังตำแหน่งของเขายังไม่ต่ำทราม แต่ใจจริงแล้วเขาก็ไม่ต้องการจะอยู่ที่เมืองแห่งนี้ หากเป็นไปได้ เขาต้องการจะไปอาศัยอยู่ตามป่าตามเขามากกว่า

เพราะได้รับการใช้สอยจากตั๋งโต๊ะ บรรดาสหายเก่าของเขาจึงตีตัวออกห่าง ทั้งยังติฉินนินทาทั้งอย่างเปิดเผยและลับหลัง สำหรับตั๋งโต๊ะนั้น เขาเพียงแค่แสร้งคล้อยตามเพื่อเอาตัวรอด ไม่ได้มีความรู้สึกจงรักภักดีอะไร

"เฟิ่งเซียน เฒ่าชราผู้นี้ต้องการจะรับเจ้าเป็นศิษย์ ไม่รู้ว่าเจ้าจะต้องการหรือไม่?" หลังจากครุ่นคิดใคร่ครวญอยู่นาน ซัวหยงก็เอ่ยปากขึ้นช้าๆ

"เอ๊ะ?" ลิโป้ผงะ

"อะไร? หรือว่าเฟิ่งเซียนไม่เต็มใจ?" ซัวหยงถามด้วยรอยยิ้ม

"ใต้เท้าซัวเป็นปราชญ์บัณฑิตผู้มีชื่อเสียงทั่วแผ่นดิน แล้วมีหรือที่เฟิ่งเซียนจะไม่เต็มใจ?" ลิโป้รีบโค้งคำนับ "เสวียเซิง(นักเรียน)คารวะเหล่าซือ(คุณครู)"

"ประเสริฐ ประเสริฐมาก" ซัวหยงยิ้มลูบเคราด้วยความพอใจ

แม้จะไม่รู้ว่าไฉนซัวหยงจึงอยากรับเขาเป็นศิษย์ แต่เมื่อมีป้ายทองอย่างซัวหยงอยู่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะไม่มีผู้มีสามารถมาเข้าร่วมกับปิ้งโจวอีก อีกทั้งการรับลิโป้เป็นศิษย์ของซัวหยงจะช่วยกระพือความร้อนแรงของปิ้งโจวขึ้นอีก

"แม้ภายในเมืองข้าจะมีตำแหน่งไม่เลว แต่ข้าก็ไม่เต็มใจ ไม่ช้าก็เร็วข้าคงถูกผู้อื่นทำร้ายเอา เฟิ่งเซียน หลังจากพวกเรากลับไปที่ปิ้งโจวในฐานะศิษย์และอาจารย์ ข้าก้จะกลายเป็นครูสอนหนังสือที่มีชื่อเสียงในปิ้งโจว แม้เฒ่าชราผู้นี้จะตายก็ไม่เป็นไร แต่ชีวิตของลูกเอี๋ยมนั้นยากลำบากนัก อีกทั้งเฒ่าชราผู้นี้ยังคิดจะฟื้นฟูหนังสือฮั่นซูขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นจึงไม่อยากจะทำลายชีวิตของบุตรี" ซัวหยงทอดถอนใจ เขารับลิโป้เป็นศิษย์ แล้วจะไม่มีความคิดแอบแฝงได้อย่างไร

"เหล่าซือโปรดวางใจ ขอเพียงเสวียเซิงยังมีชีวิตอยู่ จะไม่ปล่อยให้ผู้ใดมาทำร้ายท่านและแม่นางซัวเอี๋ยมอย่างเด็ดขาด" ลิโป้ให้คำมั่นสัญญา

"มีเฟิ่งเซียนอยู่ ข้าก็วางใจแล้ว หลังจากที่ข้าขอลาออกจากราชการ ข้าก็จะเดินทางไปปิ้งโจวพร้อมกันกับเจ้า"

"ไม่ได้นะขอรับ โจรเฒ่าตั๋งโต๊ะให้ความสำคัญต่อท่านมาก หากจู่ๆท่านขอลาออก เขาจะต้องสงสัยท่านเป็นแน่" ลิโป้รีบทัดทาน

"นั่นจะได้อย่างไร? ไม่ ข้าต้องไปลาออกก่อน" ซัวหยงยืนกราน

"เหล่าซือ หากท่านต้องการจะลาออก ท่านเพียงแค่ฝากจดหมายให้คนไปส่งหลังจากไปถึงปิ้งโจวแล้วก็พอ นี่ก็เพื่อความปลอดภัยของซัวเอี๋ยม"

เมื่อเอ่ยถึงซัวเอี๋ยม ซัวหยงก็นิ่งเงียบไป ไม่ได้คัดค้านอีก

ด้วยชื่อชั้นของซัวหยงแล้ว ลิโป้ก็คิดว่าการเดินทางครั้งนี้นับว่าได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมมาก มีคนไม่น้อยที่รู้จักเขาอยู่ในเมืองนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ควรเปิดเผยตัวมากเกินไป นอกจากนี้เขายังต้องเตรียมการคุ้มครองซัวเอี๋ยมกลับไปด้วย

"น้องสาวที่พลัดพรากของเจ้าตนนั้นชื่ออะไร? อ้องซือถู(อัครมหาเสนาบดีแซ่อ้อง)และข้าพอจะมีการคบหากันอยู่บ้าง เขาย่อมต้องไว้หน้าเฒ่าชราผู้นี้"

ได้ยินดังนั้นลิโป้ก็ตื่นเต้นยินดี "น้องสาวของข้าชื่อว่า ซิ่วเอ๋อร์"

"มีเรื่องต้องรบกวนเหล่าซืออีกเรื่องหนึ่ง ในสังกัดของแม่ทัพเตียวเจมีคนแซ่กาผู้หนึ่งอยู่ ึนผู้นี้มีความสัมพันธ์อันดีกับเสวียเซิง ไม่ทราบว่าเหล่าซือจะสามารถเชิญเขามาที่จวนตระกูลซัวได้หรือไม่ขอรับ?" ลิโป้ถือโอกาสร้องขอ

"กาเซี่ยงงั้นรึ? ได้ เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเอง" ซัวหยงรับคำ

เรื่องยากของลิโป้เหล่านี้ในสายตาของซัวหยงนั้นไม่นับเป็นอย่างไร เดิมทีเขาวางแผนจะส่งคนไปตามหากาเซี่ยงอย่างลับๆเพื่อยืนยันความตั้งใจ จากนั้นก็จะลอบเข้าไปในจวนซือถูเพื่อตามหาซิ่วเอ๋อร์ นี่นับว่าเป็นเรื่องยุ่งยากไม่น้อย หากกระทำการไม่ระวัง ตัวตนของเขาก็อาจจะถูกเปิดเผยและถูกล้อมฆ่าในที่สุด