ตอนที่ 180 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ในกระบวนการโจมตีและป้องกันเมือง ฝ่ายล้อมเมืองมีความได้เปรียบด้านจำนวนคน อย่างไรก็ตาม การศึกเช่นนี้นับเป็นการทดสอบคุณภาพของทหารครั้งใหญ่ พวกทหารจำเป็นต้องสอดส่ายสายตามองดูถึงหกทิศ ต้องใช้หูคอยฟังสุ่มเสียงจากรอบทิศทาง มิเช่นนั้นคงจบลงด้วยความตาย หินและท่อนซุงที่ถูกทุ่มลงจากกำแพง ลูกธนูที่ปลิวว่อน เหล่านี้ล้วนสามารถคร่าชีวิตของทหารฝ่ายล้อมเมืองได้โดยง่าย

ส่วนความได้เปรียบที่ทหารฝ่ายป้องกันเมืองมีก็คือ พวกเขาสามารถขนย้ายคนเจ็บไปรักษา โดยไม่ต้องกังวลว่าคนเจ็บจะตกตายจากความวุ่นวาย

เจ้าสิ่งที่ถูกหนังวัวห่อหุ้มอยู่สร้างความไม่สบายใจให้กับเล่าปี่ สายตาของเขาไม่เคยละออกจากพวกมัน

ลิโป้เองก็มองดูอาวุธลับของกองทัพโจโฉด้วยความใคร่รู้ ไม่ทราบมีสิ่งใดถูกหุ้มไว้ข้างในกันแน่?

มีบันไดเทียมเมฆอยู่มากมาย และทหารที่ส่งมาเข้าตีกำแพงก็ล้วนแต่เป็นทหารมือดีของกองทัพ พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างขันแข็งและปีนป่ายได้รวดเร็ว กระนั้นท่อนซุงและหินกลิ้งจากบนกำแพงก็ยังเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา

เมื่อมาถึงหน้าประตูเมือง ในที่สุด สิ่งที่ถูกห่อหุ้มด้วยหนังวัวก็เผยโฉม มันก็คือรถกระทุ้งประตูเมือง ที่รอบข้างมีทหารสิบกว่าคนคอยผลักไสให้กระทุ้งใส่ประตูเมือง

พร้อมกับเสียงดังโครม ลิโป้สัมผัสได้ว่ากำแพงเมืองทั้งแถบเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นเบาๆ

โดยไม่ต้องให้เล่าปี่ออกคำสั่ง หินกลิ้งและท่อนซุงก็จำนวนมากก็ถูกทุ่มเข้าใส่รถกระทุ้งประตูเมือง ไม่นานรถคันนั้นก็พังลง กระนั้นที่ด้านหลังก็มีรถอีกคันจอดรอท่าอยู่ก่อนแล้ว

เล่าปี่หน้าแปรเปลี่ยน รถกระทุ้งประตูเมืองสร้างความเสียหายต่อประตูเมืองอย่างใหญ่หลวง หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าประตูเมืองคงถูกตีแตกก่อน แม้ว่าเมืองชีจิ๋วจะมีประตูเมืองแข็งแรงมั่นคง แต่ก็ไม่อาจทนรับการกระทุ้งใส่อย่างต่อเนื่องได้

อาศัยความได้เปรียบจากการอยู่ที่สูง และภายใต้การเฝ้าระวังอย่างตื่นตัวของทหารป้องกันเมือง นอกจากครั้งแรกแล้ว ต่อมาก็ไม่มีรถคันใดสามารถเข้าใกล้ประตูเมืองได้อีก ท่อนซุงและหินกลิ้งถูกใช้ออกด้วยความสิ้นหวัง ทหารที่อยู่รอบรถบาดเจ็บล้มตายอย่างสาหัส คนที่ไม่ตายก็ได้แต่นอนเงยหน้ามองกำแพง มองดูก้อนหินและท่อนซุงตกลงมาด้วยความสิ้นหวัง

ด้วยการโหมโจมตีอย่างต่อเนื่อง ที่ด้านนอกเมืองก็กองสุมซ้อนไว้ด้วยซากศพทหารของกองทัพโจโฉ ในศึกล้อมตีเมืองเช่นนี้ วรยุทธ์ส่วนบุคคลแทบจะไร้ความหมาย

กองทัพโจโฉที่มีจำนวนมากกว่าได้เปลี่ยนผลัดหมุนเวียนกำลังเข้าโจมตี ไม่ปล่อยให้ทหารป้องกันเมืองได้หยุดพักหายใจแต่อย่างใด แม้แต่การกินก็ต้องกระทำด้วยความเร่งรีบ

เมื่อฟ้าเริ่มมืดค่ำ เสียงฆ้องก็ดังขึ้น กองทัพโจโฉก็ค่อยๆหายไปดุจสายน้ำที่ไหลกลับ ทิ้งศพคนตายไว้เบื้องหลังกลาดเกลื่อน

หลังจากล้อมตีเมืองมาทั้งวัน ภายใต้การตั้งรับอย่างแข็งขันของทหารป้องกันเมือง พวกเขาไม่เห็นทหารกองทัพโจโฉบุกโจมตีอีก ที่สร้างความเสียหายให้กับทหารป้องกันเมืองที่สุดย่อมไม่พ้นพลธนูของกองทัพโจโฉ แต่ทหารป้องกันเมืองก็ไม่อาจทำอย่างไรได้ เพราะบนกำแพงเมืองไม่มีเครื่องมือโจมตีระยะไกล หากว่ามีเครื่องยิงหน้าไม้อยู่ กองทัพโจโฉคงต้องเสียหายอย่างหนัก เพียงแต่เครื่องยิงหน้าไม้นั้นเป็นสิ่งของต้องห้ามในยุคนี้ ราชสำนักได้ควบคุมไว้อย่างเข้มงวด เกรงว่าเวลานี้ คงมีแต่เมืองฉางอันเท่านั้นที่มี

ศึกล้อมตีเมืองได้เปิดหูเปิดตาให้กับลิโป้มากมาย หากว่าปิ้งโจวต้องการจะขยับขยายดินแดน เช่นนั้นการศึกทำนองนี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ทำอย่างไรจึงจะสามารถลดความเสียหายให้กองทัพได้มากที่สุด นี่กลายเป็นหัวข้อที่ลิโป้ต้องครุ่นคิดหาวิธี เครื่องมือตีเมืองของกองทัพโจโฉค่อนข้างเรียบง่ายแต่ส่งผลคุกคามอย่างหนัก นั่นคือ รถกระทุ้งประตูเมือง แต่หากว่าฝ่ายป้องกันเมืองมีการเตรียมตัวไว้อย่างดี เช่นนั้นมันก็จะกลายเป็นไร้ประโยชน์แล้ว ยิ่งกว่านั้น ทหารฝ่ายป้องกันเมืองยังสามารถปิดตายประตูเมืองไว้ลวงหน้า

"อืม ที่ขาดก็คือเครื่องมือโจมตีระยะไกล" ลิโป้พึมพำกับตัวเอง

"นายท่าน สิ่งใดคือเครื่องมือโจมตีระยะไกลหรือขอรับ?" กุยแกเอ่ยถาม การศึกในวันนี้ก็ส่งผลต่อเขาไม่น้อย เขาเองก็กำลังขบคิดหาวิธีที่จะบุกตีเมืองให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

"อ้อ ไม่มีใด ข้าแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย" ลิโป้หยุดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า "ไม่แปลกใจว่าทำไมฝ่ายล้อมเมืองต้องมีกำลังมากกว่าฝ่ายป้องกันหลายเท่า"

"นายท่าน ทางหนึ่งท่านสามารถส่งทหารบุกตีตามปกติ ขณะอีกทางก็ใช้อุบาย บางครั้งกลอุบายก็สามารถให้ผลลัพธ์ที่คาดคิดไม่ถึง" กุยแกกล่าว

ลิโป้พยักหน้าเบาๆ คำพูดของกุยแกนับว่ามีเหตุผล การโจมตีเมือง หากใช้อุบายเข้าช่วยก็จะทำให้เรื่องราวเรียบง่ายขึ้นมาก

เมื่อนึกถึงเครื่องมือโจมตีระยะไกล ลิโป้พลันนึกถึงเครื่องยิงหิน หากสามารถยิงเศษหินไปบนกำแพงเมือง ทหารที่ใช้บันไดเทียมเมฆก็จะมีโอกาสบุกยึดกำแพงเมืองได้มาก แม้ว่าพลังทำลายล้างของมันจะมีจำกัด หากแต่มันก็สามารถทำให้ทหารป้องกันเมืองรู้สึกหวาดระแวงได้ ลองจินตนาการว่าเครื่องยิงหินนับร้อยคันเปิดฉากยิงพร้อมกัน เช่นนั้นพวกทหารบนกำแพงเมืองยังจะกล้าเงยหัวขึ้นหรือ? เกรงว่าเขาอาจไม่ต้องส่งทหารบุกยึดกำแพงเมืองเสียด้วยซ้ำ เพียงแค่ใช้เครื่องยิงหินระดมยิงถล่มเมืองต่อเนื่องสักสองวัน กำแพงเมืองคงพังถล่มลงมา ไม่จำเป็นต้องส่งกำลังไปยึดกำแพง

คิดมาถึงตอนนี้ ที่มุมปากของลิโป้ก็พลันปรากฏรอยยิ้มลี้ลับ หากว่าปิ้งโจวเป็นที่แรกที่คิดค้นและใช้เครื่องมือนี้ เช่นนั้นการบุกตีเมืองในอนาคตก็จะไม่มีปัญหาแล้ว

แน่นอน เครื่องยิงหน้าไม้เองก็ไม่อาจขาดไป เมื่อเฉิงเหล่าสามารถจัดสร้างหน้าไม้ในแขนเสื้อขึ้นได้ ย่อมพอมีหนทางอยู่บ้าง แน่นอน เครื่องยิงหน้าไม้นั้นมีขั้นตอนในการจัดสร้างสลับซับซ้อน อาศัยกำลังของโรงงานช่างฝีมือเพียงอย่างเดียวอาจต้องใช้เวลาศึกษาอีกนาน ขณะที่เครื่องยิงหินนั้นเรียบง่ายกว่า และสามารถชำนาญได้เร็วกว่าในมุมมองของลิโป้ เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ลิโป้ก็หัวเราะออกมา

"ไฉนนายท่านจึงหัวเราะ?" กุยแกงุนงง หลังลงมาจากกำแพงเมือง ท่าทางของลิโป้ก็ดูแปลกไป

"เฟิ่งเซี่ยว ข้าคิดค้นอาวุธชนิดใหม่ได้แล้ว......" ลิโป้ลดเสียงลงอธิบายหลักการทำงานของเครื่องยิงหิน

ยิ่งได้ฟัง ดวงตาของกุยแกก็ยิ่งทอแววตื่นเต้น หากปิ้งโจวสามารถผลิตอาวุธชนิดนี้ขึ้นมาได้ การบุกตีเมืองในภายหน้าก็จะง่ายขึ้นมาก "นายท่านช่างปราดเปรื่องยิ่งนัก!"

ลิโป้รับคำชื่นชมจากกุยแกด้วยความภูมิใจ เขาแทบจะอดทนรอกับไปบอกแผนการผลิตให้กับช่างฝีมือที่จิ้นหยางไม่ไหว ด้วยเหตุนั้น เขาจึงหยิบกระดาษออกมาและเขียนอธิบายข้อมูลจนดึกดื่น หลังจากปิดผนึกอย่างดีแล้ว เขาก็ให้ทหารหน่วยเฟยอิงนำจดหมายกลับไปยังจิ้นหยาง

ภายในเมืองชีจิ๋วมีทหารหน่วยเฟยอิงประจำการอยู่ พวกเขาคอยสืบหาข่าวสารทุกประเภท อย่างไรเสีย ตระกูลบิก็กำลังจะติดตามเขากลับไปที่ปิ้งโจว ดังนั้นเขาจึงต้องคำนึงถึงปัจจัยที่จะคุกคามตระกูลบิ โดยเฉพาะช่วงระยะหลังมานี้ ตระกูลตันและตระกูลโจมีเป้าหมายเพ่งเล็งมายังตระกูลบิ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องตื่นตัวเอาไว้

......................................

ในขณะเดียวกัน ที่กุนจิ๋ว เตียวเมาเจ้าเมืองตันลิวได้ทำการเชื้อเชิญตันก๋งมาปรึกษาหารือหลังจากได้รับจดหมายตอบกลับจากลิโป้

หลังจากอ่านจดหมายของลิโป้จบ ตันก๋งก็กล่าวว่า "ลิโป้ผู้นี้ ไม่มากุนจิ๋ว แต่เลือกไปยังชีจิ๋วในเวลานี้ นับว่าน่ายกย่องชื่นชม เหลือความคาดหมายของพวกเรา"

"กงไถ โจโฉนั้นกลับตรงกันข้าม ทำการสังหารพลเรือน สร้างความไม่พอใจไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่ในกุนจิ๋ว ตอนนี้ทัพใหญ่ของโจโฉอยู่ที่ชีจิ๋ว ทำให้กุนจิ๋วกลวงว่างเปล่า ใยพวกเราไม่ติดต่อเล่าเปียวแห่งเกงจิ๋วดูเล่า?"

ตันก๋งตาเป็นประกาย แม้ว่าเล่าเปียวจะไม่เคยมีข้อบาดหมางกับโจโฉมาก่อน แต่เพียงเรื่องที่โจโฉให้การสนับสนุนเล่าหงีขึ้นเป็นฮ่องเต้ก็นับว่าสร้างความขุ่นเคืองให้กับเล่าเปียวได้แล้ว

"เวลานี้เล่าหงีตายแล้ว เล่าเปียวนับเป็นผู้ที่มีโอกาสสืบทอดบัลลังก์มากที่สุด อีกทั้งในมือของเขายังกุมอำนาจไว้ไม่ธรรมดา หากติดต่อกับเขาจะต้องได้รับการตอบรับอย่างแน่นอน" ตันก๋งกล่าว

......................................

หลังจากเล่าเปียวได้รับจดหมายจากกุนจิ๋ว เขาก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย เมื่อได้อ่านเนื้อความในจดหมาย เขาก็พลันตื่นเต้นยินดี แม้ว่าเขามุ่งมั่นจะพัฒนาเกงจิ๋ว แต่เขาก็จะมีอำนาจอยู่แค่ในพื้นที่เดียว นับแต่มองเห็นโอกาสที่จะได้สืบทอดราชสมบัติ จิตใจของเขาก็เกิดความเปลี่ยนแปลง เดิมทีเขาก็รู้สึกไม่พอใจโจโฉอยู่แล้ว เพราะโจโฉเคยเลือกที่จะสนับสนุนเล่าหงีมากกว่าจะสนับสนุนเขา