ตอนที่ 45 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ยามทหารม้าเฟยฉีฝึกฝน สิ่งแรกที่พวกเขายึดถือ คือ เชื่อฟังและเชื่อฟัง ก่อนหน้านี้ คำสั่งที่พวกเขาได้รับคือการฝึกฝนให้ดี ดังนั้นลิโป้ย่อมไม่โทษว่าพวกเขา กระนั้นหลี่เยี่ยนก็ยังอดรู้สึกละอายใจอยู่ไม่ได้

"หน่วยสอดแนมไม่เพียงแต่ต้องมีทักษะเลิศล้ำ แต่ยังต้องกล้าหาญและระเอียดรอบคอบ เพื่อสอดแนมศัตรูให้ได้มากที่สุดโดยศัตรูไม่ทันรู้ตัว"

หลี่เยี่ยนจดจำสองประโยคนี้จนขึ้นใจ เวลานี้เขาคือรองแม่ทัพแห่งกองกำลังเฟยฉี ซึ่งความจริง หลี่เยี่ยนยังควบคุมกองกำลังเฟยฉีนานกว่าลิโป้เสียอีก

"พี่น้องทั้งหลาย ถึงเวลาแสดงผลการทดสอบของพวกเราแล้ว บัดนี้ศัตรูปรากฏที่เบื้องหน้า ที่ต้องกระทำคือ ฆ่า! ให้พวกมันได้รู้จักว่าสิ่งใดเรียกว่าความกลัว หยิบอาวุธและออกไปฆ่า!"

ทหารม้าสามพันเก้าร้อยนายยังคงรักษารูปขบวนอย่างเคร่งครัด ดูจากสีหน้าท่าทางแล้ว พวกเขายังเผยความตื่นเต้นอยู่ลางๆ แม่ทัพของพวกเขากำลังจะนำพวกเขาออกรบด้วยตนเอง นี่ก็คือเวลาที่พวกเขาเฝ้ารอมาอย่างยาวนาน

"ฆ่า ฆ่า ฆ่า!" ทหารม้าสามพันเก้าร้อยนายชูอาวุธพลางตะโกนอย่างพร้อมเพรียง

เตียนอุยมองลิโป้ด้วยความทึ่งและชื่นชม ดูจากท่าทางของทหารม้าเหล่านี้แล้ว ก็สามารถสังเกตเห็นความเทิดทูนลิโป้ได้อย่างชัดเจน ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากเสน่ห์เฉพาะตัวของลิโป้ทั้งสิ้น

จ้าวเหออาศัยความมืดหลบหนีออกจากเมืองจิ้นหยาง เขาไม่คิดหยุดพักแต่อย่างใด กองทัพของเขาเร่งฝีเท้าติ้งเซียงสุดกำลัง เวลานี้เขากำลังตื่นกลัว เป็นครั้งแรกที่เขาได้เฉียดเข้าใกล้ความตายถึงเพียงนี้ เขาต้องการออกจากสถานที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุด ทว่าไพร่พลและม้าของเขาล้วนเหน็ดเหนื่อยอ่อนแรงกันหมดแล้ว

"พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวล เมืองจิ้นหยางมีกำลังพลอยู่ไม่มาก ผนวกกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ลิโป้จะต้องเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น ย่อมไม่มีเวลามาตามล่าพวกเราเป็นแน่" จ้าวยี่ในฐานะที่เคยอยู่ในเมืองจิ้นหยางมาก่อนย่อมทราบสถานการณ์ดีกว่า

"ไม่ใช่ว่านอกเมืองจิ้นหยางมีค่ายทหารม้าอยู่รึ?" จ้าวเหอกล่าวด้วยความกังวล

"พี่ใหญ่ ทหารม้าเหล่านั้นก็แค่พวกทหารราบขี่ม้า ไม่มีพิษสงใดหรอก" จ้าวยี่หัวเราะ เขาย่อมไม่ทราบว่าข้อมูลที่เขาได้มานั้นเป็นข้อมูลที่ลิโป้จงใจปล่อยออกมาเอง

ควันไฟจากการหุงหาอาหารได้เปิดเผยตำแหน่งกองทัพจ้าวเหออย่างชัดเจน ลิโป้ที่เห็นดังนั้นก็แค่นเสียง "จ้าวเหอผู้นี้ ถึงกับยังมีอารมณ์กินข้าวอยู่อีก"

"นายท่าน พวกเขาย่อมต้องกินอาหารสักมื้อก่อนตาย" เตียนอุยหัวเราะฮาฮา หากแต่ทวนคู่ในมือกลับกำแน่นขึ้นกว่าเดิม

"นายท่าน ศัตรูไม่รู้สถานการณ์ของทัพเรา หากเข่นฆ่าเข้าไป พวกเขาย่อมตกอยู่ในความวุ่นวาย" หลี่เยี่ยนเองก็เปลี่ยนคำเรียกหาจากท่านแม่ทัพเป็นนายท่าน และเขายังรู้สึกว่าการเรียกหาเช่นนี้ดูจะเหมาะสมกว่า

ลิโป้ไม่ได้เข้มงวดอะไรในเรื่องนี้ ดังนั้นไม่ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะเรียกว่า "ท่านแม่ทัพ" หรือว่า "นายท่าน" เขาล้วนไม่ใส่ใจ

"คำพูดของแม่ทัพหลี่มีเหตุผล พวกเราเองก็ยังไม่ได้กินอะไร แล้วเราจะปล่อยให้พวกเขากินเย้ยเราได้อย่างไร ไป ไปแย่งชิงชามข้าวของพวกเขามาให้พี่น้องเราได้อิ่มหนำ" ลิโป้หัวเราะ

ทหารม้าทางด้านหลังต่างก็พากันหัวเราะ วาจาของลิโป้ไม่ได้ทำให้ศักดิ์ศรีของเขาลดต่ำลงแต่อย่างใด กลับทำให้พวกทหารรู้สึกถึงความเปิดเผยจริงใจแทน และสิ่งนี้เอง ที่ทำให้หลายคนต่างก็ใฝ่ฝันจะได้เข้าร่วมกับกองกำลังใต้บัญชาของลิโป้

ทหารกองทัพจ้าวเหอต้องเร่งฝีเท้าหลบหนีตลอดคืน ยามเมื่อได้กลิ่นหอมของอาหาร พวกเขาก็ต้องกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว พวกเขาหิว ทั้งยังเหน็ดเหนื่อย เวลานี้ความปรารถนาสูงสุดของพวกเขาก็คือได้กินอาหารสักมื้อ ได้นอนหลับพักผ่อนสักตื่น

พื้นดินสั่นสะเทือนเบาๆ ทหารที่เคยมีประสบการณ์พลันตระหนักได้ถึงความไม่ชอบมาพากล มีเพียงทัพม้าเท่านั้นที่สามารถสร้างสภาวะเช่นนี้ ทหารหลายคนหันไปมองหน้ากันเลิกลั่ก พยายามมองหาแหล่งที่มาของเสียง

"มีทัพม้า!" ทหารที่เฝ้าเวรอยู่เพียงร้องได้คำหนึ่งก็ถูกศรทะลวงลำคอจนร่วงลงพื้นไป

"ข้าศึกบุก!" ทหารม้าที่อยู่ใกล้ที่สุดพลันพุ่งโถมเข้ามา อาวุธประจำกายพลันเปลี่ยนเป็นคันศรลูกธนู ด้านหลังพวกเขามีฝุ่นควันลอยตลบเต็มท้องฟ้า ทำให้ไม่ทราบว่าแท้จริงมีจำนวนมากน้อยเท่าใด

จ้าวเหอหน้าซีดเผือด แถบนี้คือพื้นที่รกร้างว่างเปล่า รอบด้านไม่มีชัยภูมิอันมีเปรียบใด ยามเมื่อทัพม้าพุ่งโถมเข้ามา เหล่าทหารที่อ่อนแรงของเขาจะเอาอะไรไปสู้?

"ทหารม้าไปต้านทานศัตรูไว้ แม่ทัพนายกองให้ไปรวบรวมกำลังพลกลับมาประจำการที่ทัพกลาง!" ในฐานะนายอำเภอติ้งเซียง จ้าวเหอย่อมต้องมีความสามารถอยู่บ้าง มิเช่นนั้นเขาคงไม่อาจเคลื่อนกำลังกว่าสามพันเข้าใกล้จิ้นหยางได้โดยไม่ถูกพบเห็น

"ฆ่า! ให้พวกมันได้รู้ซึ้งว่าทหารม้าคือสิ่งใด!" แม่ทัพฝั่งจ้าวเหอตะโกนพลางยิงธนูออกไป

ฝนธนูปลิวว่อนตกใส่กองทัพของจ้าวเหอจนเสียไพร่พลไปเกือบร้อยในพริบตา หากแต่ธนูที่พวกเขายิงสวนกลับไปนั้นแทบจะไม่ส่งผลใดต่อทัพม้าของลิโป้ ความแตกต่างของทหารม้าสองฝ่ายมีมากเกินไป ผนวกกับกองทัพฝ่ายลิโป้มีโกลนม้า ดังนั้นในสายตาทหารของจ้าวเหอจึงเห็นทหารม้าของลิโป้มีรูปร่างสูงใหญ่กว่าปกติ

ทหารม้าสองฝ่ายเริ่มหักหาญกันด้วยอาวุธระยะประชิด และเหล่าทหารม้าเฟยฉีที่ฝึกฝนมาอย่างหนักก็ได้เผยเขี้ยวเล็บที่แท้จริงออกมา การลงมือของพวกเขาอาจจะไม่หวือหวา หากแต่สามารถกำจัดศัตรูได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว

ทหารม้าของจ้าวเหออยากจะร่ำไห้ หากแต่ก็ไร้ซึ้งน้ำตา ทัพหน้าที่เคลื่อนเข้าปะทะ เห็นได้ชัดว่ามีจำนวนใกล้เคียงกัน แต่ยามเมื่อสองฝ่ายปะทะกันจริง ช่องว่างด้านฝีมือและทักษะการขี่ม้าก็เผยออกมา ด้วยความต่างนี้ ทหารม้าของจ้าวเหอจะเอาอะไรไปสู้?

การร่วมมือของทหารแต่ละนายล้วนกระทำได้ดี แม้จะเพิ่งฝึกฝนได้ไม่นาน หากแต่ผลลัพธ์กลับเริ่มแสดงออกมาแล้ว

เตียนอุยที่ติดตามอยู่ข้างกายลิโป้รู้สึกคันไม้คันมือ แต่เมื่อคิดถึงภาระหน้าที่แล้ว ก็ได้แต่ระงับความคิดกระตุ้นม้าโถมออกไปเข่นฆ่าศัตรูเอาไว้

"บุกพร้อมข้า!" ลิโป้ตะโกนพร้อมนำทหารม้าพันนายบุกเข้าตีกองทัพของจ้าวเหอจากทางฝั่งซ้าย

ในการต่อสู้ของทหารม้า สิ่งที่ตัดสินชี้วัดก็คือทักษะบนหลังม้าของทหาร ในสายตาของทหารม้าเฟยฉี ศัตรูที่เบื้องหน้านี้ไม่ต่างอะไรจากจับเอาทหารราบม้านั่งบนหลังม้า พวกเขาแทบไม่กล้าขยับเคลื่อนไหวเพราะกลัวพลัดตก เมื่อได้เห็นเช่นนี้ พวกทหารก็ยิ่งมุ่งมั่นที่จะเก็บเรื่องโกลนเอาไว้เป็นความลับ เพราะหากแม่ทัพศัตรูสังเกตเห็น พวกเขาก็อาจจะไม่ได้รบอย่างสบายใจเช่นนี้

ภายใต้การได้เปรียบอันใหญ่หลวง ทหารม้าของจ้าวเหอก็เริ่มแตกพ่าย หลายคนเลือกที่จะหลบหนีไป แม้จะกลัวถูกลงทัณฑ์ แต่ที่กลัวยิ่งกว่าคือทหารม้าที่เบื้องหน้า ต่อหน้าทหารม้าที่ดุดันเหล่านั้นแล้ว พวกเขาก็ไม่ต่างจากเด็กที่หยิบกิ่งไม้ไปสู้กับผู้ใหญ่ตัวโตที่ถือหอก

การหลบหนีของพวกทหารม้าทำให้ทหารของกองทัพจ้าวเหอเสียขวัญ เดิมทีด้านจำนวนก็เสียเปรียบอยู่แล้ว ตอนนี้ยังต้องมาพบเจอกับศัตรูที่น่ากลัวถึงเพียงนี้อีก

ลิโป้ขี่ม้านำหน้า ชูทวนกรีดนภาขึ้นสูง สภาวะการบุกยิ่งมายิ่งดุดัน หนึ่งทวนฟาดออก ทหารโล่ฝ่ายศัตรูสามคนก็ถูกฟาดจนลอยกระเด็นไปชนกับเพื่อนทหารทางด้านหลังจนล้มละเนระนาดไปตามๆกัน

จ้าวเห็นที่เห็นเหตุการณ์หน้าซีดเป็นไก่ต้ม แม้จะทราบว่าลิโป้นั้นเก่งกาจ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเก่งกาจและมีกำลังวังชาถึงเพียงนี้

ทหารม้าที่ติดตามทางด้านหลังได้เห็นความร้ายกาจของผู้นำก็โห่ร้องยินดี ภายใต้การโถมบุกของทหารม้า ทหารราบเหล่านั้นก็ไม่ต่างจากฝูงแกะที่รอถูกเชือด ย่อมไม่มีผู้ใดคิดก้าวออกไปหยุดสภาวะการพุ่งอย่างเต็มกำลังของเหล่าทหารม้า

จ้าวเหอเพิ่งเข้าใจอย่างลึกซึ้งก็ตอนที่ทหารม้าของลิโป้แหวกฝ่าขบวนทัพของเขาเสียจนกระจุย เขาได้เข้าใจแล้วว่า ทหารม้านั้นต้องต่อสู้เช่นใด...