ตอนที่ 197 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"ใต้เท้าลิ" จูล่งรีบกุมหมัดคารวะ

ลิโป้โบกมือ กล่าวว่า "จูล่ง เจ้าและข้าก็รู้จักกันมานาน ไม่ต้องมีพิธีรีตองให้มากนักหรอก"

"ใต้เท้า ข้าน้อยกำลังกังวลเรื่องอิวจิ๋ว แต่ข้าน้อยไม่ได้กังวลถึงความปลอดภัยของท่านแม่ทัพกองซุน หากแต่เป็นราษฏรชาวอิวจิ๋ว ท่านแม่ทัพกองซุนและเหยียนโร่วกำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอิวจิ๋ว นั่นเป็นการก่อความเดือดร้อน หาใช่พฤติการณ์ของวีรบุรุษไม่" หลังจากนิ่งอยู่สักพัก จูล่งก็กล่าวสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกมา

"จูล่งเอย ความเย้ายวนของสิ่งที่เรียกว่าอำนาจนั้นน่ากลัวนัก มันสามารถเปลี่ยนคนผู้หนึ่งให้กลายเป็นอีกคนที่เราไม่รู้จัก แม่ทัพกองซุนกรำศึกอยู่ที่ชายแดนต้าฮั่นมานานหลายปี ทำให้ชนเผ่าอูหวนไม่กล้าสร้างปัญหา นับว่าสร้างคุณูปการแก่อิวจิ๋วไม่น้อย ที่เกิดเหตุครั้งนี้ ข้าคิดว่าเขาคงไม่มีทางเลือกจริงๆ" ลิโป้ถอนหายใจ นิสัยของกองซุนจ้านไม่ใช่ผู้ที่จะยอมอยู่ใต้อาณัติใครเป็นเวลานาน เพียงดูจากการทำศึกกับอ้วนเสี้ยวเพื่อแย่งชิงกิจิ๋วและเฉงจิ๋วก็ทราบได้ อาจกล่าวได้ว่าเมืองปักเป๋งนั้นเป็นเมืองใหญ่ของอิวจิ๋ว แต่นั่นก็ยังไม่อาจเติมเต็มความพึงพอใจของกองซุนจ้านที่ต้องการกุมอำนาจมากขึ้น

กุยแกที่ยืนฟังอยู่ด้านข้างก็ช่วยกล่าวปลอบโยน

"จูล่ง ใยเจ้าและข้าไม่มาซ้อมมือเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจสักหน่อยเล่า?" ลิโป้พลันเอ่ยขึ้น เขารู้สึกว่าฝีมือต่อสู้ของเขากำลังเผชิญกับคอขวด เขาจำเป็นต้องประมือกับผู้ที่มีระดับจูล่งเพื่อทลายคอขวดนี้

เมื่อเตียนอุยที่อยู่ด้านข้างได้ยินก็หูผึ่ง ลิโป้น้อยครั้งจะประลองฝีมือกับผู้อื่น เขาย่อมเชื่อมั่นในฝีมือของลิโป้อย่างแรงกล้า แม้กระทั่งในบางครั้งจะคิดว่าลิโป้ไม่อาจเอาชนะเขาได้ในหากเป็นการประลองอาวุธก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดยั้งไม่ให้เขาเคารพเลื่อมใสลิโป้เลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกนับถือลิโป้จากก้นบึ้งหัวใจ

กุยแกยิ้มเจื่อน ลิโป้บุ่มบ่ามเกินไปแล้ว เขามักจะทำให้ขุนนางปิ้งโจวต้องกลัดกลุ้มกังวลอยู่เสมอ

จูล่งกุมหมัดกล่าวว่า "เช่นนั้น ข้าน้อยขอบังอาจล่วงเกินแล้ว"

ในฐานะแม่ทัพอาชาไนย ย่อมเป็นเรื่องปกติที่จะเรียนรู้จากแม่ทัพอาชาไชยเช่นเดียวกัน

ทวนกรีดนภา หอกสีเงิน ม้าศึกสองตัว หนึ่งดำ หนึ่งขาว สายตาของทั้งสองฝ่ายฉายความต้องการต่อสู้ออกมาอย่างแรงกล้า

แม้ว่าจูล่งจะไม่เคยประมือกับลิโป้มาก่อน แต่เขาก็นับถือเลื่อมใสในฝีมือของลิโป้ ทอดตามองทั่วแผ่นดินแล้ว เกรงว่าบุคคลที่มีฝีมือระดับนี้จะสามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียว

สองฝ่ายกระตุ้นม้าพุ่งออก พวกเขาไม่คิดเก็บรั้งออมมือแต่อย่างใด รูปแบบการต่อสู้ของจูล่งนั้นเน้นป้องกันเพื่อรอโอกาส ตรงกันข้ามกับลิโป้ ลิโป้มุ่งเน้นไปที่การโจมตี พึ่งพาพละกำลังอันมหาศาลของตนปะทะคู่ต่อสู้อย่างซึ่งหน้า อันที่จริง ในแง่ของความละเอียดละออของการออกท่วงท่าแล้ว ฝีมือทวนของลิโป้ไม่ได้ด้อยกว่าเพลงหอกของจูล่งเลย เพียงแต่ลิโป้ชมชอบจู่โจมด้วยกำลัง เพราะการได้แลกอาวุธกับคู่ต่อสู้ทำให้เขารู้สึกปลอดโปร่ง

นับเป็นครั้งแรกที่ลิโป้ได้ปะทะกับยอดขุนพลเลื่องชื่ออย่างจูล่งในศึกบนหลังม้า สองฝ่ายต่างทุ่มสุดตัว ด้วยการเสริมแรงจากย่ำอัคคี จูล่งจึงต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที

เทียบกับลิโป้แล้ว จูล่งมีพละกำลังด้อยกว่า ทว่ามีเพลงหอกล้ำเลิศ เมื่อป้องกันก็ไม่เพลี่ยงพล้ำ เพียงแต่การรุกโจมตีของลิโป้นั้นทำให้ยากจะหาโอกาสสวนกลับไปได้ จูล่งบังเกิดความกังวล เขาทราบว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน

หอกทวนพุ่งเข้าปะทะ หอกในมือของจูล่งที่ลื่นไหลดุจอสรพิษพลันเปลี่ยนทิศทางพุ่งเข้าหาลิโป้ เตียนอุยที่ชมดูอยู่พลันร่างเขม็งเกร็ง แม้จะทราบดีว่าว่าจูล่งไม่คิดเอาชีวิตลิโป้ กระนั้นก็ยังอดกังวลไม่ได้ มือทั้งสองบีบกระชับทวนคู่ในมือแน่น

ฉับพลัน ทวนในมือลิโป้ก็เปลี่ยนทิศทางไปสกัดหอกของจูล่งไว้ได้อย่างแม่นยำ

"ฝีมือร้ายนัก" จูล่งถอนใจชมเชย หอกในมือพุ่งเข้าหาลิโป้อีกคำรบ เขาต้องการจะใช้ความยอดเยี่ยมของเพลงหอกในการเอาชนะลิโป้

ลิโป้ไม่หวาดหวั่น ยกทวนกรีดนภาขึ้นปัดหอกให้เบี่ยงออกก่อนจะฉวยโอกาสแทงทวนเข้าใส่จูล่ง

จูล่งตกตะลึง ตอนนี้ จูล่งก็ตระหนักได้ว่าลิโป้ช่ำชองเพลงทวนไม่แพ้กับที่ตนช่ำชองเพลงหอก เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เผยออกมาเท่านั้น บางทีอาจเป็นเพราะลิโป้คิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้มัน

จูล่งฮึกเหิม เขาอาศัยความคล่องตัวของหอกต้านรับทวนของลิโป้ไว้ แม้สถานการณ์จะหวาดเสียวอันตรายอยู่หลายครั้ง หากแต่เขาก็ยังเอาตัวรอดมาได้

พริบตาเดียว ทั้งสองก็ปะทะกันไปแล้วกว่าสามสิบกระบวน ทั้งสองขี่ม้าปะทะกันไปทั่วสนาม ลิโป้เริ่มเข้าสู่สถานะจดจ่อ พริบตานั้น เขาก็คล้ายรับรู้ทุกสิ่งรอบตัวได้กระจ่างชัดเจนยิ่งขึ้น หอกอันคล่องแคล่วว่องไวของจูล่งก็ปรากฏช่องว่างรูโหว่ออกมา

เขาพลิกทวนในมือวูบ หอกของจูล่งก็ถูกสกัดไว้แล้วพุ่งเข้าหาจูล่งอย่างดุดัน จนเกิดเสียงแหวกอากาศดังขึ้นจากคมทวน

ยิ่งประมือนานเข้า จูล่งก็ยิ่งรู้สึกกดดัน ลิโป้ยิ่งมายิ่งลงมือได้เฉียบคม มุมองศาที่แทงทวนพลิกผันยากระวัง ตอนที่จูล่งเรียนรู้เพลงหอกจากอาจารย์ เขาเคยได้ยินว่า ฝึกหอกให้ช่ำชองต้องใช้ร้อยวัน ฝึกทวนต้องใช้พันวัน และยิ่งเป็นทวนกรีดนภาที่เป็นลูกผสมระหว่างทวน หอก และง้าวแล้วก็ยิ่งมีข้อกำหนดสูงกว่าอาวุธประเภออื่นๆ แตกต่างจากหอกที่เน้นคล่องแคล่วว่องไว แม้ว่าทวนจะทรงพลัง แต่ผู้ใช้ก็ต้องมีพละกำลังมาก ทั้งยังควบคุมได้ยาก แต่ไม่ว่าผู้ใดที่ใช้ทวนได้ก็ต้องก็ต้องมีฝีมือสูงระดับหนึ่ง

จนกระทั่งม้าของจูล่งรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ลิโป้จึงรั้งทวนกลับ อย่างไรก็ตาม ลิโป้กำลังตื่นเต้นอย่างมาก ในการประลองฝีมือกับจูล่งครั้งนี้ เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าฝีมือของเขาก้าวหน้าขึ้น ด้วยเพลงหอกอันสูงส่งของจูล่ง เขาจึงสามารถทำความเข้าใจกับเพลงทวนของตนเองได้ดียิ่งขึ้น หากต้องรับมือกับการผนึกกำลังกันระหว่างจงป้ากับซุนก้วนอีกครั้ง เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถเด็ดหัวคนใดคนหนึ่งได้ภายในยี่สิบกระบวน

"ใต้เท้ามีฝีมือล้ำเลิศ ข้าน้อยรู้สึกเลื่อมใสนัก" จูล่งเองก็ได้รับประโยชน์จากการประลองในครั้งนี้เช่นกัน โดยเฉพาะการได้ประลองกับคู่ต่อสู้ที่ทั้งแข็งแกร่งและมีเพลงทวนสูงส่งเช่นลิโป้

แม้ว่าเตียนอุยที่อยู่ด้านข้างจะวิตกกังวล แต่กระนั้นเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการประลองในครั้งนี้น่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง

กุยแกเผยสีหน้าโล่งใจ ลิโป้สามารถมีชัยเหนือจูล่งในการประลองได้ในที่สุด และกระทั่งสร้างความนับถือเลื่อมใสแก่จูล่งยิ่งกว่าเดิม

"ด้วยฝีมือของจูล่ง ทอดตาดูทั่วทั้งแผ่นดินแล้ว คงยากที่จะพบพานคู่มือ ที่ข้าชนะได้ก็เพราะได้การหนุนเสริมจากย่ำอัคคี" ลิโป้ชื่นชมจูล่งจากใจ จูล่งยังหนุ่มแน่น ยังมีที่ให้พัฒนาได้อีกมาก

"พวกเราทั้งสี่เคยออกศึกเคียงบ่าเคียงไหล่และมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน นับว่าล่วงรู้นิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี สำหรับข้าแล้ว ข้ายึดถืออาเหวยและเฟิ่งเซี่ยวเป็นดั่งสหายมาโดยตลอด หากว่าจูล่งไม่รังเกียจข้า พวกเรามาเลียนอย่างสามพี่น้องเล่ากวนเตียว สาบานเป็นพี่น้องกันดีหรือไม่?" ลิโป้เสนอ สำหรับจูล่งนั้น เขาต้องการจะรับตัวมาเข้าร่วมตั้งนานแล้ว และจากคำสนทนาก่อนหน้านี้ ลิโป้ก็มองออกว่าจูล่งรู้สึกไม่พอใจต่อกองซุนจ้าน หากว่าพวกเขากลายเป็นพี่น้องร่วมสาบาน หลังจากที่จูล่งเข้าร่วมปิ้งโจวแล้วก็จะมีชื่อเสียงโด่งดังแน่นอน

ภายใต้การประลองอันดุเดือดก่อนหน้า จูล่งเองก็เคารพเลื่อมใสลิโป้มากขึ้นกว่าเดิม เมื่อได้ยินเช่นนั้น จูล่งก็รีบกล่าวว่า "แล้วแต่ใต้เท้าจะเมตตา"

เตียนอุยหดคอ การเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับนายท่านนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดฝัน ในสายตาของเขาแล้ว ทั้งสองมีฐานะแตกต่างกันราวกับอยู่คนละโลก

กุยแกกุมมือกล่าวว่า "ข้าน้อยมีฐานะต่ำต้อย จะกล้ากระทำการบังอาจได้อย่างไร"

"ข้าน้อยก็คิดเช่นนั้น" เตียนอุยรีบกล่าว ด้วยเพราะฐานะแตกต่างกันเกินไป เตียนอุยจึงปฏิเสธ

"อาเหวย เจ้าและข้าร่วมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันมาตั้งหลายครั้ง เป็นพี่น้องร่วมสาบานกันจะเป็นไรไป อย่าได้คิดว่าความแตกต่างของฐานะนั้นจะเป็นอุปสรรค การสาบานในวันนี้ไม่มีเรื่องของฐานะเข้ามาข้องเกี่ยว"

ลิโป้หยุดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ "เฟิ่งเซี่ยว ท่านและข้าก็รู้จักกันดี ไฉนจึงจะเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันไม่ได้? อย่าให้วาจาของผู้อื่นมาเป็นอุปสรรคมิตรภาพของพวกเรา"

เมื่อกุยแกและเตียนอุยได้ยิน หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งก็ตอบตกลงในที่สุด