ตอนที่ 319 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

หลังจากเจรต่อรองกันอีกหลายครั้ง สุดท้ายเก๊งอวดก็ยอมตกลงจะมอบเมืองโห้ลายและเมืองเหอตงของซือลี่ให้ปิ้งโจว

เวลานี้เก๊งอวดรู้สึกไม่ค่อยพอใจสักเท่าใด บัดนี้เล่าเปียวสถาปนาตนเป็นฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ฮั่น เหล่าเจ้าเมืองก็ใช้โอกาสที่เล่าเปียวร้องขอให้เจ้าเมืองทั้งหลายรวมทัพกันบุกโจมตีอ้วนสุดในการเรียกร้องผลประโยชน์ต่างๆ เขาทราบดีว่าเรื่องเช่นนี้ต้องไม่เพียงเกิดขึ้นในปิ้งโจวอย่างแน่นอน เจ้าเมืองทั้งหลายล้วนกังวลถึงผลประโยชน์ส่วนตน แล้วมีหรือจะเต็มใจส่งกองทัพไปช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน? เล่าเปียวและเกงจิ๋วมีความแค้นกันอย่างลึกล้ำ ต่อให้ไม่มีเจ้าเมืองคนอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่สงครามระหว่างสองฝ่ายก็จะไม่มีวันจบสิ้นลงง่ายๆแน่นอน ส่วนที่เหล่าเจ้าเมืองจะยึดถือเล่าเปียวเป็นฮ่องเต้หรือไม่นั้นไม่เป็นไร เพียงประกาศออกไปให้ทุกฝ่ายรับรู้ไว้ก็พอ มิเช่นนั้น ต่อให้ลิโป้ครอบครองอิวจิ๋วเอาไว้ได้ แต่ฐานะของเขาก็จะไม่ได้รับการยินยอมจากราชสำนัก ทำให้ขาดซึ่งความชอบธรรม ซึ่งบรรดาเจ้าเมืองทั้งหลายต่างก็ทราบในเรื่องนี้ดี

ในสายตาของบรรดาเจ้าเมืองแล้ว เล่าเปียวยามนี้ก็เปรียบเสมือนกับมันหวาน เป็นโอกาสอันดีที่พวกเขาจะร้องเรียกผลประโยชน์ต่างๆได้โดยชอบธรรม

ซัวหยงเองก็ได้ตีพิมพ์บทความติดต่อกันถึงสามบทความในหนังสือพิมพ์ต้าฮั่น เป็นการกล่าวประณามอ้วนสุด ขณะเดียวกันก็เปิดเผยว่าปิ้งโจวสนับสนุนการสืบทอดราชบัลลังก์ของเล่าเปียว บทความเหล่านี้เป็นซัวหยงที่เขียนขึ้นด้วยตนเอง ดังนั้นจึงมีน้ำหนักอย่างยิ่ง ซัวหยงเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นขุนนางนักปราชญ์ และพลังของเหล่าบัณฑิตนั้นก็ไม่อาจประมาทได้แม้แต่น้อย

เดือนพฤษภาคมในปีเดียวกัน หนึ่งเดือนหลังจากอ้วนสุดประกาศสถาปนาตนเป็นฮ่องเต้ โจโฉก็กล่าวประณามอ้วนสุด ขณะเดียวกันก็ยอมรับการสถาปนาขึ้นเป็นฮ่องเต้ของเล่าเปียว โดยเล่าเปียวได้มอบบรรดาศักดิ์เจ้าเมืองแห่งกุนจิ๋วและซานหยางโหวให้กับโจโฉ ส่วนอ้วนเสี้ยวก็ประกาศตัดความสัมพันธ์กับอ้วนสุด โดยเรียกอ้วนสุดว่าโจรกบฏ ทั้งยังมีหนังสือกล่าวประณามอ้วนสุด ขณะเดียวกันก็ยอมรับฐานะฮ่องเต้ของเล่าเปียว โดยที่เล่าเปียวได้มอบบรรดาศักดิ์เจ้าเมืองกิจิ๋วและเย่โหวให้กับอ้วนเสี้ยว โดยแต่งตั้งฮองกี๋เป็นเจ้าเมืองเฉงจิ๋ว

ทางด้านซุนเซ็กเองก็ประกาศตัดความสัมพันธ์กับอ้วนสุดเช่นเดียวกัน ทั้งยังกล่าวประณามอ้วนสุด โดยที่เล่าเปียวได้มอบบรรดาศักดิ์เจ้าเมืองห้อยเขและง่อโหวแก่ซุนเซ็ก ส่วนม้าเท้งและหันซุยแห่งเหลียงจิ๋วนั้นเดินทางมายังราชสำนัก แสดงท่าทีสนับสนุนเล่าเปียวอย่างแข็งขัน ดังนั้นเล่าเปียวจึงมอบบรรดาศักดิเจ้าเมืองเทียนซุยและหวายหลี่โหว ส่วนหันซุยได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองกิมเสีย

เล่าปี่เองก็กล่าวประณามอ้วนสุดและยอมรับฐานะของเล่าเปียว เล่าเปียวได้แต่งตั้งเขาเป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วและประกาศยอมรับฐานะเชื้อพระวงศ์ของเล่าปี่ ลิโป้เองก็กล่าวประณามอ้วนสุดและยอมรับฐานะของเล่าเปียว เล่าเปียวจึงมอบบรรดาศักดิ์เจ้าเมืองปิ้งโจวและจิ้นโหวให้กับลิโป้ ส่วนลิซกได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองอิวจิ๋ว

อ้วนเสี้ยวไม่ค่อยพอใจเมื่อทราบว่าเป็นคนจากทางปิ้งโจวที่ได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองอิวจิ๋ว เดิมทีเขาคิดจะใช้โอกาสนี้ในการขอตำแหน่งเจ้าเมืองอิวจิ๋วมา เพียงแต่เล่าเปียวกลับรับปากเรื่องตำแหน่งในเฉงจิ๋วแทน ขณะเดียวกันก็สัญญาต่ออ้วนเสี้ยวว่าจะมอบเมืองโห้ลายและเมืองเหอตงของซือลี่ให้ แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมไม่ได้ป่าวประกาศออกไป อีกทั้งเขายังไม่ได้บอกว่าตนได้รับปากว่าจะยกเมืองโห้ลายและเมืองเหอตงให้กับปิ้งโจวไปแล้ว

เดือนพฤษภาคมในปีเดียวกัน เล่าปี่ก็สั่งให้กวนอูส่งกองทัพจำนวนสามพันคนไปยังเกงจิ๋ว ม้าเท้งให้ม้าเฉียวผู้เป็นบุตรชายนำทหารจำนวนสองพันเดินทางไปยังเกงจิ๋ว อ้วนเสี้ยวส่งงันเหลียงเป็นทัพหน้าไปยังเกงจิ๋วและนำทหารจำนวนห้าพันติดตามไปด้วยตนเอง ส่วนลิโป้ส่งจูล่งและเตียวเลี้ยวเป็นทัพหน้าไปยังเกงจิ๋ว โดยจะนำทหารจำนวนห้าพันติดตามไปด้วยตนเอง โจโฉส่งแฮหัวตุ้นเป็นทัพหน้าไปยังเกงจิ๋ว โดยจะนำทหารจำนวนสามพันติดตามไปด้วยตนเอง และทางด้านซุนเซ็กนั้นก็นำทหารจำนวนสองพันไปยังเกงจิ๋วด้วยตนเอง

นี่นับเป็นอีกครั้งที่มีการก่อตั้งกองทัพพันธมิตรขึ้นหลังจากการปราบตั๋งโต๊ะ เพียงแต่เป้าหมายได้เปลี่ยนเป็นอ้วนสุดที่สถาปนาตนเป็นฮ่องเต้เถื่อน

อ้วนสุดเองก็กระทำเช่นเดียวกับเล่าเปียว ทันทีที่เขาประกาศสถาปนาตนเป็นโอรสสวรรค์ เขาก็ส่งทูตไปยังเมืองต่างๆ โดยสัญญาว่าจะมอบตำแหน่งและความมั่งคั่งให้ เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าบรรดาเจ้าเมืองทั้งหลายไม่ใคร่ชอบทูตของอ้วนสุดสักเท่าใด แม้ว่าอ้วนสุดจะมาจากสกุลอ้วน หลังจากที่ได้พบคณะทูตแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้รับปากใดๆ ดังนั้นยามนี้อ้วนสุดจึงถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวลำพัง

อ้วนสุดตกตะลึงพรึงเพริดเมื่อทราบข่าวว่า กุนจิ๋ว กิจิ๋ว ปิ้งโจว ชีจิ๋ว ม้าเท้ง และซุนเซ็กต่างส่งกองทัพไปยังเกงจิ๋วเพื่อเข้าร่วมกองทัพพันธมิตรมาปราบตน เขาย่อมไม่หยิ่งทะนงจนคิดว่าอาศัยเพียงเองจิ๋วและอิจิ๋วจะต้านทานกองทัพพันธมิตรของเหล่าเจ้าเมืองได้

เรื่องที่ทำให้อ้วนสุดรู้สึกโกรธแค้นมากที่สุดก็คือ แม้แต่ซุนเซ็กก็ทรยศต่อเขา เป็นเพราะความช่วยเหลือจากเขา ซุนเซ็กถึงสามารถยึดครองกังตั๋งและมีอำนาจได้อย่างทุกวันนี้ เขาคาดคิดไม่ถึงเลยว่าซุนเซ็กจะแปรพักต์และหันไปร่วมมือกับเล่าเปียว เพราะถึงอย่างไร เล่าเปียวและซุนเซ็กก็ยังมีหนี้แค้นของการสังหารบิดา ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงมีความแค้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลก หากว่ามีซุนเซ็กคอยช่วยเหลือ อ้วนสุดก็มั่นใจว่าจะชนะในศึกนี้ได้

เกงจิ๋วนั้นมีเมืองที่อยู่ใต้อำนาจการปกครองคือ เมืองหนานหยาง เมืองลำกุ๋น เมืองกังแฮ เมืองฮุยเอี๋ยง เมืองบุเหลง เมืองเตียงสา เมืองซงหยง เมืองและอำเภอจางหลิง ทำให้เกงจิ๋วนั้นมีประชากรอยู่ราวหกล้านคน ไพร่พลกว่าหนึ่งแสนนาย ซึ่งถือได้ว่าเกงจิ๋วนั้นมีขุมกำลังที่เจ้าเมืองคนอื่นๆไม่อาจมองข้ามไปได้

แม้ว่าช่วงสองปีมานี้ ราชวงศ์ฮั่นจะตกอยู่ในความวุ่นวาย กระนั้นเกงจิ๋วกลับไม่ค่อยได้รับผลกระทบสักเท่าใด มีผู้คนจำนวนมากที่เลือกจะอพยพมายังเกงจิ๋ว ทำให้มณฑลเกงจิ๋วเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก

หลังจากที่เล่าเปียวได้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋ว เขาก็ทำการย้ายจวนเจ้าเมืองไปยังเมืองซงหยง

เล่าเปียวสืบเชื้อสายมาจากเล่าอู๋ผู้มีฐานันดรศักดิ์เป็นฬ่อกงอ๋อง เขามีชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่ยังหนุ่ม ได้รับการขนานนามเป็น "หนึ่งในแปดคุณชาย" เขาเข้าสู่เกงจิ๋วด้วยม้าเพียงตัวเดียวและทำการปราบปรามความไม่สงบในเกงจิ๋ว โดยที่เขาได้รับการช่วยเหลือจากเก๊งอวด ชัวมอและคนอื่นๆ ในระหว่างที่ทำศึกกัน เขายังสามารถสังหารขุนพลพยัคฆ์อย่างซุนเกี๋ยนลงได้ ภายใต้การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เกิงจิ๋วก็ค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ บรรดาแม่ทัพบู๊และขุนนางบุ๋นก็มีให้ใช้สอยมากมาย

เมื่อถึงเดือนมิถุนายน ไพร่พลจากทั้งหกฝ่ายก็ได้มารวมตัวกันที่เกงจิ๋ว

ในบรรดาเจ้าเมืองทั้งหลายเหล่านี้ล้วนมีเรื่องที่เคยบาดหมางกันมาก่อน ดังนั้นเช่นชีจิ๋วและกุนจิ๋ว ขณะที่กิจิ๋วและปิ้งโจวก็มีความเป็นศัตรูกันอย่างลึกล้ำ และเล่าเปียวกับซุนเซ็กก็มีความแค้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกัน ทว่าเพื่อบุกโจมตีอ้วนสุดในครั้ง ทุกฝ่ายจึงมารวมตัวกันอยู่ในสถานที่เดียวกัน

การสืบทอดราชบัลลังก์ของเล่าเปียวในครั้งนี้ค่อนข้างกระทำไปด้วยความรีบเร่ง ดังนั้นในช่วงนี้ เกงจิ๋วจึงอยู่ระหว่างการปลูกสร้างพระราชวัง

เมื่อได้ทราบเรื่องที่เล่าเปียวกำลังเร่งสร้างวัง ลิโป้ก้ส่ายหน้าเบาๆ เรื่องที่สำคัญที่สุดในยามนี้ก็คือกำจัดอ้วนสุด ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ เป็นการไม่ฉ,าเลยที่จะผลาญเงินทองและกำลังคนไปกับการสร้างสิ่งฟุ่มเฟือยที่เรียกว่าวังหลวง

การก่อสร้างพระราชวังย่อมต้องมีการดึงตัวขุนนางไปรับผิดชอบดูแล บัดนี้เล่าเปียวขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้ว ดังนั้นจึงไม่อาจละเลยสิ่งที่เรียกว่าพิธีการ เพราะนี่ก็คือศักดิ์ศรีหน้าตาของราชวงศ์ฮั่น ดังนั้นเล่าเปียวย่อมไม่อาจพักอยู่ในจวนของเจ้าเมือง

อากาศในเดือนมิถุนายนนั้นค่อนข้างร้อนอยู่บ้าง ทัพของบรรดเจ้าเมืองทั้หลายต่างก็หาจุดที่ร่มรื่นนอกเมืองเในการตั้งค่ายกระโจม

หลังจากจูล่งและเตียวเลี้ยวพบเจอสถานที่สำหรับการตั้งค่ายแล้ว พวกเขาก็สั่งให้พวกทหารเริ่มทำการตั้งค่าย ส่วนจูล่งจะนำทหารไปรอต้อนรับลิโป้

แม้ว่ากิจิ๋วจะอยู่ใกล้เกงจิ๋วมากกว่าปิ้งโจว ทว่าทัพหน้าของปิ้งโจวนั้นล้วนแต่เป็นทหารม้า ดังนั้นความเร็วในการเคลื่อนทัพของพวกเขาจึงเหนือกว่าทัพกิจิ๋วมาก

งันเหลียงเองก็ต้องการพื้นที่ที่ทัพปิ้งโจวใช้ตั้งค่าย เพราะที่นอกเมืองนั้นไม่ได้หาสถานที่ที่เหมาะแก่การตั้งค่ายได้โดยง่าย พื้นที่ที่ทัพปิ้งโจวเลือกในการตั้งค่ายนั้นค่อนข้างสูง เทียบกับค่ายของเจ้าเมืองคนอื่นแล้ว พวกเขาก็มีเปรียบกว่าอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นว่าแม่ทัพที่นำทัพปิ้งโจวมาเป็นเตียวเลี้ยวซึ่งเขาไม่เคยพบเห็น งันเหลียงก็ให้ทหารไปก่อกวน

เตียวเลี้ยวเมื่อทราบว่าทหารปิ้งโจเกิดการกระทบกระทั่งกับทหารกิจิ๋วที่นอกค่าย เขาก็รีบนำทหารม้าร้อยกว่าคนรุดไปทันที

เมื่อไปถึงเขาก็เห็นว่าทหารปิ้งโจวและทหารกิจิ๋วตะโกนด่าทอกันและเริ่มจะลงไม้ลงมือต่อกันแล้ว

เตียวเลี้ยวพลันตะโกนขึ้นว่า "ทั้งหมดล้วนหยุดมือ!"

"ไฉนทหารของพวกเจ้าจึงมาก่อกวนที่ค่ายของทัพปิ้งโจวเรา? ต้องการท้าทายงั้นหรือ?" เตียวเลี้ยวเอ่ยถามด้วยสีหน้าดำทะมึน

"ค่ายของทัพปิ้งโจวงั้นหรือ? ที่นี่เป็นที่ที่ทัพกิจิ๋วเราต้องการอยู่ก่อนแล้ว แต่พวกเจ้ากับเข้ามาแย่งชิงไป นี่หมายความว่าอย่างไร?" บรรดาแม่ทัพและทหารกิจิ๋วต่างตะโกนโต้ตอบ

"เพ้ย! ที่นี่เป็นค่ายทัพปิ้งโจว แม่ทัพผู้นี้จะไม่พูดอีกเป็นครั้งที่สอง หากว่าผู้ใดยังไม่ถอยห่างออกไปจากค่ายของเรา เช่นนั้นก็จะถือว่าเป็นศัตรูของทัพปิ้งโจวเรา และศัตรูย่อมต้องถูกสังหาร!" เตียวเลี้ยวตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง