ตอนที่ 160 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

กัวไท่ไม่เคยพบเจอขุนนางที่เหมือนกับลิโป้มาก่อน ขุนนางที่ให้ความใส่ใจกับประชาชน หากว่าขุนนางทั้งราชวงศ์ฮั่นล้วนแต่เป็นเช่นนี้ หรือยังจะมีโจรโพกผ้าเหลือง? ผู้ใดยังจะอยากคาดผ้า เอาชีวติของตัวเองไปเสี่ยงเพื่อหาเลี้ยงปากท้องกันเล่า?

"คารวะใต้เท้า" กัวไท่ค้อมคารวะ

"อยู่ในจิ้นหยางเป็นอย่างไรบ้างแม่ทัพกัว? ผู้คนจากหุบเขาไป๋ปอคงไม่ได้อยู่กันอย่างยากลำบากใช่หรือไม่?"

สองคำถามอันเรียบง่ายทำให้กัวไท่ได้เห็นว่าตำแหน่งในใจของราษฏรของลิโป้นั้นเป็นอย่างไร ดังนั้นจึงกุมหมัดกล่าวว่า "ตอบใต้เท้า ชาวไป๋ปอไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้าใด พวกเขาแยกย้ายกันใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี มีคนไม่น้อยที่เข้ามาหางานทำภายในเมือง เพียงแต่มีทักษะฝีมืออ่อนด้อยไปบ้าง จึงยากที่จะหาที่อยู่อาศัยภายในเมือง"

ลิโป้มุ่นคิ้วลงเล็กน้อย นี่นับเป็นเรื่องสำคัญทีเดียว หากปราศจากทักษะฝีมือ นั่นก็หมายความว่าเป็นได้เพียงแรงงาน "เมื่อแม่ทัพกัวกลับไปแล้ว ท่านก็ลองถามดูว่ามีผู้ใดต้องการจะเรียนรู้การตีเหล็ก การหมักสุรา การทำเครื่องเคลือบ หรือหากเป็นสตรี ก็ลองถามดูว่าต้องการจะเรียนรู้การทอผ้าหรือไม่ ขอเพียงพวกเขาตั้งใจเรียนรู้ พวกเขาก็จะมีรายได้มากขึ้น"

กัวไท่รีบพยักหน้า ตอนนี้ผู้คนในเมืองต่างก็ทราบดีว่า การทำงานที่โรงงานนั้นจะได้รับค่าแรงสูงที่สุด แม้ว่าผู้ที่ทำงานภายในโรงงานนั้นยากจะออกมาให้เห็น หากแต่จำนวนค่าแรงของพวกเขานั้นไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด

โจรโพกผ้าเหลืองในหุบเขาไป๋ปอส่วนใหญ่นั้นมาจากชาวบ้านที่ยากจน แม้จะมีบางคนที่รู้จักวิธีการตีเหล็ก แต่เมื่อเทียบอัตราส่วนแล้วก็นับนับว่ามีน้อยยิ่ง ขนาดของโรงงานฝีมือนั้นกว้างใหญ่มาก ขอเพียงมีความสามารถในการตีอาวุธ พวกเขาก็จะสามารถเข้าไปทำงานที่นั่น

"ข้าน้อยขอเป็นตัวแทนชาวไป๋ปอกล่าวขอบคุณความเมตตาของใต้เท้า" กัวไท่ค้อมคารวะอีกครั้ง

"แม่ทัพกัวไม่ต้องมากพิธี ทั้งหมดล้วนเป็นราษฏรของปิ้งโจว ขุนนางผู้นี้ย่อมต้องดูแลพวกเขาให้มีชีวิตที่มั่นคง เพียงแต่มีเรื่องหนึ่งอยากจะรบกวนแม่ทัพกัวเสียหน่อย"

กัวไท่รีบกล่าวว่า "ขอเพียงข้าน้อยสามารถกระทำ ข้าน้อยจะไม่ทำให้ใต้เท้าต้องผิดหวัง" ถึงอย่างไรกัวไท่ก็เคยเป็นผู้นำที่เคยคุมกำลังจำนวนหลายหมื่น ดังนั้นในใจของเขาย่อมอยากจะประสบความสำเร็จ ภายในปิ้งโจวนั้น หากต้องการจะเลื่อนขั้นแล้วล่ะก็ ท่านก็ต้องสร้างผลงาน ทหารที่อยู่ในระดับล่างหลายคน ขอเพียงสร้างความดีความชอบเอาไว้ก็จะมีโอกาสให้กับพวกเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นนี่จึงเป็นการกระตุ้นให้เหล่าทหารมีความกระตือรือร้นสนใจที่จะฝึกฝน

กัวไท่เองก็เข้าใจดีว่าตนนั้นมาจากกองทัพโจรโพกผ้าเหลือง ดังนั้นจึงยากจะได้รับการใช้สอย เพียงสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ก็ดีแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากสร้างผลงานเพื่อความก้าวหน้า เพียงแต่ยังไม่มีโอกาสเวียนมาหาเขาเท่านั้นเอง

"แม่ทัพกัว เตียวเอี๋ยนแห่งเขาเอ๊งสัน ท่านรู้จักเขาใช่หรือไม่?" ลิโป้เอ่ยถาม

กัวไท่ใจหายวาบ เขารีบกุมหมัดกล่าวว่า "ข้าน้อยรู้จักกับเตียวเอี๋ยนแห่งเขาเอ๊งสันขอรับ ครั้งหนึ่งเขาเคยส่งคนมาที่หุบเขาไป๋ปอเพื่อหวังจะรวมกำลังเข้าด้วยกัน และข้าน้อยเองก็เคยไปเยี่ยมเยือนเขาที่เขาเอ๊งสันขอรับ พวกเราเคยมีการไปมาหาสู่กัน แต่หลังจากละทิ้งความมืดเข้าสู่แสงสว่างแล้ว ข้าน้อยก็ไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกเลยขอรับ"

"อ้อ ไม่รู้ว่าแม่ทัพกัวเต็มใจจะไปยังเขาเอ๊งสันอีกครั้งหรือไม่?" ลิโป้กล่าว

กัวไท่ลังเลเล็กน้อย จากนั้นจึงพยักหน้า "ข้าน้อยเต็มใจขอรับ" เป็นที่ทราบกันดีในหมู่โจรโพกผ้าเหลือง ว่าพวกเขานั้นเป็นโจรที่ถูกทางการรังเกียจเดียดฉันท์ และพวกเขาเองก็เกลียดชังทางการ การที่โจรโพกผ้าเหลืองในหุบเขาไป๋ปอเลือกจะลี้ภัยมายังปิ้งโจวย่อมทำให้โจรโพกผ้าเหลืองกลุ่มอื่นๆมองกัวไท่ในแง่ลบ

"นี่เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง ดังนั้นจึงต้องเก็บเป็นความลับ อย่าได้แพร่งพรายต่อผู้ใด เตียวเอี๋ยนแห่งเขาเอ๊งสันนับเป็นผู้กล้าคนหนึ่ง ขุนนางผู้นี้เลื่อมใสเขามานานแล้ว เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้พบหน้า หากว่าแม่ทัพกัวสามารถเกลี้ยมกล่อมให้เตียวเอี๋ยนมายังปิ้งโจวได้ ก็จะถือว่าสร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ แน่นอนว่าเพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ จวนเจ้าเมืองยินดีที่จะขายม้าศึกจำนวนสองพันตัวให้กับโจรโพกผ้าเหลืองในภูเขาเอ๊งสัน"

กัวไท่ตาเป็นประกาย เมื่อมีเบี้ยต่อรองเช่นนี้อยู่ในมือ การเดินทางไปยังเขาเอ๊งสันครั้งนี้ เขาก็มีความมั่นใจมากขึ้นแล้ว เขารู้จักเตียวเอี๋ยนค่อนข้างดี เขานับว่าเป็นผู้กล้าคนหนึ่ง ทั้งกล้าหาญและเก่งกาจในการรบ มิเช่นนั้นคงไม่อาจก่อร่างสร้างตัวขึ้นได้ในเขตแดนของกิจิ๋ว กระทั่งทำให้อ้วนเสี้ยวได้แต่กลืนความโกรธลงท้อง

ไม่เพียงแต่โจรโพกผ้าเหลืองเท่านั้นที่ขาดแคลนม้าศึก แต่บรรดาเจ้าเมืองในภาคกลางเองต่างก็ต้องการม้าศึกอย่างมาก บนสนามรบนั้น ทหารม้ามีบทบาทมาก สงครามทำให้เจ้าเมืองในภาคกลางค่อยๆตระหนักได้ถึงความสำคัญของทหารม้า เพียงแต่ม้าศึกแต่ละตัวนั้นมีราคาสูงยิ่ง ทั้งยังมีค่าเลี้ยงดู ค่าใช้จ่ายในการฝึกฝนทหารม้า ทหารม้าเพียงหนึ่งนายยังใช้เงินมากกว่าสร้างทหารรราบห้านายเสียอีก ต่อให้เป็นเจ้าเมืองที่มั่งคั่งก็ยังต้องขมวดคิ้วกับค่าใช้จ่ายระดับนี้

กาเซี่ยงเห็นด้วยอย่างยิ่งเรื่องที่จะจับมือเป็นพันธมิตรกับโจรโพกผ้าเหลืองแห่งเขาเอ๊งสัน อ้วนเสี้ยวนั้นหมายตาปิ้งโจวมาโดยตลอด เวลานี้พวกเขาได้ส่งกำลังไปยึดครองเฉงจิ๋ว รอจนเมื่อพักฟื้นกำลังแล้ว ที่แรกที่อ้วนเสี้ยวจะจัดการก็ย่อมต้องเป็นปิ้งโจวอย่างแน่นอน มีเพียงการสร้างปัญหาให้กับอ้วนเสี้ยวและทำให้กิจิ๋วตกอยู่ในความวุ่นวายเท่านั้นจึงจะเป็นประโยชน์ต่อปิ้งโจว

อ้วนเสี้ยวเคยส่งกองทัพไปกวาดล้างโจรโพกผ้าเหลืองที่เขาเอ๊งสันอยู่หลายครั้ง เรื่องนี้ย่อมทำให้เตียวเอี๋ยนไม่พอใจ เขารอโอกาสที่จะตบหน้าอ้วนเสี้ยวมานาน เพียงแต่กองหน้านี้กองทัพของอ้วนเสี้ยวยังคงประจำการอยู่ในกิจิ๋ว บัดนี้ เมื่อกิจิ๋วกลวงว่างเปล่า เตียวเอี๋ยนก็ต้องการจะเคลื่อนกำลังลงมือ เขาได้รวบรวมโจรโพกผ้าเหลืองแถบภูเขาเอ๊งสันเพื่อเตรียมจะก่อการ เขาจะให้อ้วนเสี้ยวได้รู้ว่าโจรโพกผ้าเหลืองแห่งเขาเอ๊งสันนั้นร้ายกาจเพียงใด

เพียงแต่การมาเยือนของกัวไท่นั้นทำให้เขาอดรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาอย่างเสียมิได้ กัวไท่นั้นเป็นผู้นำโจรโพกผ้าเหลืองที่มีชื่อเีสยงอยู่ในปิ้งโจว ในอดีตนั้น พวกเขาต่างก็ยกย่องชื่นชมซึ่งกันและกัน แต่คาดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะหันไปสวามิภักดิ์ต่อลิโป้เสียได้ พฤติการณ์เช่นนี้นับว่าสร้างความเหยียดหยามแก่บรรดาพี่น้องโจรโพกผ้าเหลืองนัก

กองทัพของทางการนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากับโจรโพกผ้าเหลืองมาโดยตลอด แน่นอนว่าผู้ที่มีความเกลียดชังอย่างลึกล้ำนั้น ส่วนใหญ่จะมีเพียงระดับแม่ทัพของโจรโพกผ้าเหลืองเท่านั้น อันที่จริงนั้น โจรโพกผ้าเหลืองทั่วไป แม้ว่าจะไม่ได้ชอบคนของทางการ แต่หากว่าพวกเขาพ่ายแพ้ ส่วนใหญ่ก็มักเลือกที่จะยอมจำนน สิ่งที่ผู้คนทั่วไปต้องการก็คือหนทางรอด

เห็นสายตาที่จับจ้องมองมาจากโดยรอบแล้ว กัวไท่ก็ก้าวเท้าเดินออกไปคารวะโดยปราศจากท่าทีเย่อหยิ่ง "ครูฝึกทหารใหม่แห่งกองทัพปิ้งโจวคารวะแม่ทัพเตียว"

เตียวเอี๋ยนลอบคาดเดาเจตนาการมาเยือนของกัวไท่อยู่ในใจขณะที่มองดูอีกฝ่ายเงียบๆ

จั่วจือจางป้าก้าวออกมาก่อนจะตะคอกว่า "สุนัขที่หันไปกระดิกหางให้ทางการกลับกล้ามาเยือนเขาเอ๊งสันของพวกเรา เจ้าคิดว่าดาบในมือของแม่ทัพผู้นี้ไม่คมกล้าอย่างงั้นรึ?"

เหล่าแม่ทัพโจรโพกผ้าเหลืองที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็ก้าวออกมากล่าวหยามหยัน ในสายตาของพวกเขาแล้ว โจรโพกผ้าเหลืองที่หันไปสวามิภักดิ์ต่อทางการนั้นไม่นับว่าเป็นผู้กล้า พฤติการณ์เช่นนี้รังแต่จะสร้างความเหยียดหยามดูแคลนแก่ผู้คน

กัวไท่เพียงยืนเงียบอยู่เช่นนั้น เขาเชื่อว่าเตียวเอี๋ยนจะต้องออกหน้าแน่นอน เขามาที่นี่ในฐานตัวแทนของปิ้งโจว ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลถึงความปลอดภัย เวลานี้กองทัพปิ้งโจวนับเป็นกองทัพอันดับหนึ่งในแผ่นดิน ไม่ว่าโจรโพกผ้าเหลืองแห่งเขาเอ๊งสันจะมีความกล้าหาญเพียงใด พวกเขาก็ยังไม่กล้าล่วงเกินปิ้งโจวอย่างเปิดเผย มิเช่นนั้นพวกเขาก็ไม่อาจแบกรับความโกรธแค้นของปิ้งโจวได้ ต่อให้โจรโพกผ้าเหลืองแห่งเอ๊งสันจะแข็งแกร่ง แต่พวกเขาก็ไม่กล้าจะล่วงเกินปิ้งโจวซึ่งจะทำให้พวกเขาต้องรับศึกสองด้าน

"แม่ทัพกัว ในอดีต ทั้งท่านและข้าต่างก็เป็นโจรโพกผ้าเหลืองเฉกเช่นเดียวกัน แต่บัดนี้ท่านเข้าร่วมกับกองทัพของทางการแล้ว พวกเราไม่ได้เดินอยู่ในเส้นทางเดียวกันอีก ดังนั้นไม่ต้องกล่าวมากความ เชิญท่านกลับไปเถอะ อย่าได้อยู่สร้างความอับอายแก่ตัวท่านเลย" เตียวเอี๋ยนที่นิ่งเงียบมานานค่อยๆเปิดปากกล่าว เพราะท่าทีของบรรดาสมุนที่อยู่โดยรอบ ต่อให้ในใจเขาต้องการจะไว้หน้ากัวไท่ แต่เขาก็ไม่อาจกระทำเช่นนั้นได้

"จิ้นโหวได้ยินว่าแม่ทัพเตียวเอี๋ยนนั้นเป็นวีรบุรุษผู้กล้าคนหนึ่ง ทั้งยังให้การเลื่อมใสมานาน แต่เพราะด้วยภาระงานที่มีอยู่ในมือ ดังนั้นจึงยากจะมาพบด้วยตนเอง ดังนั้นจึงได้ส่งข้าน้อยมา ท่านจิ้นโหวกล่าวไว้ว่า หากแม่ทัพเตียวเต็มใจจะช่วยเหลือ เขาก็ยินดีจะขายม้าศึกจำนวนสองพันตัวให้เขาเอ๊งสัน" ในเมื่อเขามายังเขาเอ๊งสันในฐานะทูต เขาแน่นอนว่าย่อมต้องเลือกใช้บรรดาศักดิ์ที่ทรงเกียรติที่สุดของลิโป้