ตอนที่ 106 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ชุดเครื่องแบบหลักๆของพวกเขาจะเป็นชุดพรางตัว หากจับพวกเขาไปไว้ในป่าก็ยากจะจำแนกออกได้หากไม่เข้าใกล้ นี่เป็นชุดที่ลิโป้สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อหน่วยเฟยอิงโดยเฉพาะ

ทหารหน่วยเฟยอิงไม่ได้สวมใส่ชุดเกราะ การคงอยู่ของพวกเขาก็การภารกิจที่ยากจะสำหเร็จสำหรับคนทั่วไป ดังนั้นชุดเกราะจึงเป็นได้เพียงภาระสำหรับพวกเขา

ทหารหน่วยเฟยอิงแต่ละนายล้วนมีความสามารถหลายด้าน ซึ่งสอดคล้องกับหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติภารกิจหลากหลายรูปแบบ

คนทั้งหมดนิ่งเงียบจนสามารถได้ยินแม้แต่เสียงเข็มตกพื้น ไม่ว่าผู้ใดหากได้มาเห็นคนกลุ่มนี้ก็คงไม่กล้าประมาทคนหลุ่มนี้อย่างแน่นอน พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีคติประจำหน่วย พวกเขาไม่ต้องการคำชื่นชม พวกเขาต้องการเพียงแค่คำสั่งจากลิโป้ จากนั้นพวกเขาก็จะลงมือปฏิบัติการทันที

หลังจากกวาดมองดูสักพัก ลิโป้ก็พยักหน้าเบาๆ ทั้งสามร้อยกว่าคนนี้เป็นหน่วยรบพิเศษที่ฝึกฝนอยู่ที่ภูเขาลู่เหลียงมาเกือบปี ในยุคอาวุธเย็นเช่นนี้ บทบาทของทหารหน่วยรบพิเศษค่อนข้างมีจำกัด แต่ก็เป็นบทบาทที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ เมื่อครั้งที่ลิโป้เดินทางไปยังฉางอัน ก็เป็นทหารหน่วยเฟยอิงที่เดินทางไปลอบให้การอารักขาอยู่ในเงามืด

"เฟยอิงค่ายซ้าย"

ทหารหน่วยเฟยอิงร้อยกว่านายพลันยืดตัวตรง ทั้งหมดมองมาทางลิโป้เพื่อรอฟังคำสั่ง

"ตรวจสอบอุปกรณ์ ออกเดินทางไปสืบข่าวของชนเผ่าเซียนเป่ย สิ่งที่ข้าต้องการคือล่วงรู้ทุกการเคลื่อนไหวของชาวเซียนเป่ย" ลิโป้กล่าวอย่างจริงจัง

ผู้บัญชาการค่ายซ้ายเหอคังก้าวออกมากุมหมัดกล่าวว่า "ข้าน้อยขอสาบานว่าต่อให้ชีวิตจะหาไม่ก็จะทำภารกิจให้สำเร็จขอรับ!"

เหอคังเป็นหนึ่งในคนที่ติดตามลิโป้มาจากลั่วหยาง ตอนที่ลิโป้นำกำลังเข้าปล้นชิงขบวนขนส่งก็ได้ช่วยเหลือเขาไว้ แม้จะเป็นการลงมือไปโดยไม่ตั้งใจ แต่เหอคังก็จดจำเรื่องนี้แล้วสลักลึกไว้ในใจ หลังจากมาถึงเมืองจิ้นหยาง การกระทำที่จริงใจต่อชาวเมืองของลิโป้ก็ทำให้เขาคิดทดแทนบุญคุณ ดังนั้นจึงสมัครเข้าร่วมกองทัพปิ้งโจว

เหอคังมีรูปร่างค่อนข้างท้วม ดังนั้นเมื่อแรกเข้ากองทัพจึงเป็นที่รังเกียจของเพื่อนทหาร เวลานั้นเขาอ้วนมากจริงๆ แม้แต่การสอบวิ่งพื้นฐานก็ผ่านมาได้อย่างฉิวเฉียด

แต่ด้วยจิตใจอันเข้มแข็ง เหอคังได้ฝึกฝนทั้งวันทั้งคืน พัฒนาการของเขาทำให้ผู้คนต้องปากอ้าตาค้าง ในการคัดตัวเข้าหน่วยเฟยอิง ด้วยความสามารถอันโดเด่นที่แสดงออก เขาจึงได้กลายเป็นผู้บัญชาการค่ายซ้ายของหน่วยเฟยอิง ควบคุมกำลังพลจำนวนสามร้อยนาย

"เฟยอิงค่ายหน้า จับตาดูความเคลื่อนไหวของอ้วนเสี้ยวแห่งกิจิ๋ว หากมีข่าวสารใดก็ให้รายงานต่อจวนเจ้าเมืองทันที"

"ขอรับ!" ผู้บัญชาการค่ายหน้าจ้าวสู่กุมหมัดรับคำ

ก่อนที่จะเข้าร่วมกับหน่วยเฟยอิง เขาเคยเป็นนายกองอยู่ในกองทัพปิ้งโจวมาก่อน เป็นคนที่สุขุมเยือกเย็นและมีความสามารถ ฝีมือเชิงยุทธ์ก็ไม่อ่อนแอ กอปรกับได้ฝึกฝนอยู่ในภูเขาลู่เหลียง สุดท้ายจึงได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการค่ายหน้าแห่งหน่วยเฟยอิง

"เฟยอิงค่ายขวา จับตาดูชาวเซียนเป่ยที่นอกด่านเยี่ยนเหมิน"

"ขอรับ!" ผู้บัญชาการค่ายขวาหลี่จินรับคำอย่างเคร่งขรึม

การเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติของชาวเซียนเป่ยทำให้ลิโป้รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี มีการตรวจพบทหารม้าเซียนเป่ยกลุ่มใหญ่ในอำเภอหยุนจงและด่านเยี่ยนเหมินในวลาไล่เลี่ยกัน พฤติการณ์ของชาวเซียนเป่ยยังคงปกติ พวกเขายังเคลื่อนไหวอยู่เพียงแค่แถบชายแดน แต่เรื่องของชนเผ่าซยงหนูทำให้ลิโป้ไม่อาจไม่ระวังป้องกันเอาไว้ก่อน

อำเภอหยุนจงและด่านเยี่ยเหมินเป็นพื้นที่ในแนวหน้า และบรรดาแม่ทัพที่เฝ้าพื้นที่อยู่ต่างก็กุมอำนาจท้องถิ่นอยู่ในมือ ดังนั้นอิทธิพลของลิโป้จึงแทบไม่มีผลต่อพวกเขา

เมื่อครั้งที่เต๊งหงวนร้องขอไพร่พลจากสองเมืองนี้ไปทำศึกกับตั๋งโต๊ะ ทั้งสองเมืองก็ไม่ได้ส่งไพร่พลมาให้แม้แต่คนเดียว

หยุนจงและด่านเยี่ยนเหมินเป็นกันชนของปิ้งโจวก่อนจะเข้าสู่เขตทุ่งหญ้า นักรบที่ร้ายกาจของเซียนเป่ยย่อมเหนือกว่าชนเผ่าซยงหนูที่ไม่ได้ก่อการมาหลายปีอยู่หลายขุม

ชาวเซียนเป่ยมีใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่ในทุ่งหญ้า สภาพแวดล้อมอันเลวร้ายได้ขัดเกลาให้พวกเขาแข็งกร้าว กลายเป็นพวกกระหายสงคราม โดยเฉพาะสงครามปล้นชิง พวกเขาต้องการเสบียงอาหารเพื่อเลี้ยงดูผู้คนภายในเผ่า

สงคราม สำหรับพวกเขาแล้วก็ไม่ต่างจากการกินข้าว เกิดสงครามระหว่างชนเผ่าอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ชาวเผ่าส่วนใหญ่ต้องหยิบดาบขึ้นหลังม้าเป็นนักรบ

ภูเขาลู่เหลียงกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ไม่ว่าผู้ใดก็ย่อมคาดคิดไม่ถึงว่าหน่วยรบที่ร้ายกาจที่สุดของปิ้งโจวจะตั้งค่ายอยู่ที่นี่

แม้ว่าหน่วยองค์รักษ์เงาจะสามารถสืบหาข่าวได้เช่นกัน แต่หน่วยเฟยอิงสามารถมอบข่าวสารที่พิเศษให้กับลิโป้ สำหรับการแทรมซึมเข้าสู่กิจิ๋วนั้น เวลานี้หน่วยองค์รักษ์ยังกระทำไม่สำเร็จ ดังนั้นจึงจำต้องส่งหน่วยเฟยอิงเข้าไปรวบรวมข่าวสารกลับมาโดยเร็วที่สุด

โรงงานช่างฝีมือที่ตั้งอยู่ในเขตทิศเหนือของเมืองจิ้นหยางกลายเป็นสถานที่ที่คึกคักมากที่สุด ช่างฝีมือทุกคนล้วนทำงานตลอดวันตลอดคืน งานของพวกเขาคือการสร้างอาวุธที่แหลมคมยิ่งกว่าเดิมออกมา ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้พวกเขารู้สึกยินดีที่ถูกใช้งาน ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น เพียงรางวัลที่ประกาศต่อเหล่าช่างฝีมือก็ทำให้พวกเขาแทบจะคลุ้มคลั่งแล้ว หากช่างฝีมือคนใดมีผลงานโดดเด่นก็ยิ่งจะได้รับรางวัลชิ้นใหญ่ และหากสร้างผลงานถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะได้รับสวัสดิการดุจเดียวกับเจ้าหน้าที่ทางการอีกด้วย

ในยุคนี้นั้น บัณฑิตและชาวนามีฐานะสูงส่งกว่าช่างฝีมือ แม้แต่ตอนที่เป็นช่างฝีมืออยู่ในลั่วหยางพวกเขาก็ยังมีฐานะต่ำต้อยเช่นเดิม

กระนั้นที่จิ้นหยางแห่งนี้สามารถมอบสวัสดิการที่เทียบเท่าเจ้าหน้าที่ทางการให้พวกเขาได้ แม้จะไม่มีอำนาจที่แท้จริง แต่ก็ยังถือว่าเป็นเกียรติในชีวิต สำหรับผู้คนทั่วไปแล้ว การได้เป็นขุนนางนับเป็นการเชิดหน้าชูตาให้กับครอบครัว

ช่างฝีมือจากลั่วหยางผู้หนึ่ง เพราะมอบวิธีการจัดสร้างหน้าไม้ในแขนเสื้อออกมา เขาจึงได้รับการปฏิบัติดุจเดียวกับนายอำเภอ เงินเดือนและเครื่องแบบขุนนางที่ได้รับ ทำให้ช่างฝีมือคนอื่นๆที่ได้เห็นต่างบ้าคลั่งขึ้นมา

ทุกครั้งที่ลิโป้มาเยือน เขาก็จะสัมผัสได้ถึงความกระตือรือร้นของเหล่าช่างฝีมือ โดยไม่เกี่ยงสภาพอากาศ

ช่างตีเหล็กหนุ่มผู้หนึ่งเหวี่ยงค้อนตีเหล็กอย่างต่อเนื่อง ด้วยกล้ามเนื้ออันแข็งแรงและใบหน้าที่ดำปื้น แววตาของเขาทอแววคาดหวัง ส่วนช่างฝีมืออาวุโสกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก รอบตัวเต็มไปด้วยกระดาษที่กระจัดกระจายอยู่เกลื่อนกลาดรอบตัว หากเหล่าบัณฑิตในใต้หล้าได้มาเห็นฉากนี้คงโกรธจนเคราชี้ชันเป็นแน่

เหล่าบัณฑิตที่อยู่ในภาคกลางนั้นประเมินค่าของกระดาษเอาไว้สูงยิ่ง แต่สำหรับสำนักงานของเมืองปิ้งโจวแล้ว พวกเขาใช้กระดาษในการหาเงินหรือใช้ในการจัดสร้างหนังสือ ซึ่งช่างฝีมือทุกคนต่างก็ได้รับกระดาษมาสำหรับออกแบบอย่างไม่จำกัด เมื่อมีกระดาษเหล่านี้ พวกเขาก็จะสามารถออกแบบหรือคิดค้นอาวุธชนิดใหม่ขึ้นมาได้ดียิ่งขึ้น

"ใต้เท้า!" ชายชรารีบก้าวออกมาทักทายด้วยรอยยิ้ม ช่างฝีมือส่วนใหญ่ที่นี่อายุน้อยกว่าเขา ดังนั้นช่างฝีมือหลายคนจึงมักจะมาขอให้เขาสั่งสอน เรื่องนี้ทำให้เขามีความสุขมาก

"ผู้เฒ่าเฉิง อ้อไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าใต้เท้าจ้าว ฮ่าๆ" ลิโป้หัวเราะ

"ใต้เท้าล้อเล่นแล้ว" เฒ่าเฉิงกล่าวตอบสีหน้าที่ยินดีอย่างปิดไม่มิด

"ผู้เฒ่า การพัฒนาเหล็กกล้าไป่เหลียนเป็นอย่างไรบ้าง?" ลิโป้เอ่ยถาม

หลังจากส่งถ่านหินจำนวนมากมายังโรงงานช่างฝีมือให้พวกเขาทดลองใช้ เฒ่าเฉิงก็ปลื้มถ่านหินมาก เมื่อมีถ่านหินก็จะสามารถจัดสร้างเหล็กที่มีคุณภาพสูงขึ้นได้

"นายท่าน อุณหภูมิของไฟที่เหมาะสมนั้นจำเป็นต่อการตีเหล็กมาก อีกทั้งในระหว่างกระบวนการยังจำเป็นต้องใช้เหล็กจำนวนมาก หลังจากทำการหลอมมาหลายวันหลายคืน พวกเราเพิ่งได้รับเหล็กกล้ามาสองร้อยชั่งเท่านั้นขอรับ เมื่อลองใช้เหล็กชนิดนี้จัดสร้างอาวุธก็มักจะล้มเหลว"

เฒ่าเฉิงถอนหายใจ เทียบกับเงื่อนไขของปิ้งโจวแล้ว อาจกล่าวได้ว่าทั้งต้าฮั่นก็ยังไม่มีที่ใดที่มีเงื่อนไขดีเท่านี้ เพียงแต่ปัญหาด้านเทคนิคบางประการไม่อาจรีบร้อนแก้ไขจนเกินไป

การพัฒนาของราชวงศ์ใดๆจำต้องใช้เวลานับร้อยปี ก่อนหนา้นี้ปิ้งโจวมีผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านนี้อยู่ไม่มาก กอปรกับการเกิดกบฏโจรโพกผ้าเหลืองที่ทำให้สูญเสียผู้มีความรู้ความสามารถหลากหลายแขนงไป ช่างฝีมือส่วนใหญ่ในโรงงานนี้ล้วนแต่ยังหนุ่มแน่น การจะยกระดับฝีมือของพวกเขาขึ้นมาในเวลาอันสั้นนั้นยากเย็นยิ่ง

แต่ลิโป้ทราบว่าควรใช้เหล็กกล้าสร้างเป็นอาวุธชนิดใด เขายื่นพิมพ์เขียวแผ่นหนึ่งให้เฒ่าเฉิง