ตอนที่ 132 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"มีเรื่องใดรึ?" ลิโป้เอ่ยถาม

หลินเฟิงเคยเดินทางเข้าออกทุ่งหญ้าเพื่อทำการค้าอยู่หลายครั้ง ดังนั้นจึงเข้าใจสถานการณ์ของชนเผ่าเซียนเป่ยเป็นอย่างดี ราชสำนักเซียนเป่ยก็คือสถานที่ที่เขามักจะไป ในด้านความเข้าใจ เขากล้ากล่าวเลยว่าไม่มีชาวฮั่นคนใดจะเหนือไปกว่าเขาแล้ว

แม้สีหน้าของลิโป้จะยังดูนิ่งเฉย แต่หลินเฟิงก็มั่นใจอย่างยิ่งว่าสมับิตชิ้นนี้จะต้องดึงดูดใจลิโป้ได้แน่นอน ตัดสินจากสีหน้าที่ดูตื่นเต้นยินดีของเตียนอุยก่อนหน้านี้ก็พอจะทราบได้

"เรียนใต้เท้า ในราชสำนักเซียนเป่ยนั้นมีเทพอาชาอยู่ตัวหนึ่ง ชาวเซียนเป่ยพยายามจะปราบพยศมันมานาน หากแต่ก็ไม่มีผู้ใดมีความสามารถพอ" หลินเฟิงลดเสียงลงกล่าว

เมื่อได้ยินคำบอกเล่า สีหน้าของลิโป้ก็ฉายแววยินดีขึ้นมา เรื่องที่เขาฝากฝังเตียนอุยให้ช่วยหายอดอาชานั้น เขาไม่ได้คิดจริงจังอะไร คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าที่นี่จะมียอดอาชาอยู่จริงๆ "อาชาตัวนี้อยู่ที่ใด?"

"ตำแหน่งของอาชาตัวนี้นั้นไม่แน่นอน แต่จะต้องอยู่ภายในอาณาเขตของราชสำนักเซียนเป่ยอย่างแน่นอนขอรับ" หลินเฟิงตอบ

"ในเมื่อยังไม่รู้ตำแหน่ง แล้วจะมีประโยชน์อันใด?" ราชสำนักเซียนเป็นพื้นที่ของชาวเซียนเป่ย เพื่อไม่เป็นการบีบให้ชนเผ่าเซียนเป่ยกลายเป็นสุนัขจนตรอกกระโดดกำแพง ทัพเฟยฉีจึงจะไม่รั้งอยู่นานนัก เป้าหมายในการโจมตีที่นี่ก็เพื่อบีบให้ทัพใหญ่ของชนเผ่าเซียนเป่ยถอนกำลังกลับจากด่านเยี่ยนเหมิน

"ใต้เท้า เฉ่าหมินได้ยินมาจากภายในราชสำนักว่าเทพอาชาตัวนี้มักจะปรากฏตัวขึ้นทางทิศตะวันออกห่างจากราชสำนักไปราวห้าสิบลี้ ถ้าไม่ใช่เพราะทัพฮั่นยกกำลังมาโจมตีอย่างฉับพลัน ทหารม้าหวังถิงคงยกกำลังออกไปตามจับเทพอาชาตัวนี้แล้วขอรับ" หลินเฟิงกล่าว

"อ้อ มีเรื่องเช่นนี้ด้วย" ลิโป้ตาเป็นประกาย เวลานี้ ที่เขาขาดแคลนมากที่สุดก็คือม้าศึก หากได้อาชาที่ชาวเซียนเป่ยเรียกขานเป็นเทพอาชามา พลังรบของเขาจะต้องเพิ่มพูนขึ้นอีกมากเป็นแน่

"อาเหวย เจ้าไปกับหลินเฟิง นำทหารม้าเฟยฉีร้อยนายไปตามหาตำแหน่งที่อยู่ของอาชาตัวนี้" ลิโป้สั่งการ

"ขอรับ" เตียนอุยรับคำก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับหลินเฟิง

ขณะเดียวกัน จูล่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับกุยแก

เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของลิโป้ จูล่งก็ลอบถอนใจชมเชย ประสิทธิภาพของทหารม้าเฟยฉีนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ ตัวเขาได้รับกระบี่มาเล่มหนึ่ง เพียงปรายตามองคราเดียวก็ทราบได้ว่าเป็นกระบี่ชั้นเลิศ

"ใต้เท้า นี่เป็นกระบี่ที่ค้นพบในราชสำนักของเซียนเป่ย จากคำกล่าวของชาวเวียนเป่ยนั้น ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นอาวุธคู่กายของถานสือหวย" จูล่งประคองมอบกระบี่ด้วยแววตาไม่เต็มใจ กระบี่เล่มนี้กล่าวได้ว่าเป็นอาวุธวิเศษ หลังจากทดลองดูแล้ว กระบี่เล่มนี้ถึงกับตัดเหล็กราวกับตัดดินเหนียว แม้ปะทะกับอาวุธชิ้นก็ไม่บิ่น สามารถตัดอาวุธทั่วไปได้ราบเรียบเสมอกันอย่างงดงาม

ลิโป้จ้องมองจูล่งอย่างลึกซึ้งคราหนึ่ง จากนั้นจึงชักกระบี่ออกมา ประกายสีเงินกระพริบวูบวาบ ตัวกระบี่แผ่ความเย็นเยียบออกมาจนรู้สึกได้ เพียงปรายตามองก็ทราบได้ทันทีว่าไม่ใช่กระบี่ธรรมดา ดังนั้นเขาจึงเอ่ยชมเชยออกมามิได้ "กระบี่ดี"

"ใต้เท้า กระบี่เล่มนี้ตัดเหล็กได้ราวกับตัดดินเหนียว นับเป็นอาวุธวิเศษ" จูล่งอธิบาย

กุยแกครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆกล่าวขึ้นว่า "ใต้เท้า ในอดีตนั้น ตอนที่ถานสือหวยอยู่ในชนเผ่าเซียนเป่ย ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับเขาได้ เขาเคยรุกรานชายแดนต้าฮั่นมาหลายครั้ง ทหารฮั่นก็ยังยากจะต้านทาน จนสุดท้ายฮ่องเต้ของฮั่นก็ต้องแต่งตั้งให้ถานสือหวยเป็นอ๋องแห่งเซียนเป่ย พระองค์ได้พระราชกระบี่และม้าศึกชั้นเลิศให้แก่เขา ผู้ใดจะทราบได้ว่า หลังจากถานสือหวยยอมรับการแต่งตั้งไปแล้ว เขาก็ยังนำกำลังรุกรานชายแดนต้าฮั่นทุกปี กล่าวกันว่าถานสือหวยมีกระบี่วิเศษอยู่เล่มหนึ่ง คาดว่าคงเป็นกระบี่เล่มนี้แล้ว"

"ใต้เท้า ไม่ทราบว่าข้าน้อยจะขอชมดูกระบี่เล่มนี้ได้หรือไม่?" เห็นได้ชัดว่ากุยแกเองก็สนใจกระบี่เล่มนี้อย่างมาก

ลิโป้ไม่ได้เคลือบแคลง ยื่นส่งกระบี่ให้กับกุยแกทันที

หลังจากพินิจดูอยู่นาน แววตาของกุยแกก็เป็นประกาย "ใต้เท้าเชิญดู บนกระบี่เล่มนี้สลักลวดลายมังกรเอาไว้ ทั้งยังสลักคำว่า 'หลงไฉ่' ไว้ที่ด้ามจับ ไม่ผิดแน่ กระบี่เล่มนี้ก็คือ กระบี่หลงไฉ่"

"ว่ากันว่ายามนำกระบี่หลงไฉ่จุ่มลงไปในน้ำก็จะสามารถมองเห็นเงาของมังกรกำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำ คิดไม่ถึงจริงๆว่ากระบี่เล่มนี้จะอยู่ในมือของถานสือหวย" กุยแกทอดถอนใจ

"ลองดูก็จะรู้เอง" ลิโป้เริ่มสนใจกระบี่เล่มนี้ขึ้นมาแล้ว

เขาสั่งให้ทหารไปนำถังน้ำเข้ามา จากนั้นจึงจุ่มกระบี่ลงไป ผ่านไปครู่หนึ่ง ลวดลายมังกรบนตัวกระบี่ก็คล้ายมีชีวิตขึ้นมา มันเคลื่อนไหวไปมาราวกับกำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำ ช่างน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง

ลิโป้มองดูด้วยด้วยความทึ่ง นึกไม่ถึงว่ากระบี่หลงไฉ่จะเป็นกระบี่วิเศษดั่งในคำเล่าลือจริงๆ ดังนั้นสายตาที่จ้องมองกระบี่เล่มนี้จึงยิ่งมายิ่งร้อนแรง

แม่ทัพบู๊ย่อมชื่นชอบยอดอาชาและอาวุธวิเศษ ลิโป้อดทอดถอนใจให้กับโชควาสนาของตนเองไม่ได้ การมายังราชสำนักเซียนเป่ยครั้งนี้นับว่าไม่เสียเที่ยวจริงๆ

ชาวเซียนเป่ยนี่ก็จะช่างจริงๆเลย กลับนำกระบี่เล่มนี้ไปเก็บไว้ในท้องพระคลังโดยไม่นำออกมาใช้งานเสียได้

"แม่ทัพจูล่งติดตามข้าออกกรำศึกกับชาวเซียนเป่ย ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจยิ่ง ดั่งคำว่าวีรบุรุษย่อมคู่ควรกับอาวุธวิเศษ ดังนั้นการมอบกระบี่เล่มนี้ให้กับแม่ทัพจูล่งก็ย่อมไม่ทำให้กระบี่เล่มนี้ต้องมีชื่อเสียงด่างพร้อยแต่อย่างใด" ลิโป้ยิ้มพลางยื่นส่งกระบี่หลงไฉ่ให้กับจูล่ง

จูล่งรีบกุมหมัดกล่าวว่า "ใต้เท้า กระบี่เล่มนี้ล้ำค่าเกินไป ข้าน้อยไม่บังอาจ"

แม้ก่อนหน้านี้จูล่งจะไม่เต็มใจอยู่บ้าง แต่หลังจากได้ยินคำอธิบายของกุยแกและได้เห็นความวิเศษของกระบี่เล่มนี้แล้ว เขาก็โยนความคิดขัดขืนทิ้งไปทันที กระบี่หลงไฉ่เป็นกระบี่วิเศษของราชสำนักฮั่น ไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างเขาคู่ควรจะครอบครองแม้แต่น้อย

"แม่ทัพจูล่งอย่าปฏิเสธไปเลย กระบี่เล่มนี้จะเปล่งอานุภาพออกมาได้ก็เมื่ออยู่ในมือแม่ทัพจูล่ง ถือเป็นของตอบแทนน้ำใจแม่ทัพจูล่งก็แล้วกัน หวังว่าแม่ทัพจูล่งจะไม่ปล่อยให้กระบี่เล่มนี้ต้องอับเฉา"

ได้ยินน้ำเสียงซึ่งไม่มีที่ให้ปฏิเสธของลิโป้ ในที่สุดเขาก็ไม่อาจระงับความปรารถนาในใจเอาไว้ได้ เขากล่าวขึ้นว่า "ขอบคุณใต้เท้า หากราชสำนักฟื้นฟูกลับมาเมื่อใด ข้าจะถวายกระบี่เล่มนี้ต่อฝ่าบาท"

ลิโป้ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาเข้าใจแล้วว่าจูล่งกำลังกังวลเรื่องอะไร มังกรนั้นคือสัญลักษณ์ของราชวงศ์ หากผู้คนทั่วไปครอบครองสิ่งของที่มีรูปสลักลายมังกร ก็จะถูกยึดถือเป็นกบฏของแผ่นดิน

จูล่งรับกระบี่หลงไฉ่ไปด้วยความตื่นเต้น ในใจยิ่งรู้สึกเลื่อมใสลิโป้มากขึ้น กระบี่วิเศษเช่นนี้ หากเขาต้องการเก็บไว้ครอบครองเองย่อมไม่มีผู้ใดเอ่ยคัดค้าน ทว่าลิโป้กลับไม่ทำเช่นนั้น

"แม่ทัพจูล่ง ข้ายังมีเรื่องที่อยากจะรบกวนแม่ทัพจูล่งสักเรื่อง" ลิโป้พลันนึกถึงเรื่องเทพอาชาตัวนั้นขึ้นมา

เทียบกับเตียนอุยแล้ว จูล่งมีความคิดละเอียดอ่อนกว่า คงจะเหมาะสมกว่าหากยกหน้าที่ตามหาเทพอาชาให้กับจูล่ง

"เชิญใต้เท้าสั่งการมาได้เลยขอรับ"

"ว่ากันว่าทางทิศตะวันออกของราชสำนักเซียนเป่ยมีการพบเห็นเทพอาชาตัวหนึ่ง ข้าอยากให้แม่ทัพจูล่งไปกับแม่ทัพเตียนเพื่อตามหาอาชาตัวนี้ คิดเสียว่าเป็นคำขออันไร้ยางอายจากแม่ทัพผู้นี้ก็แล้วกัน"

จูล่งกุมหมัดรับคำ "ข้าน้อยจะทุ่มเทตามหาอย่างสุดความสามารถ"

หลังจากจูล่งจากไป กุยแกก็กล่าวขึ้นยิ้มๆ "ด้วยกระบี่เล่มหนึ่ง ใต้เท้าก็สามารถเอาชนะใจยอดขุนพล"

ลิโป้ยิ้มบาง "หากสามารถเอาชนะใจเฟิ่งเซี่ยว อย่าว่าแต่กระบี่เล่มหนึ่งเลย ต่อให้เป็นสิ่งของล้ำค่าเพียงใด แม่ทัพผู้นี้ก็จะยกให้ด้วยความเต็มใจ"

ได้ยินประโยคนี้ กุยแกก็นิ่งเงียบไป

ภายใต้การค้นหาของทหารม้าเฟยฉีหนึ่งร้อยนาย ในที่สุดจูล่งก็ค้นพบเทพอาชาจากคำบอกเล่าของหลินเฟิง

อาชาตัวนี้มีสีดำล้วน ฝีเท้าปราดเปรียวว่องไวประดุจสายลม เพียงชมมองจากระยะไกล จูล่งก็มั่นใจว่าอาชาตัวนี้จะต้องเป็นเทพอาชาในคำล่ำลืออย่างแน่นอน ทว่าการจะจับเทพอาชาตัวนี้นั้นไม่ง่ายเลย เทพอาชาตัวนี้มีความตื่นตัวสูงยิ่ง เพียงลอบชมมองจากระยะก็กระตุ้นความตื่นตัวของมันขึ้นมาจนวิ่งหนีไป แม้จูล่งจะควบม้าไล่ตามอย่างดุดัน เขาก็ยังไม่อาจตามจับได้แม้แต่เงาของมัน

จูล่งลอบคิดในใจว่ามันคงหนีเตลิดไปแล้ว มิคาด ทหารม้าเฟยฉีกลับพบเห็นมันที่ใกล้ๆกับราชสำนักเซียนเป่ยในวันถัดมา จูล่งไม่กล้าผลีผลามอีกแล้ว เขานำทหารม้าขาวและทหารม้าเฟยฉีร้อยนายไปตามจับเทพอาชา ผู้ใดจะคิดเล่าว่า พอเผชิญกับการไล่ตามของทหารม้าเฟยฉีและทหารม้าขาวแล้ว เทพอาชาจะเร่งฝีเท้าหลบหนีไปได้ด้วยความเร็วและความคล่องแคล่วที่ไร้ผู้ทัดเทียม อย่างไรก็ตาม พอวิ่งหนีไปได้แล้วมันก็หันกลับมามองเป็นการเยาะเย้ย สร้างความหงุดหงิดให้กับจูล่งไม่น้อย

ทหารม้าขาวและทหารม้าเฟยฉีมีทักษะขี่ม้าไม่ต่ำทราม ดังนั้นทักษะการจับม้าป่าของพวกเขาก็ย่อมไม่แย่ กระนั้นกลับปล่อยให้ม้าป่าตัวเดียวหนีรอดไปเสียได้