ตอนที่ 44 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ทหารม้าปิงโจวเริ่มก่อตั้งรูปขบวนเพื่อหยุดการบุกของศัตรูอย่างยากลำบาก เตียวเลี้ยวที่อยู่ด้านหน้าสุดของรูปขบวนมีแววตาโศกเศร้าและแน่วแน่ในเวลาเดียวกัน มือที่ยึดกุมหอกอยู่ค่อยๆบีบกำแน่นขึ้น

...........

ดวงตาของจ้าวเหอทอแววตื่นเต้นยินดี แม้จะเสียกำลังไปเกือบพัน แต่ขอเพียงเขาสามารถบุกยึดจวนเจ้าเมืองได้ ที่ต้องจ่ายไปก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว

"บุกเข้าไป ฆ่าทหารม้าพวกนั้นให้หมด ปิงโจวใกล้เป็นของพวกเราแล้ว!" จ้าวเหอตะโกนปลุกเร้า

ตอนที่ลิโป้นำกำลังมาถึง ที่ช่องประตูเมืองก็หลงเหลือทหารม้าไม่ถึงสิบคนแล้ว พวกเขาต่างยืนหยัดปกปักษ์ประตูเมืองจนเลือดหยดสุดท้าย สภาพสนามรบดูสลดหดหู่อย่างที่สุด ไม่ว่าผู้ใดก็จินตนาการไม่ออกว่าทหารม้าเหล่านี้พุ่งออกไปต้านทานศัตรูไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อต้านทานการโจมตีของศัตรู ทหารม้าจำนวนสามคนจะพุ่งตะลุยออกไปพร้อมกัน ส่วนทหารม้าที่เหลือก็จะจัดแถวสามคนเช่นนี้เป็นชั้นๆ ยุทธวิธีเช่นนี้มีเพียงความตายที่รอคอยพวกเขาอยู่ กระนั้นพวกเขากลับพุ่งออกไปโดยไม่ลังเล

"ฆ่า!" โทสะพลันพุ่งทะยานขึ้นในใจลิโป้อย่างไม่อาจหยุดยั้ง เขาต้องการจะสับสังหารพวกศัตรูที่บุกเข้ามาให้หมดสิ้น ทหารม้าเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงลูกน้องของเขา แต่ยังเป็นพี่น้องที่ร่วมรบด้วยกันมาหลายศึก

ลิโป้และเตียนอุยคล้ายกลายเป็นกระบี่อันคมกล้าสองเล่มตัดทะลวงเข้าไปในทัพศัตรูอย่างดุร้าย ทวนกรีดนภา และทวนคู่ฟาดฟันออกครั้งแล้วครั้งเล่า ทำลายขวัญศัตรูจนแตกกระเจิงอย่างรวดเร็ว

"ท่านแม่ทัพมาแล้ว ท่านแม่ทัพมาแล้ว!" ทหารม้านายหนึ่งที่ยังรอดชีวิตสะกดกลั้นความเจ็บปวดจากบาดแผลพลางตะโกนด้วยความยินดี

ทันใดนั้นหอกยาวเล่มหนึ่งก็เสียบทะลุอกของเขา หากเป็นในยามปกติ เขาคงสามารถหลบพ้นอย่างง่ายดาย แต่เวลานี้ทั่วร่างของเขามีแต่บาดแผลรุนแรง ดังนั้นจึงทำได้เพียงก้มลงมองดูหอกที่เสียบทะลุตัวเขาไป

"ฆ่า! ท่านแม่ทัพมาแล้ว ฆ่าพวกมันให้หมด!" ทันทีที่ได้เห็นลิโป้ เตียวเลี้ยวที่ยันร่างขึ้นจากใต้ซากม้าก็ตะโกนออกมา ความเจ็บปวดจากบาดแผลตามร่างก็บรรเทาลงมาก เขาต้องการจะสังหารศัตรูให้ได้มากกว่านี้ เพื่อพี่น้องที่พลีชีพไปก่อนหน้า

เตียนอุยไขว้ทวนคู่ไว้ก่อนจะสะบัดตัดศีรษะของกลุ่มทหารศัตรูอย่างดุร้าย จ้าวเหอที่ได้เห็นฉากนี้พลันรู้สึกเสียวสันหลังวาบ หากเขาได้เผชิญหน้ากับแม่ทัพที่ดุร้ายผู้นี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคงไม่อาจรับมือได้แม้สักท่า

จ้าวเหอเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความตายก็รู้สึกตื่นกลัว ใบหน้าของเขาซีดเผือด เขาได้แต่ชี้นิ้วสั่งให้เหล่าทหารที่กำลังเสียขวัญบุกเข้าไปสกัดเตียนอุยไว้

ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนเริ่ม แต่เมื่อมีทหารทิ้งอาวุธก่อนจะหันหลังวิ่งหนีไป ทหารอีกหลายคนในกองทัพของจ้าวเหอก็มีคนทำตาม ทหารเหล่านี้หลายคนยังไม่เคยเห็นฉากนองเลือดมาก่อน วันๆเอาแต่แทงหอกจั่วลม พอพบเห็นสหายล้มตายมากเข้าก็สติแตก ก่อนหน้านี้พวกเขาได้เข้าไปสู้ภายในช่องประตูเมืองมาแล้ว คนด้านนอกย่อมไม่ได้พบเห็นเช่นที่พวกเขาเห็น ตอนนี้คนด้านในนั้นถูกฆ่าแทบหมดสิ้น พวกเขาไม่ขวัญกระเจิงได้อย่างไร โดยเฉพาะเจ้าคนที่ถือทวนคู่ผู้นั้น สามารถสูดได้กลิ่นคาวเลือดจากบนร่างของเขาได้ตั้งแต่ระยะไกล

"ยิงธนู!" จ้าวเหอพบว่าที่ออกมาจากช่องประตูเมืองเป็นเทพสังหารสามองค์ ขณะที่ด้านหลังด้านหลังของพวกเขายังมีทหารม้าตามมา เขาก็พบว่าผิดท่า บางทีสถานการณ์ภายในเมืองอาจจะไม่เป็นไปตามแผน มิเช่นนั้นจะมีกำลังมาช่วยเหลือได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้อย่างไร?

พลธนูหนึ่งร้อยนายตั้งแถวยิงธนูออกไป

สามแม่ทัพกล้ากวัดแกว่งอาวุธปัดป้องลูกธนูทิ้ง ไม่มีผู้ใดในพวกเขาถูกลูกธนูทำร้ายบาดเจ็บ แต่ที่บาดเจ็บกลับเป็นทหารของจ้าวเหอที่อยู่รอบๆแทน

"พี่ใหญ่ พวกเรารีบหนีเถอะ ทหารม้าจากค่ายนอกเมืองกำลังจะมาแล้ว ถ้าปล่อยจนถึงตอนนั้น เกรงว่าพวกเราคงยากจะหนีได้อีก!" จ้าวยี่กล่าวด้วยความกังวล เขาประเมินลิโป้ต่ำเกินไป แม้ทราบว่าทหารของลิโป้เป็นทหารชั้นยอด แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีพลังรบสูงกว่าที่คาดไปมาก โดยเฉพาะฝีมือของตัวลิโป้เอง ยิ่งสร้างความตื่นตะลึงแก่เขายิ่งกว่า

"ทหารม้าคอยรั้งท้าย ที่เหลือถอยทัพ!" จ้าวเหอกัดฟันกล่าว เกรงว่าการยึดเมืองจิ้นหยางคงไม่มีหวังแล้ว ทั้งอำเภอติ้งเซียงเองก็อาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย

เมื่อเห็นฝ่ายศัตรูล่าถอยไปภายใต้การคุ้มครองของทหารม้า ลิโป้ก็ไม่ได้สั่งให้ไล่ตามไป สถานการณ์ภายในเมืองยังไม่มั่นคง เขาไม่อาจปล่อยให้การทุ่มเทตลอดหลายเดือนมานี้ถูกทำลายไปเพราะความหุนหันพลันแล่น

"แบ่งกำลังออกเป็นกลุ่มละหนึ่งร้อย ตรวจตราให้ทั่วเมือง หากพบคนขัดขืนไม่ยอมร่วมมือ ก็ให้ฆ่าได้ทันที!" เมื่อเห็นการเก็บกวาดสนามรบใกล้แล้วเสร็จ ลิโป้ก็ออกคำสั่ง

"เหวินหยวน ท่านรีบไปให้หมอดูอาการ" เห็นบาดแผลน้อยใหญ่อยู่ทั่วร่างของเตียวเลี้ยว ลิโป้ก็ตาแดงก่ำ

"ท่านแม่ทัพไม่ต้องกังวล ข้าน้อยยังไหวขอรับ" เตียวเลี้ยวกุมมือตอบ

"เหวินหยวน พาคนบางส่วนกลับไปที่จวนเจ้าเมือง ดูแลความปลอดภัยของกุนซือลิ" เมื่อนึกขึ้นได้ว่าลิซกยังอยู่ที่จวนเจ้าเมือง เขาก็รีบกล่าว

"ขอรับ" เตียวเลี้ยวรับคำ

"เจ้าไปตามหมอมาตรวจดูบาดแผลของแม่ทัพเตียว เร่งด่วนด้วย" ลิโป้สั่งการต่อทหารม้าที่อยู่ด้านข้าง

คืนนี้ มีหลายคนต่างนอนไม่หลับเพราะเสียงโห่ร้องฆ่าฟันที่ดังขึ้นทั่วทั้งเมือง หลายบ้านไม่กล้าแม้แต่จุดไฟมาดูสถานการณ์ เพราะประสบการณ์ในอดีตบอกพวกเขาว่าการทำเช่นนี้รังแต่จะชักนำเภทภัยมาสู่ตัว

การกวาดล้างตระกูลใหญ่ยังคงดำเนินต่อไป ตระกูลจ้าวถูกโกซุ่นจัดการแบบขุดรากถอนโคลน ยิ่งได้ยินรายงานสถานการณ์ที่ส่งมาจากแห่งอื่นๆ โกซุ่นก็ยิ่งแค้นแน่นอก เขานำกำลังบุกไปจัดการกับตระกูลหลี่และตระกูลเหลียงต่อทันที

ถึงตอนนี้ สามตระกูลใหญ่ที่เคยมีอิทธิพลอยู่ในเมืองจิ้นหยางมานานนับร้อยปีก็ถูกโกซุ่นนำหน่วยทะลวงค่ายเข่นฆ่าจนหมดสิ้น

หลังเหลียงฮูหนีออกมาจากจวนตระกูลจ้าวแล้ว เขาก็ไม่กล้ากลับไปที่บ้าน ได้แต่ไปหลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านที่มีกำหนดจะรื้อถอน

"ส่งทหารม้าออกไปนอกเมือง รวมทั้งส่งหน่วยสอดแนมทั้งหมดออกไปด้วย แม่ทัพผู้นี้จะทำให้พวกโจรกบฏไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน!"

ลิโป้ย่อมไม่คิดจะปล่อยอำเภอติ้งเซียงไปง่ายๆ อาศัยตอนที่สถานการณ์ยังไม่มั่นคง เขาจะใช้โอกาสนี้กำจัดเหล่าผู้ที่สร้างความวุ่นวาย เพราะหากปล่อยเอาไว้ อีกฝ่ายจะต้องหาโอกาสก่อเรื่องขึ้นอีกเป็นแน่ และเมื่อไม่มีเหล่าตระกูลใหญ่คอยสร้างปัญหาแล้ว การจัดการหลายๆสิ่งก็จะสะดวกขึ้นมาก

แสงตะวันทอทาบเมืองจิ้นหยาง ชาวเมืองที่ตื่นไปทำงานต่างสูดได้กลิ่นคาวเลือดจางๆในอากาศ แม้จะทำความสะอาดพื้นไปแล้วรอบหนึ่ง แต่ก็ยังยากจะปกปิดรอยเลือดที่สาดกระเซ็นเมื่อคืน

อย่างไรก็ดี สิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา นอกจากบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว พวกเขาก็ยังทำงาน กินอาหาร และรับเงินตามปกติ ยามเมื่อพูดคุย พวกเขาก็ลดเสียงลงก่อนจะพูดถึงเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

"รายงาน! พบกองทัพศัตรูที่ข้างหน้าห่างออกไปสามสิบลี้ เป็นไพร่พลจำนวนราวสองพัน ห้าร้อยในนั้นเป็นทหารม้าขอรับ" ข่าวที่ถูงส่งกลับมาอย่างต่อเนื่องทำให้ลิโป้พอจะเข้าใจขุมกำลังของจ้าวเหอแล้ว ต้องบอกว่าจ้าวเหอนั้นใจกล้ามากทีเดียวที่กล้านำทหารเพียงสามพันมาโจมตีเมืองจิ้นหยาง

หากอีกฝ่ายสามารถบุกเข้าจวนไปจับตัวเขาไว้ได้ บางทีแผนการนี้อาจจะสำเร็จ ต้องบอกว่าสามตระกูลใหญ่ในจิ้นหยางนั้นร้ายกาจไม่เบา พวกเขาถึงกับสามารถก่อการได้โดยที่ลิโป้แทบไม่ระแคะระคาย

หน่วยสอดแนมเปรียบได้ดั่งหูตาในสนามรบ ไม่ว่ากองทัพใดก็ไม่อาจขาดไป เพราะหากไม่มีพวกเขา กองทัพก็จะไม่อาจทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้เลย

ทหารม้าจำนวนสามพันเก้าร้อยคนนับเป็นกองกำลังที่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจมองข้าม และพวกเขาก็คือกองกำลังที่ลิโป้คาดหวังมากที่สุด จิ้นหยางและเสียงตงเวลานี้กำลังขาดแคลนเสบียง ดังนั้นกองทหารม้าที่พวกตระกูลใหญ่ลอบซ่องสุมขึ้นมาจึงไม่มีคุณภาพมากนัก เป็นได้เพียงกองกำลังเคลื่อนที่เร็วเท่านั้น

"จดจำไว้ อย่าได้ประมาทศัตรูโดยเด็ดขาด อย่างเช่นเมื่อคืนนี้ที่เมืองจิ้นหยาง ศัตรูสามารถฉวยโอกาสได้จากการประมาทเพียงเล็กน้อยของพวกเรา" ลิโป้กล่าวต่อหลี่เยี่ยนผู้เป็นรองแม่ทัพ

หลี่เยี่ยนพยักหน้า สีหน้ามีร่องรอยของความละอายใจ หากเมื่อคืนนี้เมืองจิ้นหยางมีหน่วยสอดแนมคอยตรวจตรา สถานการณ์ของจิ้นหยางคงไม่วิกฤตถึงเพียงนั้น แม้จะทราบว่าภายในเมืองเกิดเรื่องขึ้น แต่เขากลับไม่กล้าส่งกำลังออกไปเพราะยังไม่มีคำสั่งลงมา