"การแข่งขันระหว่างตระกูลต่างๆนั้นรุนแรงยิ่ง แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็เกาะกลุ่มกันอย่างแน่นเฟ้น แม้จะต่อสู้ช่วงชิงกัน แต่ยามใดที่มีศัตรูจากภายนอกปรากฏ พวกเขาก็จะหันมาร่วมแรงร่วมใจกัน ในเมืองหนึ่งเมืองนั้น ความมั่งคั่งกว่าครึ่งล้วนอยู่ในมือของตระกูลใหญ่ เจ้าพอจะจินตนาการอำนาจของพวกเขาออกหรือไม่?"
ลิโป้พยักหน้ารับอย่างจริงจัง ตระกูลใหญ่สามารถกล่าวได้ว่าเป็นเนื้อร้ายแห่งยุค เป็นกลุ่มวายร้ายในคราบมนุษย์ ครอบครองดินแดนอันอุดมสมบูรณ์มากมายมหาศาล ทั้งยังกระหายในเงินตราและอำนาจไม่มีที่สิ้นสุด ยามเมื่อตระกูลเหล่านี้มารวมกันย่อมไม่มีผู้ใดสามารถประมาทพวกเขาได้
"เฟิ่งเซียนต้องเข้าใจถึงความสำคัญของเหล่าบัณฑิต แม้ตระกูลใหญ่เหล่านี้จะโลภมาก แต่ก็ครอบครองผู้มีความรู้ความสามารถอยู่ทั่วแผ่นดิน หากไม่มีผู้มีความรู้ความสามารถเหล่านี้ ต่อให้ราชสำนัจะมีพื้นที่กว้างขวางเพียงใดก็ไร้ประโยชน์" ซัวหยงกล่าวอธิบาย
ลิโป้พยักหน้าพลางกล่าวว่า "เหล่าซือมีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วแผ่นดิน หากชูธงช่วยเหลือปิ้งโจว จะต้องมีผู้คนจำนวนมากคล้อยตามเป็นแน่"
"เฟิ่งเซียนเอย อันที่จริงชื่อเสียงของเฒ่าชราผู้นี้ยังด้อยกว่าหนังสือตำราอยู่มาก หลังจากเฟิ่งเซียนสร้างเครื่องพิมพ์กระดาษแบบเคลื่อนย้ายได้ออกมาแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลแล้วว่าปิ้งโจวจะขาดแคลนผู้มีความรู้ความสามารถ แต่ไม่มีภูมิหลังมากพอ" ซัวหยงกล่าวกลางถอนหายใจ เขาย่อมเข้าใจเจตนาของลิโป้ว่าต้องการใช้ชื่อเสียงของเขาดึงดูดคนเข้ามา ทว่าความน่าสนใจของปิ้งเองก็เป็นสิ่งที่ยากจะปฏิเสธจริงๆ เขามั่นใจมากว่าต่อให้เปลี่ยนเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่คนอื่น คนผู้นั้นก็คงเลือกมาที่ปิ้งโจวเช่นกัน
ลิโป้อดทอดถอนใจอย่างช่วยไม่ได้ ความบาดหมางกับเหล่าตระกูลใหญ่ได้ลุกลามขึ้นเรื่อยๆนับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาดูแลปิ้งโจวแล้วลงดาบต่อตระกูลจ้าวและตระกูลหลี่ และสถานการณ์ก็ยิ่งเลวร้ายลงเมื่อเขาก่อตั้งโรงเรียนขึ้นมา
ตระกูลใหญ่ย่อมไม่ต้องการปล่อยให้อำนาจทั้งหมดไหลกลับคืนสู่มือของสำนักงานเมือง ขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่ยินยอมกระทำเรื่องที่เป็นการตัดเย็บชุดวิวาห์ให้กับผู้อื่น ดังนั้นสองฝ่ายจึงมีแต่ความขัดแย้ง โดยเฉพาะทัศนคติในการปฏิบัติต่อผู้คนทั่วไป
มีคนตั้งเท่าไรในแผ่นดินที่อ้างคุณธรรมกระทำเพื่อปวงชน แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจความทุกข์ยากของประชาชนและทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริงกัน?
"เหล่าซือโปรดวางใจ เสวียเซิงจะพยายามผลิตหนังสือตำราให้มากขึ้นเพื่อให้ผู้คนในปิ้งโจวได้เรียนหนังสือ"
ซัวหยงพยักหน้า "เรื่องนี้สำคัญมาก"
"ท่านพ่อ ใต้เท้าลิ" ซัวเอี๋ยมที่สวมชุดสีขาวนุ่มนวลกล่าวทักขึ้นอย่างนอบน้อม
"คุณหนูปรับตัวเข้ากับโรงเรียนได้แล้วหรือไม่?" ลิโป้เอ่ยถาม หลังจากครุ่นคิดอย่างหนักมาโดยตลอด เขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดซัวเอี๋ยมจึงมักจะแสดงความไม่พอใจต่อเขา
หลังจากซัวเอี๋ยมแต่งงานเข้าตระกูลเว่ย แม้ว่าซัวเอี๋ยมจะมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียง แต่ก็ต้องเผชิญกับถ้อยคำประชดประชันจากผู้คนมากมาย เพียงแต่เมื่อนึกถึงซัวหยง คนเหล่านั้นจึงไม่ได้ทำอะไรเกินเลย
แต่หลังจากเว่ยจงเต้าเสียชีวิต ตระกูลเว่ยก็กล่าวโทษว่าเรื่องร้ายๆทั้งหมดเป็นเพราะนาง
นี่จึงเป็นเหตุผลที่นางเดินทางจากเหอตงกลับไปหาบิดาที่ฉางอันด้วยความขุ่นเคือง นางไม่ชมชอบให้ผู้คนเรียกหาว่าฮูหยินเว่ย เพราะรังแต่จะทำให้นางหวนนึกถึงสามีอมโรคและใบหน้าของผู้คนที่ใจดำเหล่านั้น
"ขอบคุณใต้เท้าลิที่ไต่ถาม ปรับตัวได้แล้วเจ้าค่ะ" ซัวเอี๋ยมย่อกายคำนับอีกครั้ง
ซัวหยงยิ้มพลางกล่าวว่า "ในโรงเรียนของเฟิ่งเซียน นางหนูได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างมาก ทำให้ตาเฒ่าผู้นี้พลอยได้หน้าได้ตาไปด้วย"
"ต้องขอบคุณคุณหนูซัวแล้ว" ลิโป้กุมมือกล่าวด้วยความสำนึกขอบคุณ
"ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนดั่งที่ท่านพ่อกล่าวหรอกค่ะ ก็เหมือนกับที่ใต้เท้า สตรีไม่จำเป็นต้องด้อยกว่าบุรุษ" ดวงตาของซัวเอี๋ยมทอแววหลงใหลขณะที่กล่าว
ซัวหยงเป็นขุนนางนักปราชญ์อาวุโสของแผ่นดิน แม้จะทราบว่าบุตรีมีนิสัยที่ขัดกลับกฏเกณฑ์ในแผ่นดิน แต่เมื่อเห็นนางมีความสุขกับการสอนหนังสือ เขาก็ไม่อาจตำหนินางได้ ถึงอย่างไรนางก้ต้องทนทุกข์ทรมาณอยู่ที่เหอตงมาเนิ่นนาน ในฐานะบิดาแล้วเขาย่อมอยากเห็นบุตรีมีความสุข
ข่าวเรื่องที่ซัวหยงมายังปิ้งโจวสร้างความตื่นตระหนกแก่ผู้คนในใต้หล้าอย่างมาก หากว่าซัวหยงไปยังกิจิ๋ว ผู้คนก็จะคิดว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แต่ปิ้งโจวน่ะรึ? ทั้งแร้นแค้นและห่างไกลความเจริญ อีกทั้งเจ้าเมืองยังเป็นนักรบผู้หยาบกระด้างอย่างลิโป้ก็ยิ่งแล้วใหญ่ ผู้คนต่างก็รู้ว่าเขาได้เมืองมาอย่างไม่ชอบธรรม
คนที่รู้สึกหงุดหงิดที่สุดคงไม่พ้นตั๋งโต๊ะ เขาตามหาซัวหยงจนทั่ว เดิมทีเขาคิดว่าซัวหยงไปเยี่ยมเยี่ยนสหายจริงๆ จะหายไปสามวันห้าวันก็เป็นเรื่องปกติ แต่เขาไม่นึกไม่ฝันว่าซัวหยงจะวิ่งแจ้นไปเข้าร่วมกับศัตรูตัวฉกาจอย่างลิโป้ได้ ทั้งสมาชิกในครอบครัวและหนังสือตำราภายในบ้านก็ลักลอบขนไปจนหมด เรื่องนี้ทำให้ตั๋งโต๊ะยากจะทนทานรับได้จริงๆ
ในบรรดาขุนนางของราชสำนักทั้งหมด เขาให้ความสำคัญกับซัวหยง ทั้งยังให้ความเคารพอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าความจริงใจของเขาจะแลกกับความจริงใจของเหล่าขุนนางบุ๋นไม่ได้ เขาไม่เข้าใจ ลิโป้ก็เป็นเพียงนักรบหยาบกระด้างผู้หนึ่งไม่ใช่หรือ? ลิโป้ดีกว่าเขาตรงไหนกัน?
"ท่านอุปราช เมื่อใต้เท้าซัวออกจากฉางอันไปเข้าร่วมกับปิ้งโจว ขุนนางในราชสำนักก็เกิดความปั่นป่วนอย่างมาก ขุนนางหลายคนเริ่มลอบพบปะกันเป็นการส่วนตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้" สีหน้าของลิยูไม่ค่อยสู้ดีอยู่บ้าง สถานการณ์ภายในฉางอันเวลานี้ซับซ้อนยิ่ง
ตระกูลขุนนางก็เปรียบเสมือนดาบสองคม หากใช้ได้ดีก็จะมีประโยชน์มหาศาล แต่ขณะเดียวกันก็ท่านได้เช่นกัน ความโหดร้ายของตั๋งโต๊ะได้กระทบกับขีดจำกัดล่างของเหล่าขุนนางแล้ว หากไม่ใช่เพราะตั๋งโต๊ะมีกองทัพอยู่ในมือ พวกเขาก็คงไม่กล้ำกลืนฝืนทนเช่นนี้
หลังจากที่ตั๋งโต๊ะมาถึงฉางอัน สิ่งที่เขากระทำเป็นอย่างแรกไม่ใช่ฟื้นฟูระบบการปกครองอันมั่นคงของราชวงศ์ฮั่น หากแต่เป็นการสร้างตำหนักเหมยอู่ เขาต้องการเก็บรวบรวมเสบียงทั้งหมดเอาไว้ที่นั่น ซุกสมบัติเงินทองเอาไว้และส่งทหารมือดีไปเฝ้าคุ้มกัน ต่อให้แผ่นดินจะวุ่นวายแล้วอย่างไร? ขอเพียงเขาได้เสพพ์สุขก็พอแล้ว
การสร้างตำหนักเหมยอู่ของตั๋งโต๊ะได้สร้างความเคียดแค้นไปทั่วทั้งเมืองฉางอัน หากไม่ใช่เพราะตั๋งโต๊ะหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความกลัวและสั่งให้กองทัพตื่นตัวไว้ตลอดแล้วล่ะก็ ลิยูมั่นใจว่าจะต้องเกิดกบฏขึ้นอย่างแน่นอน เกณฑ์คนสามแสนไปสร้างตำหนักทั้งวันทั้งคืน ถูกเฆี่ยนตีและบีบบังคับ ทั้งยังไม่มอบอาหารให้ ทำให้ผู้คนมากมายต้องตกตายไปในระหว่างการก่อสร้าง
บ้านพักของราชสำนักไม่อาจมอบความรู้สึกที่ปลอดภัยให้กับตั๋งโต๊ะได้ ขุนนางมากมายล้วนแต่ไม่พอใจเขา จ้องจะเอาชีวิตเขา ดังนั้นจึงมีเพียงการพักผ่อนในตำหนักเหมยอู่เท่านั้นที่จะทำให้เขาหลับได้ลง
ลิโป้ปล้นชิงทรัพย์สมบัติที่เขารวบรวมมไปกว่าครึ่งค่อน ทำให้การสร้างตำหนักเหมยอู่ต้องล่าช้ากว่าเดิม ตั๋งโต๊ะได้สั่งให้ทหารไปจับตัวบุรุษที่แข็งแรงจากหมู่บ้านต่างๆรอบฉางอันมาสร้างตำแหนักเหมยอู่
"ก็แค่กลุ่มบัณฑิตอ่อนแอกลุ่มหนึ่ง ส่วนเรื่องซัวหยง จงประกาศออกไปให้ทั่วแผ่นดิน ว่าซัวหยงและลิโป้เป็นกบฏ ไม่ว่าผู้ใดล้วนสามารถฆ่าได้" ตั๋งโต๊ะกล่าวเสียงเหี้ยม
"ท่านอุปราช จะมีเจ้าเมืองสักกี่คนที่ยังเชื่อฟังคำสั่งจากฉางอันหรือขอรับ? การทำเช่นนี้มีแต่เป็นการล่วงเกินลิโป้เสียเปล่าๆ ไม่สู้เอาใจเขาสักครา" ลิยูกล่าวเกลี้ยกล่อม
"เอาใจ เอาใจมันงั้นรึ? เด็กน้อยลิโป้มันเจ้าเล่ห์นัก หากไม่ฆ่ามันก็ยากจะระบายความแค้นที่อัดแน่นอยู่ในอกของข้าได้!" ตั๋งโต๊ะกล่าวอย่างโมโห การเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงทำให้ร่างกายอันอ้วนท้วมสั่นสะเทือนไปทั้งร่าง
"ท่านอุปราชขอรับ ลิโป้ถูกบัณฑิตทั้งแผ่นดินดูหมิ่นเหยียดหยาม หากเวลานี้มอบตำแหน่งและเงินทองให้กับเขาเป็นการซื้อใจ เช่นนั้นปิ้งโจวก็จะไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับท่านอุปราช ข้าน้อยได้ยินมาว่าลิโป้กับอ้วนเสี้ยวบาดหมางกันอยู่ ท่านอุปราชควรช่วงชิงโอกาสนี้ไว้นะขอรับ" ลิยูกล่าวขึ้นเบาๆ
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved