ตอนที่ 223 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

หลังจากกองซุนซู่และเต๊งไก๋ทราบข่าวความพ่ายแพ้ของทหารม้าขาว พวกเขาก็รีบประชุมหารือเกี่ยวกับการกลับไปที่อำเภอจี้ทันที เวลานี้กองซุนจ้านใช้ทหารสามหมื่นไปต้านทานเหยียนโร่วเอาไว้ แต่กองทัพของเหยียนโร่วเองก็ไม่ได้อ่อนแอ แม้จะมีจำนวนเพียงสองหมื่นกว่าคน แต่ในบรรดานั้นยังมีหทารม้าของผ่าอูหวนอยู่ห้าพันคน เมื่อไม่มีทหารม้าขาว ทัพอิวจิ๋วก็จะเสียเปรียบอย่างหนักเมื่อต้องรับมือกับทหารม้าอูหวน

แม้ว่าทหารม้าอูหวนจะเกรงกลัวทหารม้าขาว แต่การจัดการทหารราบทั่วไปนั้นไม่เป็นปัญหา ก่อนหน้านี้ที่ทหารม้าอูหวนไม่ได้เหิมเกริมนั้นก็เพราะการคงอยู่ของทหารม้าขาว หลายปีมานี้ ชาวอูหวนหวาดกลัวทหารม้าขาวมากที่สุด หากว่าพวกเขาได้ทราบข่าวความพ่ายแพ้ของทหารม้าขาวที่นอกเมืองจี้แล้วล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาจะโหมจู่โจมใส่ทัพอิวจิ๋วทันที

ที่เต๊งไก๋คาดคิดไม่ถึงก็คือ อ้วนเสี้ยวได้จัดส่งม้าเร็วมาแจ้งต่อเหยียนโร่วถึงชัยชนะที่นอกเมืองจี้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังใช้โอกาสนี้เสนอการแบ่งกันปกครองอิวจิ๋วอย่างเท่าเทียม

คำสัญญาของอ้วนเสีย้วทำให้เหยียนโร่วเกิดความหวั่นไหวใจยิ่ง

เพื่อที่จะทำให้เหยียนโร่วยอมร่วมมือ อ้วนเสี้ยวยังสัญญาว่าจะยกเมืองยีหยง เมืองปักเป๋งและอีกสามอำเภอทางตะวันตกของเหลียงหลิงให้หากว่าเหยียนโร่วเอาชนะกองซุนจ้านได้ ขณะที่เหยียนโร่วก็ต้องช่วยทัพกิจิ๋วตีชิงเมืองไต้จิ๋วและซ่างกู่กลับมา

............................

หลังจากกุยแกมาประเมินสถานการณ์ที่เมืองไต้จิ๋วด้วยตนเอง เขาก็มั่นใจว่าตันเทียนมีใจคิดเข้าร่วมกับปิ้งโจวจริงๆ หลังจากยืนยันสถานการณ์ได้แล้ว เขาก็รีบกลับไปที่เมืองซ่างกู่ การเดินทางครั้งนี้มิคาดว่าจะราบรื่นกว่าที่คิด เดิมทีนั้น เขาคิดว่าจะต้องทำศึกกับเมืองไต้จิ๋วอีกคำรบ แต่เขากลับคาดคิดไม่ถึงเลยว่าตันเทียนจะมีใจสวามิภักดิ์ต่อปิ้งโจว ทั้งยังจัดการเรื่องราวต่างๆไว้พร้อมสรรพ เมื่อเป็นเช่นนี้ ทัพปิ้งโจวก็จะมีเวลาหันไปสนใจสถานการณ์ส่วนอื่นๆภายในอิวจิ๋ว

หลังจากได้รับการยืนยันแล้วว่าตันเทียนสวามิภักดิ์ต่อปิ้งโจวจริง ลิโป้ก็รู้สึกเบิกบานใจ

"นายท่าน พวกเราควรใช้โอกาสที่อิวจิ๋ววุ่นวายอยู่กับศึกภายนอกและศึกภายในมาทำให้จิตใจผู้คนมั่นคงโดยเร็ว ในอิวจิ๋วยังมีกองทัพของอ้วนเสี้ยว ทัพอูหวนของเหยียนโร่ว ทัพอิวจิ๋วของกองซุนจ้าน และทัพปิ้งโจวเรา กองซุนจ้านพ่ายแพ้ที่นอกเมืองจี้ การสูญเสียทหารม้าขาวจำนวนสามพันทำให้ขวัญกำลังใจของพวกเขาตกต่ำถึงขีดสุด ดังนั้นเขาจะต้องส่งคนมาร้องขอความช่วยเหลือจากนายท่านอย่างแน่นอน" กุยแกวิเคราะห์

บรรดาแม่ทัพภายในกระโจมต่างก็ผงกศีรษะเมื่อได้ยิน หลังจากผ่านมาแล้วหลายศึก เหล่าแม่ทัพทั้งหลายต่างก็เคารพยกย่องกุยแกอย่างมาก

"หากว่ากองซุนจ้านส่งคนมาขอความช่วยเหลือ ทัพเราควรทำอย่างไร?" ลิโป้เอ่ยถาม ข่าวเรื่องที่ทหารม้าขาวถูกกวาดล้างจนแทบหมดสิ้นได้สร้างความตกตะลึงให้กับลิโป้ไม่น้อย ทหารม้าขาวนับเป็นกองทหารม้าที่ร้ายกาจเป็นอันดับต้นๆของแผ่นดิน กรำศึกอยู่ที่ชายแดนมานานหลายปี มิคาด พวกเขากลับย่อยยับภายใต้เงื้อมมือของหทารราบแห่งกิจิ๋ว อ้วนเสี้ยวนับว่าซ่อนทหารทัพนี้ไว้ดียิ่ง เพียงนำออกมาใช้เมื่อถึงเวลาเท่านั้น

เมื่อคิดว่าก่อนหน้านี้บรรดาที่ปรึกษาของอ้วนเสีย้วต่างก็เสนอให้โจมตีทัพปิ้งโจวก่อนแล้ว ลิโป้ก็ลอบหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ สถานการณ์ของทหารม้าเฟยฉีนั้นคล้ายคลึงทหารม้าขาว ความไร้พ่ายย่อมทำให้พวกเขาเกิดความลำพองใจขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเปลี่ยนเป็นพวกเขาที่ได้เผชิญหน้ากับทหารเซียนเติงก่อนแล้วล่ะก็ เกรงว่าทหารม้าเฟยฉีอาจจะเหลือรอดกลับมาไม่ถึงครึ่ง

ที่นอกเมืองจี้ ศึกระหว่างทัพกิจิ๋วและทัพอิวจิ๋วนั้นไม่ใช่ความลับ ดังนั้นจึงย่อมไม่อาจหลุดรอดสายตาหน่วยเฟยอิงไปได้ แม้แต่ทหารม้าขาวก็สามารถตีฝ่าออกมาได้แค่เพียงสามสิบคนเท่านั้น การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของทัพกิจิ๋วทำให้ลิโป้รู้สึกประหลาดใจ เมื่อเผชิญกับทหารราบ กองซุนจ้านที่ถนัดใช้ทัพม้าก็ย่อมเกิดความเย่อหยิ่งลำพองขึ้นมา ทัพอิวจิ๋วพึ่งพาทัพม้าเป็นหลัก ซึ่งปิ้งโจวเองก็เป็นเช่นเดียวกัน หากผู้ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์นั้นไม่ใช่กองซุนจ้าน หากแต่เป็นเขาเล่า เกรงว่าอ้วนเสี้ยวก็คงจะใช้ทหารเซียนเติงกับทัพเฟยฉี

"เพียงตั้งทัพมั่น นิ่งเฉยไม่เคลื่อนไหว" กุยแกกล่าว

บรรดาแม่ทัพในกระโจมต่างก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้างเมื่อได้ยิน พวกเขาเป็นแม่ทัพบู๊ ดังนั้นจึงชมชอบการทำศึก ยิ่งทำศึกได้ดีก็จะยิ่งมีตำแหน่งที่สูงขึ้น แม้แต่พวกพลทหารเองก็กระกายอยากจะสร้างผลงานเพื่อเลื่อนตำแหน่ง

"เพียงนิ่งเฉย? เกรงว่าหลังจากที่อ้วนเสี้ยวเอาชนะกองซุนจ้านได้แล้ว เป้าหมายต่อไปก็คือทัพปิ้งโจวเรา ความบาดหมางระหว่างปิ้งโจวและกิจิ๋วนั้นค่อนข้างลึกล้ำ คงไม่อาจแก้ไขได้โดยการอาศัยเพียงคำพูดจากปากทูตเพียงไม่กี่คำ" ลิโป้มุ่นคิ้ว

กุยแกกุมมือกล่าวว่า "ความหมายของผู้น้อยคือ รั้งไว้เพื่อรอโอกาส ทัพกิจิ๋วยามนี้กำลังฮึกเหิม และแม้ว่าทัพอิวจิ๋วจะมีขวัญกำลังใจตกต่ำ แต่ก็ยังมีไพร่พลอยู่เกือบสี่หมื่นคน ส่วนเหยียนโร่วมีไพร่พลราวสามหมื่นคน ดังนั้นจะต้องเกิดสงครามสามฝ่ายขึ้นอย่างแน่นอน หากว่านายท่านเข้าร่วมรวดเร็วเกินไป ไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับประโยชน์เท่านั้น อาจกระทั่งต้องสูญเสียแม่ทัพไพร่พลไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นไฉนนายท่านจึงไม่ นั่งอยู่บนภูดูเสือกัดกันเล่าขอรับ?"

ลิโป้ผงกศีรษะ แต่ในใจยังคงกังวล สภาพน่าสังเวชของทหารม้าขาวได้บอกต่อเขาว่าทัพกิจิ๋วยังเก็บซ่อนไพ่ตายเอาไว้ บางทีพวกเขาอาจจะมีกองทหารที่ไว้ใช้รับมือทหารม้าอยู่อีกก็ได้ การสูญเสียทหารม้าเฟยฉีเป็นเรื่องที่ลิโป้ไม่อาจแบกรับได้ แม้ว่าภายในปิ้งโจวจะยังมีทหารม้าหมาป่าอยู่ แต่บัดนี้เขาได้ส่งมอบอำนาจในการควบคุมให้กับเตียวเลี้ยวไปแล้ว ซึ่งโดยปกติต้องใช้ตรึงสะกดพวกเซียนเป่ยที่ชายแดน หากไม่ไม่มีคำสั่งจากลิโป้โดยตรงก็จะไม่เคลื่อนทัพโดยเด็ดขาด

"แม่ทัพโก หากต้องปะทะกับทหารราบหน่วยนั้นของกิจิ๋ว ท่านมีความมั่นใจว่าจะเอาชัยได้สักกี่ส่วน" ลิโป้หันมาถามโกซุ่น

โกซุ่นนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า "ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ"

เหล่าแม่ทัพภายในกระโจมต่างก็สูดหายใจเฮือก หน่วยทะลวงค่ายมีฐานะพิเศษในทัพปิ้งโจว แม้จะมีกำลังเพียงแปดร้อยคน แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนทหารหน่วยนี้ เผชิญกับทัพม้าเหล็กเสเหลียงที่ร้ายกาจดุจดังพยัคฆ์หมาป่าก็ยังสามารถรับมือได้อย่างมั่นคง ทอดตาดูทั่วทั้งแผ่นดินแล้วก็ยากจะมีทหารหน่วยใดสามารถเทียบเคียง หากว่าแม้แต่โกซุ่นยังไม่มั่นใจ เช่นนั้นก็สามารถจิตนาการถึงความน่ากลัวของทหารกิจิ๋วหน่วยนี้ได้

"หลังจากแม่ทัพทุกท่านกลับไปแล้ว ขอจงฝึกฝนทหารให้ดี โดยเฉพาะพวกทหารเก่าของเมืองซ่างกู่ ยิ่งต้องคัดเลือกด้วยความข้มงวดกวดขัน ผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์จะไม่ได้รับการใช้สอย ขอให้แม่ทัพและทหารทุกคนจงตื่นตัวเพื่อระวังการโจมตีจากศัตรู" ลิโป้สั่งการ

เหล่าแม่ทัพกุมหมัดขานรับก่อนจะทยอยออกจากกระโจมไป

"ให้หน่วยเฟยอิงสืบหาข้อมูลของทัพกิจิ๋วมา ให้กระทำได้ทุกวิถีทาง" ลิโป้ออกคำสั่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เมื่อได้ยินคำสั่ง จิตใจของกุยแกก็รู้สึกเย็นเยียบขณะรับคำ หน่วยเฟยอิงรับผิดชอบการสืบหาข้อมูลในสนามรบ เมื่อปิ้งโจวยกทัพมาครั้งนี้ กุยแกจึงได้รับมอบหมายให้ควบคุมดูแลเป็นการชั่วคาาว

"นายท่าน หากว่ากองซุนจ้านส่งทูตมา นายท่านสามารถใช้ข้ออ้างที่ทั้งสองเมืองยังไม่มั่นคงในการปฏิเสธบอกปัด" กุยแกกล่าว

ลิโป้ยิ้มพลางกล่าวว่า "เมื่อมีเฟิ่งเซี่ยวอยู่ด้วย ข้าก็ไม่จำเป็นต้องกังวลสิ่งใด หากว่าทูตของกองซุนจ้านมาถึง ข้ายกให้ท่านดูแลจัดการก็แล้วกัน"

"เกรงว่าผู้ที่มาครั้งนี้คงไม่พ้นแม่ทัพจูล่งขอรับ" กุยแกเผยรอยยิ้มที่เลศนัย

มองเห็นรอยยิ้มของกุยแก ลิโป้ก็รู้สึกคันที่หัวใจยากจะเกา "ใยท่านจึงคิดเช่นนั้น?"

"คาดว่ากองซุนจ้านคงคิดใช้ความสมัพันธ์อันดีระหว่างนายท่านและแม่ทัพจูล่ง" จากนั้นกุยแกจึงลดเสียงลงกล่าวว่า "นายท่านคิดว่าบรรดาที่ปรึกษาของกองซุนจ้านจะมองไม่ออกหรือขอรับว่าแม่ทัพจูล่งมีใจฝักใฝ่ต่อปิ้งโจว?"

ลิโป้หน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย "เช่นนั้นนี่ไม่อันตรายไปหน่อยหรือหากว่าน้องสามยังคงอยู่ใต้บัญชาของกองซุนจ้าน?"

"นายท่านไม่ต้องกังวล ไม่เพียงแต่กองซุนจ้านจะไม่กล้ากลั่นแกล้งแม่ทัพจูล่ง แต่เขายังจะปฏิบัติต่อแม่ทัพจูล่งด้วยความสุภาพยิ่งกว่าเดิม บัดนี้อิวจิ๋วกำลังตกอยู่ในอันตรายมีเพียงทัพปิ้งโจวเท่านั้นที่สามารถหยิบยื่นความช่วยเหลือแก่พวกเขาได้"

เมื่อได้ฟังดังนั้น ลิโป้ก็มีสีหน้าคลายใจ จูล่งมีความสำคัญต่อเขามาก ไม่ใช่เพียงเพราะแค่ความสามารถของจูล่งเพียงอย่างเดียว ที่สำคัญกว่านั้นคือความสัมพันธ์ระหว่างเขาและจูล่ง เขา จูล่ง เตียนอุย และกุยแกได้สาบานเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นทั้งสี่จึงควรมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน ที่เขามายังอิวจิ๋วส่วนหนึ่งก็เพราะจูล่ง ทหารนับพันหมื่นนั้นหาง่าย หากแต่แม่ทัพขุนพลนั้นยากเสาะหา ยิ่งอย่าว่าแต่นี่คือ จูล่ง