ตอนที่ 226 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"หากจิ้นโหวรับตัวข้าน้อยไว้ ข้าน้อยจะช่วยจิ้นโหวกวาดล้างอิจิ๋วและแดนจงหยวน" ตันเทียนค้อมตัวคำนับ

หลังจากนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ลิโป้ก็พยุงตันเทียนขึ้น "ขอบคุณในความชื่นชมของเจ้าเมืองตัน ข้าไม่ใช่ทั้งคนดี หรือว่าคนเลว ขอเพียงเจ้าเมืองตันปฏิบัติต่อข้าด้วยความจริงใจ ข้าก็จะปฏิบัติต่อท่านด้วยความจริงใจเช่นกัน"

ตันเทียนค้อมคำนับอีกครั้ง "ผู้น้อยคำนับนายท่าน"

หลังรับการคำนับจากตันเทียน ลิโป้ก็ช่วยพยุงตันเทียนขึ้น ไม่สำคัญว่าตันเทียนจะมีความแค้นเพียงใด ที่สำคัญก็คือ ตันเทียนเป็นผู้มีความสามารถอย่างแท้จริง ยิ่งกว่านั้น ที่เขาเกลียดชังก็หาใช่ปิ้งโจวไม่ แต่เป็นเชื้อพระวงศ์ฮั่น เพราะถูกขับเคลื่อนด้วยความแค้น ลิโป้ก็เชื่อว่าตันเทียนจะต้องพยายามอย่างหนักเพื่อปิ้งโจวแน่นอน เขาต้องการจะทำให้ปิ้งโจวแข็งแกร่งขึ้นและให้ตระกูลตันได้ชำระมลทินดังที่ตระกูลของพวกเขาสมควรได้รับ ซึ่งในเรื่องนี้ลิโป้ยังสามารถรับปากว่ากระทำได้ เมื่อเขามีอำนาจอยู่ในมือเพียงพอ การจัดการเรื่องราวต่างๆก็จะง่ายดายขึ้น แผ่นดินทุกวันนี้ไร้ซึ่งเจ้าชีวิต มีบรรดาเจ้าเมืองหัวเมืองต่างๆที่มีฐานะเท่าเทียมกัน

"เจ้าเมืองตัน ข้ามาที่นี่เพื่อหารือบางอย่าง" ลิโป้กล่าว

"นายท่านสามารถเรียกผู้น้อยว่า หยวนอู่" ตันเทียนกุมมือกล่าว ในเมื่อเขาเลือกที่จะติดตามรับใช้ลิโป้แล้ว เขาก็จะคอยช่วยงานลิโป้ด้วยความจริงใจ เรื่องแรกที่ต้องกระทำคือการวางตำแหน่งนายบ่าวให้ชัดเจน

"หยวนอู่ เจ้ามีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับอิวจิ๋ว?" ลิโป้เอ่ยถาม การรับฟังความเห็นจากที่ปรึกษา โดยเฉพาะเหล่ายอดกุนซือนั้นจะทำให้ปิ้งโจวสามารถลดระยะทางที่จะต้องใช้เพื่อขึ้นเป็นใหญ่ไปได้มาก กุยแกโดดเด่นด้านการวางกลยุทธ์ อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจสถานการณ์ภายในอิวจิ๋วของเขายังไม่ดีเท่าตันเทียน

ตันเทียนจัดระเบียบความคิด เขาทราบว่าลิโป้กำลังทำการทดสอบเขา หากเขาสามารถตอบได้ดี เส้นทางราชการในปิ้งโจวของเขาก็จะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ ถึงอย่างไรลิโป้ก็ชื่มชมผู้มีความสามารถ เขาพอจะเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับปิ้งโจวมาบ้าง ดูอย่างกุยแกก็ทราบได้ กุยแกสามารถรับตำแหน่งสำคัญได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ลิซกเองก็เคยรับใช้ตั๋งโต๊ะมาก่อน หากแต่ตอนนี้เขายังได้นั่งตำแหน่งเปี๋ยเจี้ย(ผู้ช่วยเจ้าเมือง)ของปิ้งโจว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าลิโป้เป็นผู้มีจิตใจกว้างขวาง

"นายท่านมุ่งความสนใจอยู่เพียงแค่อิวจิ๋วหรือขอรับ?" ตันเทียนตอบกลับด้วยคำถาม

"หยวนอู่ต้องการกล่าวสิ่งใดก็กล่าวออกมาเถอะ" ลิโป้เอนมาด้านหน้าอย่างตั้งใจฟัง

"แม้ในอิวจิ๋วจะมีทั้งทัพกิจิ๋ว ทัพเหยียนโร่ว และทัพอิจิ๋ว หากแต่ที่นี่ก็ยังมีเผ่าเซียนเป่ยคอยคุกคาม ยังมีเผ่าอูหวนที่ไม่เต็มใจจะอยู่ภายใต้การปกครองของต้าฮั่น ที่นี่มีสถานการณ์ซับซ้อนไม่แพ้ที่ปิ้งโจว เมื่อครั้งตอนที่เล่าหงียังมีชีวิตอยู่ สิ่งที่เขาใช้คือการปลอบโยน เหตุใดชาวอูหวนจึงรู้สึกสำนึกขอบคุณต่อเล่าหงีน่ะหรือ? นั่นก็เพราะว่าเขาได้ช่วยให้เผ่าอูหวนข้ามผ่านฤดูหนาวมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ให้พวกเขาไม่ต้องอดตายเพราะความหิว ให้พวกเขาได้มีเสื้อผ้านุ่งห่ม แต่เพื่อแลกกับสิ่งที่เล่าหงีได้รับมา นั่นก็คือ ความไม่มั่นคงของอิวจิ๋ว ชาวอูหวนอิจฉาในความสะดวกสบายของชาวฮั่น และนี่จึงเป็นฉนวนเหตุที่กองซุนจ้านท้าทายเล่าหงีครั้งแล้วครั่งเล่า ที่กองซุนจ้านนำทหารบุกไปโจมตีเผ่าอูหวนหลายต่อหลายครั้งแล้วยังมีผู้สนับสนุน นั่นก็เพราะว่าภายในอิวจิ๋วยังมีผู้ที่มีวิสัยทัศน์อยู่ พวกเขาย่อมเข้าใจดีว่าอิวจิ๋วต้องการทัพแกร่งเช่นนี้เพื่อสะกดพวกชนเผ่านอกด่าน ทว่าน่าหัวร่อ หลังจากที่เล่าหงีตายแล้ว เหยียนโร่วกลับไปสมคบกับชาวอูหวนเพื่อแก้แค้นให้เล่าหงี ซึ่งความจริง ชาวอูหวนไม่ได้อยากจะแก้แค้นให้เล่าหงี แต่พวกเขาต้องการครอบครองความมั่งคั่งของชาวฮั่นต่างหาก" ตันเทียนกล่าว

ลิโป้พยักหน้าเบาๆ การวิเคราะห์ของตันเทียนก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล เมื่อต่างชาติพันธ์ก็ต่างจิตต่างใจ ประโยคนี้ไม่ใช่คตำพูดอันเลื่อนลอย อูหวน ซยงหนู เซียนเป่ย ทั้งหมดต่างก็แิจฉาในความมั่งคั่งของต้าฮั่น เพียงแต่พวกเขาไร้ซึ่งกำลังจะครอบครอง แต่ตราบใดที่เปิดโอกาสให้กับพวกเขา พวกเขาก็จะแยกเขี้ยวกางเล็บ ดังเช่นเผ่าซยงหนูในปิ้งโจว เพียงอ้วนเสี้ยวยุแยงเล็กน้อยก็ลุกฮือขึ้นก่อหวอด และต่อให้ไม่มีอ้วนเสี้ยวคอยยุแยง เมื่อชาวซยงหนูรู้สึกว่าตนเองเข้มแข็งเพียงพอ พวกเขาก็ยังจะบุกโจมตีเมืองของต้าฮั่นอยู่ดี เพียงแต่พวกเขาคาดคิดไม่ถึงว่ากองทัพของปิ้งโจวจะแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น สุดท้ายพวกเขาจึงได้แต่ยอมอ่อนน้อมอย่างไม่เต็มใจ

"ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของอิวจิ๋วก็คือเผ่าเซียนเป่ยจากทุ่งหญ้า ในอดีต นายท่านได้นำทหารม้าเฟยฉีสามพันคนกวาดพิชิตไปทั่วทุ่งหญ้า ชาวเมืองไต้จิ๋วและซ่างกู่ต่างก็ยกย่องสรรเสริญนายท่าน ชาวเมืองทั้งสองต่างก็เกลียดชังชาวเซียนเป่ยเข้ากระดูกดำ หลายคนต้องพลัดที่นาคาที่อยู่ก็เพราะการรุกรานจากชาวเซียนเป่ย ถูกฉุดคร่าภรรยาและบุตร หากพวกเซียนเป่ยทราบว่านายท่านได้เข้าปกครองทั้งสองเมืองนี้แล้ว พวกเขาคงต้องเกิดความหวาดวิตกเป็นแน่ อิวจิ๋วอยู่ใกล้กับเซียนเป่ยภาคกลางมากที่สุด กองทหารที่เกรียงไกรที่สุดของเผ่าเซียนเป่ยอย่างทหารหวังถิงก็พ่ายแพ้ในมือนายท่าน ดังนั้นชาวเซียนเป่ยจึงทั้งเกลียดทั้งกลัวนายท่าน นี่เองก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผู้น้อยเห็นว่านายท่านจะสามารถยึดครองอิวจิ๋วได้"

"อิวจิ๋วต้องการทัพแกร่งคอยเฝ้ารักษา เพื่อไม่เผ่าเล็กเผ่าน้อยกล้าสร้างปัญหา ผู้คนที่นี่โหยหาความสงบสุขมั่นคง พวกเขาเพียงหวังว่าจะมีกำลังทหารมากขึ้น ดังนั้นขุนนางจำนวนมากจึงตั้งความหวังไว้ที่กองซุนจ้าน มิคาด กองซุนจ้านกลับพ่ายแพ้ต่อทัพกิจิ๋วที่นอกเมืองจี้ กระทั่งทหารม้าขาวก็ถูกทำลายจนย่อยยับ หากปล่อยไว้ต่อไป อิวจิ๋วก็จะวุ่นวายยิ่งกว่านี้"

ตันเทียนหยุดลงครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวต่อว่า "หากนายท่านมีความคิดต้องการยึดครองอิวจิ๋ว จิ้นหยางมีหนังสือพิมพ์ต้าฮั่นอยู่ ไฉนจึงไม่ให้หนังสือพิมพ์ต้าฮั่นเผยแพร่เรื่องราวที่นายท่านกวาดพิชิตทัพเซียนเป่ยไปทั่วทั้งอิวจิ๋วเล่าขอรับ? เมื่อมีเรื่องนี้คอยปูทางข้างหน้าเอาไว้ ขุนนางและชาวเมืองในอิวจิ๋วก็จะหันมาให้ความสนใจต่อนายท่าน แต่แน่นอนว่าสิ่งที่จะทำให้เรื่องราวทั้งหมดเป็นจริงได้ก็คือ การเอาชนะทัพกิจิ๋ว"

"ทัพกิจิ๋วนับเป็นทัพแกร่งทัพหนึ่ง ย่อมไม่ง่ายที่จะจัดการ หยวนอู่มีทหารใต้บัญชาอยู่หนึ่งหมื่นกว่า สามารถส่งทหารจำนวนห้าพันไปประจำการที่เมืองซ่างกู่ เมื่อเป็นเช่นนี้ ปิ้งโจวก็จะสามารถทุ่มกำลังทั้งหมดไปต่อสู้กับอ้วนเสี้ยว" ลิโป้กล่าว

"นายท่าน ภายในเมืองไต้จิ๋วนั้นมีไพร่พลอยู่หนึ่งหมื่นแปดพันคน มีทหารม้าอยู่เกือบสองพัน ชาวเซียนเป่ยก็ถูกนายท่านสะกดไว้ คาดว่าในเวลาอันสั้น เคอปี่เหนิงคงไม่มารุกรานเมืองซ่างกู่และเมืองไต้จิ๋ว"

เมื่อได้ยินขุมกำลังที่แท้จริงของเมืองไต้จิ๋ว ลิโป้ก็ต้องประหลาดใจ ดูเหมือนว่าหลังจากที่ตันเทียนเข้ามาปกครองดูแลเมืองไต้จิ๋ว เขาคงมีความทะเยอทะยานมิใช่น้อย โชคดีที่เขาบังเอิญพบเจอเรื่องนี้เสียก่อน มิเช่นนั้นตันเทียนอาจจะได้แบ่งสันถ้วยน้ำแกงที่ชื่อว่าอิวจิ๋วนี้ด้วย

"เมื่อสะสางเรื่องราวในอิวจิ๋วเสร็จแล้ว ข้าน้อยจะบอกที่ซ่อนสมบัติของเตียวเหยียงแน่นอนขอรับ" ตันเทียนทราบว่าความดึงดูดใจของขุมทรัพย์นี้มีมากเพียงใด

ลิโป้พยักหน้า เพชรนิลจินดาและแพรพรรณจำนวนมากย่อมสามารถสั่นคลอนจิตใจของผู้คน มีเพียงต้องแข็งแกร่งเพียงพอเท่านั้น จึงจะสามารถฮุบกลืนเข้าไป หากว่าตันเทียนไม่ได้เข้าสวามิภักดิ์ต่อปิ้งโจวแล้วล่ะก็ ลิโป้ก้คงจะเกิดความเข้าใจผิด

........................

ห่างจากอำเภอจี้ราวร้อยกว่าลี้ กองทัพของเต๊งไก๋ก็ถูกทหารม้าของเหยียนโร่วไล่ตามจนทัน สองฝ่ายเปิดฉากสู้รบยืดเยื้อ เมื่อเผชิญหน้ากับทหารม้าทัพอิวจิ๋วของเต๊งไก๋ก็ไม่อาจตอบโต้กลับไปได้ ได้แต่สู้พลางถอยพลาง

ทหารม้าอูหวนเคยถูกทหารม้าขาวสะกดจนโงหัวไม่ขึ้น ดังนั้น บัดนี้ทหารม้าขาวไม่คงอยู่แล้ว พวกเขาจึงระเบิดความอัดอั้นตันใจก่อนหน้านี้ออกมาและไล่ตามตีทัพอิวจิ๋วอย่างไม่ลดละ

เป๊กตุ้นมองดูทัพอิวจิ๋วที่อยู่ห่างออกไปด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม ในทิศทางที่ทัพอิวจิ๋วกำลังมุ่งไปนั้นมีทัพกิจิ๋วรอคอยอยู่ สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือตัดทอนกำลังของทัพอิวจิ๋วและทำให้พวกเขาเหน็ดเหนื่อยอย่างสาหัส

ทัพอิวจิ๋วภายใต้การนำของเต๊งไก๋นั้นมีไพร่พลราวสามหมื่นกว่าคน เมื่อเผชิญกับการติดตามโจมตีของทหารม้าอูหวนจำนวนห้าพัน พวกเขาก็รู้สึกอับจนปัญญา ทหารแทบทั้งหมดเป็นทหารราบ พวกเขาจึงไม่อาจสลัดให้หลุดจากอีกฝ่าย เสียงกีบเท้าม้าดังกึกก้อง ทหารราบที่เผชิญกับทหารม้าย่อมเกิดความวิตกอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเขายังได้ทราบว่าทหารม้าขาวที่เป็นที่พึ่งพิงของพวกเขาถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ ดังนั้นทั้งอิวจิ๋วในเวลานี้จึงอยู่ในความหวาดวิตก ความเชื่อมั่นในตัวกองซุนจ้านของพวกทหารค่อยๆหายไปเนื่องเพราะความพ่ายแพ้ของหทารม้าขาว....