หลิวเป้าและคนอื่นๆหลบหนีไปด้วยใบหน้าขาวซีด ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ทำให้ชนเผ่าซยงหนูสูญเสียนักรบไปเป็นจำนวนมาก กองกำลังของพวกเขาเวลานี้ไม่มีกำลังพอจะต่อต้านทัพฮั่นอีกแล้ว
หลิวเป้า ฮูลี่ และอวี๋ฟู่หลัวเป็นสามขุมกำลังที่ใหญ่ที่สุดในชนเผ่าซยงหนู กองกำลังของพวกเขาประกอบด้วยเผ่าขนาดเล็กหลายชนเผ่า เมื่อไม่มีชนเผ่าเหล่านี้คอยสนับสนุน พวกเขาก็ไร้ซึ่งทุกสิ่ง ความแข็งแกร่งของทหารม้าทัพฮั่นกลายเป็นที่เล่าลือไปทั่วชนเผ่าซยงหนู เวลานี้ชนเผ่าซยงหนูเหลือนักรบอยู่เพียงหมื่นเศษ ซึ่งเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่าหากมีผลประโยชน์เพียงพอ หัวหน้าชนเผ่าต่างๆก็ยินดีจะสนับสนุนผู้นำทั้งสาม
ตอนมายังเมืองซีเหอ พวกเขามีไพร่พลสองหมื่นนาย กล่าวในด้านของทหารม้าแล้ว ทัพฮั่นใช้ทหารม้าสามพันเอาชนะทหารม้าซยงหนูห้าพัน และนักรบซยงหนูหลายคนเพียงได้เห็นธงรูปเหยี่ยวโผบินก็กลายเป็นอ่อนปวกเปียก ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงพวกทหารราบ พวกเขาจะสู้ศึกที่ไม่สมดุลนี้ได้อย่างไร?
หลังจากทัพใหม่ปิ้งโจวได้ต่อสู้ในสนามรบ สภาวะของทั้งกองทัพก็ดูดุดันยิ่งขึ้น นี่ก็คือบททดสอบของสงคราม ทั้งจังหวะการก้าวเท้าและสีหน้าท่าทางที่ดูไม่ธรรมดา กาเซี่ยงรู้สึกพึงพอใจกับกองทัพนี้มาก เมื่อไพร่พลไม่ละเมิดคำสั่ง และปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่รีรอลังเล พลังต่อสู้ที่พวกเขาระเบิดออกมาก็เพิ่มขึ้นเป็นทบทวี ศึกครั้งนี้ได้ทำให้ทัพใหม่ปิ้งโจวเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากการประเมินของกาเซี่ยงนั้น การต่อสู้ที่เมืองซีเหอใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว ชนเผ่าซยงหนูเกิดความระย่นระย่อต่อกองทัพฮั่น เพียงเผชิญหน้ากันก็แทบจะหมดกำลังใจต่อสู้
ธงรูปเหยี่ยวที่โชยพลิ้วตามลมปรากฏขึ้นในสายตาของพวกทหารเก่า สร้างความอิจฉาแก่พวกเขาเป็นอย่างมาก ทหารหนึ่งนายได้ครอบครองม้าศึกถึงสองตัว สวัสดิการเช่นนี้สร้างความอิจฉาตาร้อนแก่ทหารหน่วยอื่นๆแทบแย่ แม้ว่าพวกเขาจะฝึกขี่ม้ามาเหมือนกัน แต่ก็เป็นเพียงทักษะการขี่ม้าขั้นพื้นฐานเท่านั้น
ตอนที่ฝึกฝนทหารม้า แม่ทัพของพวกเขาได้บอกว่า มีเพียงทหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่านั้นที่จะได้เป็นทหารม้า และมีเพียงทหารม้าที่ดีที่สุดเท่านั้น ถึงจะได้เป็นกองพลหมาป่า ทหารม้าเฟยฉีที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาเวลานี้ไม่ได้ด้อยกว่ากองพลหมาป่าเลย แล้วจะไม่ให้พวกทหารเกิดความหวั่นไหวได้อย่างไร?
ทันทีที่ได้เห็นกองทหารม้าเฟยฉี ทหารหลายคนก็คล้ายพบเห็นเป้าหมายให้ยึดถือ
"หลังจากทำศึกอยู่หลายครั้ง ทหารม้าซยงหนูก็ถูกนายท่านจู่โจมทำลาย คาดว่าชนเผ่าซยงหนูจะต้องส่งคนมาขอสงบศึกอย่างแน่นอน" ภายในกระโจมทัพกลาง กาเซี่ยงกล่าวก่อนจะหัวเราะเบาๆ
"เหวินเหอ ในความเห็นของเจ้าแล้ว ข้าควรทำเช่นไร?" เขาไม่ได้คิดมากอะไร อย่างไรเสียก็มีกาเซี่ยงอยู่ที่นี่ทั้งคน แค่ส่งต่อให้เขาจัดการก็พอ
"นายท่าน ชนเผ่าซยงหนูเพียงถูกคนยุยงปลุกปั่น พวกเขาอาศัยอยู่ในแผ่นดินฮั่นมานานหลายปี จะเห็นได้ว่าพวกเขาก็ยอมรับกฏของราชสำนักอยู่ อีกทั้งชาวซยงหนูยังเก่งกาจด้านการรบ หากพวกเขายอมสวามิภักดิ์ พวกเขาก็จะกลายเป็นขุมกำลังให้นายท่านได้ใช้ทำงานใหญ่ต่อไป ไม่ควรบีบให้พวกเขากลายเป็นสุนัขจนตรอกกระโดดกำแพง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อกองทัพของเราแม้แต่น้อย" กาเซี่ยงกล่าว
ลิโป้ครุ่นคิดตามแล้วจึงพบว่ากาเซี่ยงกล่าวได้ถูกต้องแล้ว แต่พวกทหารที่ตาย กับชาวบ้านที่เสียชีวิตไปแล้วเล่า? ยังจะมีช่องให้เจรจาหรือ?
"เพราะความโง่เขลาของผู้นำ ชนเผ่าซยงหนูจึงต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนัก ความแข็งแกร่งของนายท่านได้สร้างความกริ่งเกรงต่อพวกเขา ทว่าท้ายที่สุดแล้ว ชาวซยงหนูก็ยังได้รับอนุญาตจากราชสำนักให้ย้ายเข้ามาอยู่อาศัยในแผ่นดินฮั่น" กาเซี่ยงหยุดครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวต่อ "กล่าวถึงที่สุดแล้ว ชนเผ่าซยงหนูก็ถือว่าอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของปิ้งโจว ครั้งนี้จางซิว แม่ทัพพิทักษ์ซยงหนูก็หลบหนีไปแล้ว ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสให้นายได้ปกครองชาวซยงหนู"
ลิโป้ตาเป็นประกาย ชาวซยงหนูมีทักษะขี่ม้ายิงธนูที่ยอดเยี่ยม หากเขาสามารถนำมาใช้สอยได้ก็จะช่วยเขาได้มากแน่นอน
"เหวินเหอ ถึงแบบนั้นชนเผ่าซยงหนูก็ยังต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างเหมาะสม ครั้งนี้พวกเราเคลื่อนทัพใหญ่ออกมา และการเคลื่อนพลเช่นนี้ก็มีค่าใช้จ่ายมหาศาล ทั้งยังมีชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนซึ่งต้องได้รับการเยียวยาอยู่ด้วย"
กาเซี่ยงกุมมือกล่าวว่า "ข้าน้อยทราบแล้วขอรับ"
ลิโป้เผยยิ้ม ก็อย่างที่กาเซี่ยงกล่าว หากสู้ต่อไปและจ่ายค่าตอบแทนในระดับหนึ่งย่อมสามารถขับไล่ชนเผ่าซยงหนูออกไปได้ แต่การทำเช่นนั้นไม่มีประโยชน์ มีแต่จะทำให้อ้วนเสี้ยวที่นั่งอยู่บนภูดูเสือกัดกันรู้สึกสะใจขึ้นเท่านั้น
เป็นดังที่กาเซี่ยงได้คาดการณ์เอาไว้ เมื่อทัพใหญ่ปิ้งโจวเคลื่อนกำลังมาถึงนอกเมืองเฉินปิง ชาวซยงหนูที่อยู่ภายในเมืองเหม่ยจี้ก็พากันแตกตื่น
หลิวเป้าและผู้นำทั้งหมดประชุมหารือกันอยู่ครึ่งค่อนวัน ด้วยการยืนกรานของฮูลี่ อวี๋ฟู่หลัวและคนอื่นๆ ในที่สุดชนเผ่าซยงหนูก็ตัดสินใจขอสงบศึกกับทัพฮั่น
"เรียนนายท่าน มีคนอ้างตัวว่าเป็นทูตของฮูลี่มาขอเข้าพบขอรับ" เตียนอุยเดินเข้ามาก่อนจะรายงาน
"โอ้? ทูตของฮูลี่? ให้เขาไปหาท่านกุนซือ" ลิโป้หัวเราะ
เมื่อกาเซี่ยงได้ยินว่าเป็นทูตของฮูลี่ หลังจากขบคิดครู่หนึ่งก็ก็พอจะคาดเดาความสัมพันธ์ภายในชนเผ่าซยงหนูได้บ้างแล้ว ฮูลี่คงเห็นว่าสถานการณ์ของชนเผ่าซยงหนูยากกอบกู้กลับกลาย ดังนั้นจึงชิงส่งคนมาขอเจรจาสงบศึกล่วงหน้า
ทูตของฮูลี่เอาแต่พร่ำบ่นทำนองว่า การที่ชนเผ่าซยงหนูเข้าโจมตีเมืองฮั่นนั้นก็เพราะถูกหลิวเป้าเป่าหู ขณะที่ตัวของฮูลี่นั้นมีใจฝักใฝ่ต่อชาวฮั่น ที่ต้องส่งกำลังออกมาก็เพราะถูกบังคับ
กาเซี่ยงเพียงพยักหน้าฟังเงียบๆ ท่าทีของเขาทำให้ทูตของฮูลี่ จ้างเอ้อ ต้องมึนงง มองไม่ออกว่าขุนนางฮั่นท่านมีความเห็นว่าอย่างไร
"เรียนท่านกุนซือ ที่ด้านนอกมีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นทูตของอวี๋ฟู่หลัวมาขอเข้าพบขอรับ" องค์รักษ์เฝ้ากระโจมเดินเข้ามารายงาน
กาเซี่ยงพยักหน้าเบาๆ จากนั้นจึงให้คนจัดหาที่พักให้ทูตของฮูลี่ก่อน จากนั้นจึงค่อยให้ทูตของอวี๋ฟู่หลัวเข้าพบ
เหตุการณ์เป็นเช่นเดียวกับทูตของฮูลี่ หากแต่ทูตของอวี๋ฟู่หลัวไม่เพียงพร่ำบ่น แต่ยังแสดงความจงรักภักดีออกมา ที่แตกต่างออกไปก็คือ อวี๋ฟู่หลัวได้ผลักความผิดทั้งหมดให้ไปตกใส่หัวหลิวเป้าและฮูลี่
คืนนั้น กาเซี่ยงได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูตทั้งหมดของชนเผ่าซยงหนู ภายในงานเลี้ยง คณะทูตของฮูลี่และอวี๋ฟู่หลัวต่างจ้องมองกันก่อนจะรีบก้มหน้าลง ในใจบังเกิดความวิตก ชาวฮั่นมีความเห็นอย่างไรก็ยังไม่ทราบชัด แม้ชนเผ่าซยงหนูจะยึดเมืองเป็นที่มั่น แต่จะป้องกันไว้ได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอีกแล้ว สองจากสามผู้นำลอบส่งคนมาเจรจากับทัพฮั่น เรื่องนี้ย่อมต้องสร้างความหวาดระแวงแก่เหล่าผู้นำคนอื่นๆ
ในระหว่างงานเลี้ยง กาเซี่ยงต้อนรับขับสู้ทูตทั้งสองคณะอย่างกรือตือรือร้น สุดท้ายทั้งสามก็ได้ข้อตกลงร่วมกัน คือ การที่ชนเผ่าซยงหนูบุกโจมตีเมืองของชาวฮั่นนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะถูกหลิวเป้ากล่าวยุยง
ชนเผ่าซยงหนูต้องการจะหาแพะรับบาป และหลิวเป้าที่บุกโจมตีเมืองเหม่ยจี้และเมืองก่วงเหยี่ยนย่อมต้องรับไปเต็มๆ มีเพียงผลักเขาออกมาเท่านั้นจึงจะสามารถรองรับความโกรธแค้นของราษฏรปิ้งโจว และดับความไม่พอใจของใต้เท้าผู้ครองเมืองได้
หลิวเป้ายังคงไม่รู้ตัวว่า บัดนี้เขาได้ถูกฮูลี่และอวี๋ฟู่หลัวขายทิ้งเสียแล้ว เขายังคงวาดฝันถึงตำแหน่งฉานอวี๋ ท่าทางพินอบพิเทาของอวี๋ฟู่หลัวและฮูลี่ทำให้เขารู้สึกมั่นใจมาก ทั้งอวี๋ฟู่หลัวและฮูลี่ต่างก็สูญเสียกำลังอย่างหนักไปในศึกกับทัพฮั่น เรื่องนี้ทำให้ความทะเยอทะยานที่อยู่ภายในใจของหลิวเป้าถูกจุดขึ้นมาอีกครา
หลังจากได้รับรายงานจากทูตที่ส่งไปเจรจา ฮูลี่และอวี๋ฟู่หลัวก็ลอบหารือกันว่าจะควบคุมตัวหลิวเป้าไว้ และจะเปิดประตูเทืองให้ทัพฮั่นเข้ามาเพื่อแสดงความจริงใจของชนเผ่าซยงหนู พวกเขาต่างก็ทราบว่า หากทัพฮั่นเปิดฉากโจมตีเมื่อเมื่อใด พวกเขาก็จะไม่หยุดมือ อีกทั้งชาวฮั่นภายในเมืองยังชิงชังชาวซยงหนู เมื่อถึงตอนนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่อาจทราบ
ทหารซยงหนูพกพาดาบจำนวนหลายร้อยบุกพังเข้าไปในเรือนพักของที่ว่าการอำเภอเหม่ยจี้อย่างดุร้าย องค์รักษ์ของหลิวเป้าพยายามเข้าสกัดเอาไว้ แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
"หลิวเป้ายุยงชนเผ่าซยงหนูให้โจมตีเมืองของชาวฮั่น มีโทษสถานเดียวคือ ตาย!" ฮูลี่ประกาศด้วยเสียงอันดัง
ฮูลี่ได้ชื่อว่าเป็นนักรบผู้กล้าของชนเผ่า เขากุมดาบใหญ่บุกโถมเข้าไปในจวนนายอำเภอ ระหว่างทางไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปสกัดขัดขวางแต่อย่างใด
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved