ทหารม้าเฟยฉีชำนาญในการเจาะเข้าไปในกระบวนทัพของศัตรูและสังหารไปตลอดทาง แต่เมื่อเผชิญกับกระบวนทัพที่ตั้งรับอย่างแน่นหนาเช่นนี้ พวกเขาก็รู้สึกอึดอัด เพราะยากจะแสดงฝีมือ
แม้ว่าทหารม้าเฟยฉีจะมีวิชาขี่ม้าเป็นเลิศ แต่เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีอย่างต่อเนื่องไม่หยุดจากทหารเซียนเติงก็ทำให้พวกเขายากจะแสดงประสิทธิภาพอย่างที่ควรจะเป็น
พบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ เตียนอุยก็เดือดดาลมาก เขาเปลี่ยนเป็นใช้พละกำลังทั้งหมดฟาดทวนออกไป ทำให้แนวโล่เปิดออกและใช้ทวนอีกข้างสังหารทหารเซียนเติงไปอีกสองคน
"ถอย!" เตียนอุยเกือบจะกัดฟันแน่นขณะที่กล่าวคำนี้ออกมา ความน่าเกรงขามของทหารม้าเฟยฉีกลับถูกหยุดยั้งเอาไว้ด้วยทหารราบขบวนหนึ่ง นับเป็นความอับอายไม่น้อย
เมื่อเห็นทหารม้าเฟยฉีถอยทัพ ทหารเซียนเติงก็ไม่ได้ไล่ติดตามไป พวกเขาต่างตะโกนโห่ร้อง นี่คือชัยชนะครั้งแรกของทัพกิจิ๋ว! ความน่าสะพรึงของทหารม้าเฟยฉีเมื่อวานนี้ได้หยั่งรากลึกอยู่ในใจไพร่พลทุกคน มาบัดนี้พวกเขาเอาชนะอีกฝ่ายได้แล้ว ดังนั้นจึงอดบังเกิดความตื่นเต้นลิงโลดขึ้นมาไม่ได้
อ้วนเสี้ยวที่กำลังเดินไปมาอยู่ภายในกระโจม เมื่อได้ยินเสียงโห่ร้องที่ด้านนอก เขาก็รีบเอ่ยถาม "ไฉนด้านนอกจึงเสียงดังกันนัก?"
"เรียนใต้เท้า ทหารเซียนเติงขับไล่ทหารม้าเฟยฉีไปได้แล้วขอรับ!" เสียงของแม่ทัพที่เข้ามารายงานแฝงไว้ด้วยความตื่นเต้นยินดี
"ดี ดี ดี!" อ้วนเสี้ยวเงยหน้าขึ้นหัวเราะ "ทหารเซียนเติงก็คือทหารชั้นยอดที่แท้จริงแห่งทัพกิจิ๋ว!"
"ขอแสดงความยินดีต่อนายท่านกับชัยชนะในวันนี้ วันคืนที่จะชิงเมืองปักเป๋งกลับมาได้ก็อยู่อีกไม่ไกลแล้วขอรับ!" เขาฮิวกุมมือกล่าวแสดงความยินดี
"ฮึ่ม ทหารม้าเฟยฉีแล้วอย่างไร? ทันทีที่ทหารเซียนเติงปรากฏตัว พวกมันไม่ใช่ต้องหลบหนีไปด้วยความอับอายหรอกหรือ?" อ้วนเสี้ยวฮึกเหิมเต็มที่ "รีบส่งคนไปแจ้งต่อเหยียนโร่วถึงชัยชนะของพวกเรา ให้ชาวอูหวนพวกนั้นได้ทราบด้วย!"
ในการต่อสู้ครั้งนี้ ทหารม้าเฟยฉีสูญเสียกำลังคนไปห้าสิบกว่าคน ในการเผชิญกับทหารราบ เตียนอุยกลับเสียทหารม้าเฟยฉีไปมากมายถึงเพียงนี้ บัดนี้เขาจึงมีสีหน้าเขียวคล้ำ เผชิญหน้ากับทหารราบ มีครั้งใดบ้างที่ทัพเฟยฉีต้องอับอายขายหน้าถึงเพียงนี้
เมื่อได้ทราบข่าว เป๊กตุ้นก็รู้สึกประหลาดใจ เขาเคยประจักษ์ความร้ายกาจของทหารม้าเฟยฉีมาก่อน มิคาด พวกเขายังคงพ่ายแพ้ต่อทหารเซียนเติง เป็นไปได้หรือไม่ว่าทัพปิ้งโจวจะไม่อาจแก้ไขสถานการณ์ได้จริงๆ?
"ทหารม้าเฟยฉีสูญเสียคนไปมากน้อยเท่าใด?" ซูผูเหยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยถาม
"เรียนใต้เท้า ทหารม้าเฟยฉีเสียคนไปราวห้าสิบคนขอรับ" ม้าเร็วนั้นกล่าวตอบตามจริง
เป๊กตุ้นเมื่อได้ยินก้มีสีหน้าดีขึ้นมาก เสียคนไปเพียงห้าสิบคนเท่านั้น หลังจากเกิดเรื่องกับกองซุนจ้านคราวนั้น มีหรือที่ทัพปิ้งโจวจะไม่ระวังป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมซ้ำรอยเดิมกับทหารม้าขาว หากทัพกิจิ๋วไม่ได้วางแผนไว้เป็นอย่างดี มีหรือที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จถึงเพียงนั้น? แต่ดูเหมือนคราวนี้ทัพกิจิ๋วจะเผชิญกับทางตันเสียแล้ว ต่อให้ไม่ได้ออกไปดูด้วยตาตนเอง แต่เป๊กตุ้นก็ทราบได้ว่าทหารม้าเฟยฉีเพียงคิดหยั่งเชิงทหารเซียนเติงเท่านั้น
หลังจากชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียแล้ว เป๊กตุ้นก็ตัดสินใจจะทำตามคำแนะนำของซูผูเหยียน นั่นคือร่วมมือกับทัพปิ้งโจว ที่ชาวอูหวนต้องการมากที่สุดก็คือทางผ่านเพื่อกลับบ้าน แม้ว่าตอนนี้อาจจะดูเหมือนว่าทัพปิ้งโจวมีกำลังไม่เพียงพอจะหยุดยั้งทัพกิจิ๋ว แต่จากกลิ่นอายบนร่างทหารของทัพปิ้งโจว เป๊กตุ้นก็รู้สึกว่าทหารปิ้งโจวยังเหนือกว่าอยู่หลายขุม ในเมื่ออ้วนเสี้ยวไม่ได้แยแสชีวิตของชาวอูหวน เช่นนั้นเขาก็จะไปร่วมมือกับทัพปิ้งโจว ให้ทัพกิจิ๋วได้ประสบกับความสูญเสีย และเป็นการแสดงเจตนาดีต่อทัพปิ้งโจว
แม้ว่าชาวอูหวนจะอ้างตัวว่าห้าวหาญชาญศึก แต่เมื่อเทียบกับชาวเวียนเป่ยบนทุ่งหญ้าแล้ว นั่นก็ไม่ต่างจากการเอาดาวไปเทียบเดือน ในฐานะประมุขเผ่าอูหวน เป๊กตุ้นย่อมทราบกระจ่างในเรื่องนี้ อีกทั้งเขายังเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเผ่าซยงหนูในปิ้งโจวมาก่อน จากเรื่องนี้ จะเห็นได้ว่าลิโป้ไม่ใช่คนที่มีใจคอโหดเหี้ยม บางทีการร่วมมือกับชาวฮั่นเช่นนี้อาจจะเป็นการดีกว่าก็ได้ ยิ่งกว่านั้นยังไม่ทราบว่าทัพกิจิ๋วจะสามารถตีชิงเมืองปักเป๋งกลับมาได้หรือไม่ ดังนั้นเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการผูกไมตรีกับทัพปิ้งโจวเอาไว้
.......................
"ทหารม้าเฟยฉีสูญเสียทหารไปห้าสิบสามคน ขณะที่ทางฝั่งทหารเซียนเติงเสียคนไปไม่ถึงสิบคน" ลิโป้ขมวดคิ้ว จากสถานการณ์ในการเผชิญหน้าระหว่างทหารม้าเฟยฉีและทหารเซียนเติง ลูกศรจากหน้าไม้และหอกยาวคือสิ่งที่สร้างความเสียหายแก่ทหารม้าเฟยฉีได้มากที่สุด เผชิญกับการป้องกันอันแน่นหนาของทหารเซียนเติงเช่นนี้ ทหารม้าก็ยากจะสร้างความเสียหายใด แม้ว่าจะมีพลัง แต่ก็ไม่อาจสำแดงออก ราวกับถูกมัดมือมัดเท้า
จ๊กยี่เองก็นับเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์สามก๊ก ที่อ้วนเสี้ยวสามารถโค่นกองซุนจ้านลงได้ จ๊กยี่นับว่ามีผลงานอย่างมาก เพียงแต่จ๊กยี่มีจุดจบที่ไม่ค่อยดี ไม่รู้ว่าการมาของข้าจะส่งผลต่อชะตากรรมของจ๊กยี่หรือไม่?
ลิโป้ได้แต่ถอนหายใจอีกครั้ง อ้วนเสี้ยวมีพื้นหลังตระกูลที่ดี ดังนั้นจึงมีผู้มีความรู้ความสามารถมากมายเดินทางไปขอเข้าร่วม อีกทั้งชื่อเสียงของตระกูลอ้วนยังยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน แม้แต่บรรดาเจ้าเมืองก็ยังไม่กล้าดูหมิ่นเขามากนัก ตระกูลอ้วนถือเป็นตัวแทนตระกูลขุนนางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในราชวงศ์ฮั่น แน่นอน อ้วนสุดแห่งหวยหนานเองก็อยู่ในตระกูลอ้วน ในแง่ของศักดิ์ฐานะแล้ว เขายังมีพื้นหลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าอ้วนเสี้ยวที่เกิดจากอนุภรรยาเสียอีก
หลังจากฟังคำบ่งบอกบรรยายสถานการณ์การต่อสู้ โกซุ่นก็ขมวดคิ้วจมอยู่ในความคิด เขารู้สึกสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับทหารเซียนเติงอย่างมาก ขอเพียงเป็นทหารราบที่สามารถต่อกรกับทหารม้าได้ พวกเขาจะต้องแข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย และแน่นอนว่าอาวุธชุดเกราะและอุปกรณ์ต่างๆของทหารเซียนเติงนั้นจะต้องเป็นของที่ดีที่สุดในทัพกิจิ๋วไม่ผิดแน่ อย่างไรก็ตาม ในแง่ของอุปกรณ์แล้ว ทหารหน่วยทะลวงค่ายเองก็ไม่ได้หวั่นเกรงอะไร อาวุธและชุดเกราะของทหารหน่วยทะลวงค่ายทั้งแปดร้อยนายล้วนตีขึ้นจากเหล็กกล้า มีหรือที่ทัพกิจิ๋วจะเทียบได้?
เมื่อเทียบกับหน่วยทะลวงค่ายแล้ว หน่วยเซียนเติงใหมุ่งเน้นไปที่การป้องกันมากกว่า ในสนามรบนั้น กองทหารที่มีพลังป้องกันระดับสุดยอดนั้นยากจะโจมตีให้แตกพ่ายได้
"แม่ทัพโก หากได้ปะทะกับทหารเซียนเติง ท่านมีความมั่นใจว่าจะชนะสักกี่ส่วน?" ลิโป้หันมาถามโกซุ่น
"นายท่าน ข้าน้อยสามารถบอกได้เพียงว่าข้าน้อยจะพยายามจัดการกับทหารเซียนเติงอย่างสุดความสามารถขอรับ" โกซุ่นกุมหมัดตอบ
"อืม อย่าได้ทำอะไรฝืนเกินตัว พวกเราไม่อาจเสียหน่วยทะลวงค่ายไป" น้ำเสียงของลิโป้แฝงความเคร่งเครียดอยู่เล็กน้อย ปิ้งโจวต้องทุ่มเทพยายามมากเท่าใดกว่าจะฝึกฝนหน่วยทะลวงค่ายขึ้นมาได้
"ข้าน้อยจะกระทำภารกิจที่นายท่านมอบหมายสุดความสามารถ จะไม่ให้ทหารเซียนเติงได้รุกคืบเข้ามาได้แม้แต่ก้าวเดียว" โกซุ่นกล่าว
ลิโป้พยักหน้าเบาๆ โกซุ่นมักสุขุมอยู่ตลอด ในเมื่อเขารับปากว่าจะสามารถตรึงทหารเซียนเติงเอาไว้ได้ เช่นนั้นก็คงจะไม่ผิดพลาด ทหารเซียนเติงถือเป็นไพ่ใบสำคัญของทัพกิจิ๋ว หากสามารถสกัดทหารเซียนเติงเอาไว้ โอกาสที่จะเอาชนะทัพกิจิ๋วที่เหลือก็จะมีมากขึ้น
"เฟิ่งเซี่ยว ในเมื่อชาวอูหวนที่นอกเมืองส่งคนมามอบคำตอบแล้ว เช่นนั้นท่านก็ว่าแผนการมาเถอะ จะดีที่สุดหากสามารถทำให้อ้วนเสี้ยวลามือจากอิวจิ๋วและต้องกลับไปกิจิ๋วโดยมือเปล่า" ลิโป้กล่าว
"นายท่าน อ้วนเสี้ยวจะต้องไม่ยอมทิ้งเมืองจี้อย่างแน่นอนขอรับ กิจิ๋วและอิวจิ๋วมีอาณาเขตติดต่อกัน เมื่ออ้วนเสี้ยวกล้าบุกโจมตีเมืองปักเป๋ง แสดงว่าเขาคงจัดกำลังทหารเข้าประจำการที่เมืองจี้เรียบร้อยแล้ว" กุยแกถอนหายใจ
"ทัพกิจิ๋วเดินทัพกรำศึกมานาน ทหารเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า ขอเพียงพวกเราชนะศึกใหญ่ได้สักศึกก็จะทำให้ทัพกิจิ๋วต้องถอยทัพกลับไปได้แน่ ที่สำคัญที่สุดก็คือชาวอูหวน ชาวอูหวนบุกโจมตีเมืองของต้าฮั่นเราหลายครั้งหลายครา หมาป่าที่มีใจเห่อเหิมเกริมทะยานเช่นนี้ต้องเฝ้าระวังเอาไว้" กุยแกแจกแจง
"เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราคงต้องหาวิธีทำให้ทัพอูหวนและทัพกิจิ๋วต่อสู้กัน" ลิโป้เองก็ไม่ชื่นชอบเผ่าอูหวนสักเท่าใด ทั้งสองฝ่ายเพียงบรรลุข้อตกลงร่วมกันชั่วคราว เมื่อศัตรูที่มีร่วมกันล่าถอยกลับไปแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายก็จะสลายไป
หลังจากกุยแกนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็โน้มตัวเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของลิโป้ ลิโป้พยักหน้าอยู่หลายครั้ง ดวงตาทอแววยินดี
"ให้เฟิ่งเซี่ยวจัดการเรื่องนี้ก็แล้วกัน" ลิโป้กล่าวด้วยความยินดี "ทำให้แน่ใจว่าทัพกิจิ๋วจะประสบกับความสูญเสียในมือชาวอูหวน"
แม้ว่าเตียนอุยและโกซุ่นจะไม่ทราบว่ากุยแกพูดอะไรบ้าง ทว่าพวกเขาก็เชื่อมั่นในตัวกุยแก
...................
ภายในทัพกิจิ๋ว แม้จะดึกดื่นค่อนคืนแล้ว หากแต่คบไฟที่กระโจมทัพกลางยังคงสว่างไสว อ้วนเสี้ยววางจดหมายลงบนโต๊ะด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา "ชาวอูหวนร่วมมือกับทัพปิ้งโจวจริงๆ พวกเขาตัดสินใจจะแปรพักต์เมื่อสองทัพกำลังทำศึก"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved