ตอนที่ 112 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"ขอรับ" หลันเป้งรับคำ เขาติดตามลิโป้มานาน ดังนั้นจึงล่วงรู้นิสัยใจคอของลิโป้ ทางที่ดีที่สุดคือไม่ละเมิดคำสั่งของลิโป้และสลัดทิ้งความกังขาในฝีมือของซีเอ๋งไปก่อน

"กาเซี่ยงและลิซกให้อยู่ที่จิ้นหยาง คอยส่งกำลังไปสนับสนุนที่ต่างๆ ให้กาเซี่ยงเป็นกำลังหลัก โดยมีซงเหียนเป็นแม่ทัพควบคุมไพร่พลในเมืองจิ้นหยาง หากมีผู้ใดสร้างความวุ่นวาย ก็ให้ประหารเพื่อธำรงความสงบสุขก่อนค่อยรายงานทีหลัง"

"ขอรับ" ทั้งสามคนขานรับ ดูจากคำสั่งของลิโป้แล้ว กาเซี่ยงก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี ดังนั้นจึงเหลือบมองกุยแกที่อยู่ด้านข้างอย่างเย็นชา

"ถ่ายทอดคำสั่งไปยังเฮาเสงและเซ้งเหลียม ให้เฝ้าด่านหูกวนให้ดี เพิ่มเวรยามตรวจตราอย่างเข้มงวด ต่อให้ไม่มีกองหนุนก็ต้องรักษาด่านหูกวนไว้ให้ได้ อย่าปล่อยให้ทหารกิจิ๋วรุกล้ำเข้ามาในปิ้งโจว ขอเพียงป้องกันไว้ได้ก็จะมีความดีความชอบครั้งใหญ่"

"ให้เตียวเลี้ยวนำกองพลหมาป่าไปช่วยเหลืออำเภอหยุนจง แสดงพลังทัพม้าของปิ้งโจวข้าให้พวกเซียนเป่ยได้ประจักษ์!" แววตาของลิโป้เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้น

หลังจากถ่ายทอดคำสั่งอย่างต่อเนื่อง ทหารของปิ้งโจวก็แทบจะถูกใช้งานจนหมด พวกทหารตื่นจากฝันหวานโดยไร้สุ่มเสียง แสดงให้เห็นคุณภาพของการฝึก พวกเขาสวมเกราะหยิบอาวุธ ก่อนจะมุ่งหน้าไปรวมพลภายใต้การนำของหัวหมู่

"หลี่เยี่ยนรับคำสั่ง สั่งการให้ทหารม้าเฟยฉีเตรียมพร้อมทำศึก" หลังจากมอบคำสั่งสุดท้าย ลิโป้ก็มองดูโถงที่ว่างเปล่าก่อนจะขมวดคิ้วจมอยู่ในความคิด

"เตียนอุย"

เตียนอุยผงะ ก่อนที่แววตาของเขาจะฉายแววตื่นเต้น เขารีบก้าวออกมากุมหมัดรับคำ "ข้าน้อยอยู่นี่"

"เจ้านำทัพองค์รักษ์เฝ้าดูแลจวนเจ้าเมือง จะต้องคุ้มครองความปลอดภัยของท่านกุนซือและใต้เท้าลิให้ได้"

เตียนอุยนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นจึงมีสีหน้าปั้นยาก "นายท่าน ข้าน้อยเป็นองค์รักษ์ส่วนตัวของนายท่าน จึงควรอารักขาอยู่ข้างกายนายท่าน"

"นี่เป็นคำสั่ง!" น้ำเสียงของลิโป้ไม่มีท่าทีให้ปฏิเสธ

"นายท่าน แม่ทัพเตียนมีฝีมือล้ำเลิศ ควรเป็นองค์รักษ์อยู่ข้างกายนายท่าน แม้ปิ้งโจวจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม หากแต่จิ้นหยางยังคงปลอดภัยดี อีกทั้งภายในเมืองยังมีไพร่พลประจำการอยู่หลายพัน" กาเซี่ยงที่สังเกตเห็นความตั้งใจของลิโป้จากการออกคำสั่งกล่าวโน้มน้าว

"ดังที่ท่านกุนซือกล่าว นายท่านอยู่ที่ไหน ข้าก็อยู่ที่นั่นขอรับ" เตียนอุยยิ้มให้กาเซี่ยง เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเลื่อมใสกาเซี่ยงขึ้นมา

ลิโป้ถอนหายใจ "ก็ได้ แต่ก็ต้องมีองค์รักษ์อยู่คุ้มครองความปลอดภัยของเหวินเหอและเว่ยกง"

แม้ทัพองค์รักษ์จะมีกำลังเพียงห้าร้อยนาย แต่ทั้งหมดล้วนแต่เป็นหัวกะทิในหมู่หัวกะทิ ในฐานะองค์รักษ์แล้ว พวกเขาย่อมเชี่ยวชาญการขี่ม้า ยิงธนู และการสู้รบในระยะประชิด ยามที่ลิโป้ทะยานเข้าสู่สนามรบ พวกเขาก็ต้องคอยอยู่รอบกายของลิโป้

"ขอบคุณนายท่าน!" กาเซี่ยงค้อมคำนับ ไม่ได้ยืนกรานปฏิเสธ

"เฟิ่งเซี่ยว ท่านกล้าติดตามแม่ทัพผู้นี้บุกโจมตีแนวหลังของศัตรูหรือไม่? ข้าจะให้พวกเขาได้เห็นว่ากองทัพของต้าฮั่นนั้นร้ายกาจเพียงใด" ลิโป้มองดูกุยแกด้วยแววตาร้อนแรง ต้องบอกว่ากลยุทธ์บุกตีแนวหลังของชนเผ่าเซียนเป่ยนี้ถูกใจเขานัก การยกพลบุกไปโจมตีอีกฝ่ายถึงถิ่นนี้จะต้องอยู่เหนือความคาดหมายของคนทั้งหมดอย่างแน่นอน เพราะในสายตาของชาวเซียนเป่ยนั้น ชาวฮั่นมักจะหลบอยู่หลังกำแพง

เมื่อได้ยินวาจาของลิโป้ กุยแกก็ไม่ได้แสดงความประหลาดใจใดๆ เขาประสานมือค้อมคำนับ "เมื่อใต้เท้ากล้าพาร่างกายที่มีค่าดุจทองคำหมื่นชั่งไปโจมตีชนเผ่าเซียนเป่ย แม้ข้าน้อยจะเป็นบัณฑิต แต่ข้าน้อยก็ขอติดตามไปโดยไม่หวั่นเกรง"

ในสายตาของคนอื่นๆ ลิโป้อาจจะเป็นเพียงขุนศึกที่กล้าหาญ แต่หลังจากได้เห็นการกระทำต่างๆของลิโป้แล้ว เขาก็ไม่คิดว่าลิโป้จะเรียบง่ายถึงเพียงนั้น ลิโป้กระทำการด้วยสภาวะที่เชื่อมั่นในตัวเอง ทั้งยังพิจารณาปัจจัยต่างๆรอบด้าน ด้วยความมั่นใจและความแข็งแกร่งของกองทัพปิ้งโจว ศึกนี้ก็มีโอกาสที่จะชนะค่อนข้างมาก

หากบอกว่าลิโป้เป็นเพียงนักรบอันหยาบกร้าน เช่นนั้นขอถามท่าน จะมีสักกี่คนในแผ่นดินที่มีความกล้าหาญถึงขั้นนี้ ความมั่นใจของลิโป้ส่งผลต่อกุยแกไม่น้อย

แม้ว่ากุยแกจะเป็นเพียงบัณฑิต แต่เขาก็มีใจจะรับใช้บ้านเมือง เขามีความใฝ่ฝัน ดังนั้นจึงเดินทางมายังปิ้งโจวซึ่งอยู่ที่ชายแดน บารมีของราชวงศ์ฮั่นในทุ่งหญ้านั้นนับวันมีแต่ยิ่งเสื่อมโทรม พวกเขารู้จักแต่ภูเขาต้านหาน แต่ลืมเลือนความยิ่งใหญ่ของต้าฮั่น ราชวงศ์ฮั่นที่กำลังตกต่ำต้องการชัยชนะเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรี

หลังเดินออกจากโถง มองดูไพร่พลที่เคลื่อนกำลังอย่างเป็นระเบียบ กุยแกก็ถอนหายใจรำพึงรำพันว่า "ปิ้งโจวเลิศล้ำถึงเพียงนี้ เซียนเป่ยไหนเลยจะเอาชัยได้"

หลังจากรับตำแหน่งขุนนางดูแลความสงบของเมืองจิ้นหยางมาหลายวัน กุยแกก็พอจะเข้าใจระบบกองทัพของปิ้งโจวคร่าวๆ สภาพการณ์ของทหารที่ประจำการอยู่ที่อื่นนั้นเขาไม่ทราบ แต่ไพร่พลที่ประจำการอยู่ในจิ้นหยางล้วนแต่เป็นทหารชั้นยอด ภายใต้การกระตุ้นของระบบการประเมิน ทหารทุกนายจึงล้วนแต่กระตือรือร้นจะทำสงคราม ไม่มีทหารคนใดที่ยินยอมจะเป็นเพียงพลทหารไปตลอด ดังเช่นที่ลิโป้เคยกล่าวเอาไว้ว่า "ทหารที่ไม่ต้องการเป็นแม่ทัพไม่ใช่ทหารที่ดี" แน่นอนว่าทหารระดับล่างย่อมมีความคิดนี้กันทั้งนั้น เพียงแต่ไม่มีโอกาส

"เฟิ่งเซี่ยว ท่านคิดว่าพวกเราจะชนะศึกนี้ได้หรือไม่?" ลิโป้ไม่อาจปิดบังความกังวลในเรื่องนี้

"ใต้เท้าควรมีจิตใจตั้งมั่นอยู่กับชัยชนะ!" กุยแกตอบ

"ฮ่าๆ เช่นนั้นกองทัพของเราจะชนะ และเมื่อถึงตอนนั้น ท่านและข้า หากไม่ดื่มจนไม่ก็ไม่ต้องกลับบ้าน!" ลิโป้หัวเราะ

กาเซี่ยงนิ่งเงียบ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล ลิโป้เป็นประมุขแห่งปิ้งโจว เป็นผู้กุมอำนาจสูงสุด หากเขาประสบเภทภัยในตอนที่ยังไม่มีทายาทเช่นนี้ ทั่วปิ้งโจวจะบังเกิดความวุ่นวายขึ้นทันที

รุ่งสาง กองทัพปิ้งโจวก็รวมพล ลิโป้ที่อยู่ในชุดเกราะยืนอย่างองอาจอยู่บนบนแท่นยกสูง

"บ้านเกิดของเรามีภัย จงใช้อาวุธในมือพวกเจ้าบอกต่อศัตรูของเราว่าพวกเราร้ายกาจเพียงใด แม่ทัพผู้นี้จะรอคอยพี่น้องทั้งหลายนำชัยชนะกลับมา!" ลิโป้ตะโกนเสียงดัง ทั้งยังเปลี่ยนคำแทนตัวเป็นแม่ทัพผู้นี้ เพื่อทำให้ไพร่พลรู้สึกใกล้ชิดกับเขามากขึ้น

"ชัยชนะ! ชัยชนะ!" เหล่าทหารที่อยู่ด้านล่างต่างตะโกนอย่างบ้าคลั่งพลางชูอาวุธในมือขึ้น กองทัพมีขวัญกำลังใจเต็มเปี่ยม

"ไปได้!" ลิโป้ยืนตรงอยู่บนแท่นบัญชาการพลางมองส่งทหารเคลื่อนกำลังจากไป

"การศึกย่อมต้องมีคนล้มตาย หลังจากผ่านศึกครั้งนี้แล้ว ไม่รู้จะมีนักรบกี่คนที่ต้องทิ้งชีวิตอยู่ในสนามรบ" สีหน้าของลิโป้ค่อนข้างอ้างว้างอยู่บ้าง

กุยแกมุมปากกระตุก เขาทำท่าจะกล่าวบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวออกไป

เซียนเป่ยรุกรานชายแดน กิจิ๋วก็จ่อประชิดชายแดน ข่าวเรื่องจวนเจ้าเมืองส่งกำลังทหารออกไปรับศึกได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองจิ้นหยาง ชาวเมืองนับไม่ถ้วนออกมารออยู่ที่สองฟากของถนน มองดูกองทหารที่เคลื่อนพลอย่างเป็นระเบียบ หลายคนตาแดงก่ำ ลูกหลานของพวกเขากำลังจะออกไปรบเพื่อปกปักษ์ปิ้งโจว พวกเขาสมควรรู้สึกยินดี แต่พวกเขาก็ยินดีไม่ออก

ชาวเมืองต่างรู้สึกว่าชาวเซียนเป่ยและทหารกิจิ๋วนั้นน่ารังเกียจยิ่ง ทำให้ชีวิตที่สุขสงบของพวกตนต้องพังทลาย

"อย่าร้องไห้เลย ลูกหลานของพวกเรากำลังจะออกไปปกป้องบ้านเกิด ปกป้องครอบครัว ต่อให้พวกเขาจะตาย แต่พวกเขาก็จะเป็นวีรบุรุษของปิ้งโจวตลอดไป" ชาวบ้านที่ตาแดงก่ำปลอบประโลมสตรีที่อยู่ด้านข้าง

"ใต้เท้าอุทิศตัวเพื่อผู้คน หากข้าสามารถเข้าร่วมกองทัพได้ ข้าก็จะขอไปต่อสู้กับศัตรูให้ถึงที่สุด" เด็กหนุ่มผู้หนุ่มที่ได้รับผลกระทบจากบรรยากาศอันเศร้าโสกพลันชูกำปั้นคำราม

ไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนเริ่ม แต่ในไม่ช้าฝูงชนก็ตะโกนขึ้นว่า "สังหารข้าศึก!" เสียงตะโกนค่อยๆประสานกันจนดังกึกก้องทั่วแผ่นฟ้า

ไพร่พลที่กำลังเดินขบวนอยู่พลันรู้สึกฮึกเหิม พวกเขาเผลอกำอาวุธในมือแน่นโดยไม่รู้ตัว แม้แต่โกซุ่นที่มักจะนิ่งเงียบอยู่ตลอดก็ยังตาแดงขึ้นมา นี่ก็คือครองใจคน พวกเขาก็คือชาวเมืองจิ้นหยาง ความรู้สึกของทหารที่ได้รับความรักจากประชาชนนั้นยอดเยี่ยมอย่างไม่อาจบรรยาย ภาระที่แบกรับไว้บนบ่าทำให้โกซุ่นเชื่อมั่นว่าศึกครั้งนี้จะต้องชนะ!