ตอนที่ 276 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ความมั่งคั่งของตระกุลใหญ่ไม่ได้สะท้อนว่าแผ่นดินฮั่นนั้นมั่งคั่ง แม้ว่าฮ่องเต้จะปกครองดูแลประชาชน แต่จะใส่ใจประชาชนได้สักเท่าใดกัน? เพียงใช้ประชาชนเป็นข้ออ้างเท่านั้น

"ประชาชนเหมือนน้ำ ผู้นำเหมือนเรือ น้ำทำให้เรือลอยได้ ก็ทำให้จมได้เช่นกัน" กาเซี่ยงทวนซ้ำ หลังจากนั้นครู่ใหญ่ กาเซี่ยงก็โพล่งออกมา "นายท่าน ผู้น้อยเข้าใจแล้วขอรับ" ในเวลานี้ เขาก็เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของลิโป้แล้ว ประชาชนเหมือนน้ำนั้น หากต้องการให้เรือแล่นไปได้ไกลและมั่นคง เช่นนั้นก็จำเป็นต้องทำให้น้ำนิ่งเสียก่อน หากว่าไม่มีน้ำ เรือยังจะมาจากไหนได้?

"เหวินเหอเข้าใจก็ดีแล้ว ทุกคนล้วนทราบว่าราษฏรก็คือรากฐานของแผ่นดิน หากไม่มีราษฏร ยังจะมีทหารมาจากที่ใด? ยังจะมีเสบียงอาหารมาจากที่ใด? ยังจะมีราชวงศ์จากที่ใด? นั่นก็จะไม่มีเหล่าตระกูลใหญ่เช่นกัน น่าขันที่ตระกูลใหญ่เหล่านั้นยังคงเอารัดเอาเปรียบราษฏรทุกหนทาง ยึดเอาชาวบ้านเป็นดั่งหินรองเท้าเพื่อทำให้ตระกูลเติบโต พวกเขาล้วนคิดว่าข้าคิดอ่านเพื่อแผ่นดิน แต่พวกเขาไม่ทราบเลยว่าข้าคิดอ่านเพื่อปวงชน"

"นายท่านช่างเปี่ยมด้วยคุณธรรมโดยแท้!" กาเซี่ยงกล่าว ความสงสัยที่เคยติดอยู่ในใจสลายหายไป เขาเชื่อว่าขอเพียงเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์สักหน่อยก็จะเข้าใจเมื่อได้ยินคำ "ประชาชนเหมือนน้ำ ผู้นำเหมือนเรือ น้ำทำให้เรือลอยได้ ก็ทำให้จมได้เช่นกัน" ของลิโป้นี้ แต่ประโยคจะดูเรียบง่าย แต่ก็ชวนให้ขบคิด

"เหวินเหอ เรื่องของชาวบ้านยังต้องแก้ไขกันอีกยาวไกล หวังว่าเหวินเหอจะให้ความสำคัญกับราษฏรเป็นอันดับแรก" ลิโป้กล่าว

เหวินเหอค้อมตัวกล่าวอำลา แม้จะออกมาแล้ว ในใจเขายังคงเกิดความปั่นป่วนไม่หาย เขาเดินทางไปยังโรงเรียนจิ้นหยาง กาเซี่ยงต้องการจะแลกเปลี่ยนมุมมองของประโยคเมื่อครู่กับซัวหยง ขุนนางปราชญ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในแผ่นดิน

หลังได้ฟัง ซัวหยงก็มีปฏิกิริยาดุจเดียวกับกาเซี่ยง เขานิ่งเงียบพลางใคร่ครวญประโยคดังกล่าวอยู่นาน

"เฟิ่งเซียนเป็นคนกล่าวประโยคนี้จริงๆ?" ดวงตาของซัวหยงทอประกายวูบ

"ขอรับ วันนี้ ยามที่ข้าน้อยหารือเกี่ยวกับเรื่องของเตียวเอี๋ยน ผู้นำแห่งภูเขาดำ เมื่อเอ่ยมาถึงเรื่องชาวบ้าน นายท่านก็พลันเอ่ยประโยคนี้ออกมาขอรับ" กาเซี่ยงกล่าวตอบตามจริง กับซัวหยงนั้นเขาไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร บทบาทของซัวหยงในปิ้งโจวนั้นไม่ได้ต่างไปจากขุนนางใหญ่ผู้หนึ่ง อาจจะมีบัณฑิตนักศึกษาในแผ่นดินที่ไม่รู้จักกาเซี่ยง แต่ไม่มีผู้ใดที่ไม่รู้จักซัวหยง

"ประโยคนี้ควรจะแบ่งปันกับผู้คนในแผ่นดิน เฒ่าชราผู้นี้จะลงมือเขียนบทความด้วยตัวเอง" ซัวหยงพลันกล่าวขึ้นอย่างกระทันหัน

ที่ซังหยงทำเช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อปิ้งโจว แต่อีกส่วนเล่า ไม่ใช่เพื่อตัวเองหรอกหรือ? ในแผ่นดินมีผู้คนที่ดูหมิ่นดูแคลนศิษย์ของเขาอยู่มากมาย คนเหล่านั้นหัวเราะเยาะว่าลิโป้มีเพียงความห้าวหาญ หากแต่ไร้ซึ่งปัญญา หัวเราะเยาะที่เขาถือกำเนิดจากชาติตระกูลอันต้อยต่ำ ทว่าพวกเขาไม่ทราบเลยว่าลิโป้นั้นจะเป็นผู้ที่กังวลห่วงใยปวงประชาจริงๆ

ที่ทำให้ซัวหยงรู้สึกผิดหวังนับตั้งแต่ที่มายังปิ้งโจวก็คือ ไม่มีศิษย์เก่าคนใดของเขาที่เต็มใจจะเดินทางมารับราชการที่ปิ้งโจวเลยสักคน พวกเขากลับเชื่อถือคำพูดของเจ้าเมืองคนอื่นๆมากกว่าสายตาของอาจารย์ตัวเอง แม้ว่าซัวหยงจะไม่เคยกล่าวอะไร หากแต่ในใจนั้นรู้สึกหดหู่อย่างมาก

กาเซี่ยงกล่าวว่า "ใต้เท้าซัวกล่าวได้ถูกแล้ว"

เป็นอีกครั้งที่เนื้อหาของหนังสือพิม์ต้าฮั่นได้สร้างความตกตะลึงแก่เหล่าบัณฑิตนักศึกษา

"ประชาชนเหมือนน้ำ ผู้นำเหมือนเรือ น้ำทำให้เรือลอยได้ ก็ทำให้จมได้เช่นกัน" หัวเรื่องที่โดดเด่นสะดุดตาชวนให้ขบคิดนี้มีซัวหยงเป็นผู้เขียนขึ้น ที่ด้านล่างยังมีการวิเคราะห์ของซัวหยงเขียนเอาไว้ แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจที่สุดก็คือผู้ที่เอ่ยประโยคนี้ ซึ่งในสายตาของคนทั้งหลายแล้วเป็นเพียงแม่ทัพบู๊อันหยาบกร้าน

หลังจากได้อ่านบทความนี้ บัณฑิตหลายคนก็ละทิ้งอคติที่เคยมีต่อปิ้งโจวและเกิดความคิดที่จะไปเยี่ยมชมโรงเรียนจิ้นหยางดูสักครา ก่อนหน้านั้น แม้ว่าจะมีบัณฑิตบางคนเดินทางไปยังจิ้นหยาง แต่ก็มักจะมีแต่บัณฑิตที่ยากไร้ เพื่อที่จะสามารถศึกษาเล่าเรียนอยู่ในจิ้นหยาง พวกเขาจึงต้องรับงานราชการเป็นอาชีพเสริม

แน่นอนว่าลิโป้ย่อมคิดไม่ถึงว่าประโยคที่เขาหยิบยืมมาจากยุคปัจจุบันจะสร้างความสะท้านสะเทือนไปทั่วแผ่นดิน

ในตอนนี้ ลิโป้กำลังอยู่ภายในบ้านพักซึ่งเป็นที่คุมตัวกิเหลง ต้องกล่าวว่ากิลเหลงผู้นี้นับเป็นคนที่หัวรั้นอย่างยิ่ง แม้จะถูกจับกุมตัวมาก็ยังไม่คิดที่จะสวามิภักดิ์ แม้ตนจะกินดื่มอาหารของปิ้งโจว ทว่ายามเปิดปากกล่าววาจาก็ยังคงด่าทอปิ้งโจวไม่หยุดหย่อน กับบุคลลเช่นนี้ เหล่าทหารที่ทำหน้าที่เฝ้าควบคุมตัวล้วนแต่เกิดความไม่พอใจมานานแล้ว หากไม่ใช่เพราะจวนเจ้าเมืองเคยสั่งการไว้อย่างเข้มงวด กิเหลงคงจะถูกลอบสังหารไปนานแล้ว

หลังจากผ่านมาหลายเดือน กิเหลงก็ไม่ได้ด่าทออีก เพียงทำงานอยู่ในสวนอย่างหนักทุกวัน บางครั้งยังได้รับโอกาสออกไปเดินท่องชมเมืองจิ้นหยาง เขาทราบดีว่าตนเองไม่มีทางหลบหนีไปได้ สองขาของมนุษย์หรือจะสู้สี่เท้าของเหล่าทหารม้า?

หลังจากผ่านมานาน กิเหลงก็เริ่มคิดใคร่ครวญกับอนาคตของตนเอง นับจากตอนที่เขาถูกลิโป้จับตัวมาก็นานมากแล้ว ไม่ทราบว่าบัดนี้ครอบครัวของเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง แม้ว่าอ้วนสุดจะดีต่อเขา แต่เขาก็ถูกจับตัวมาที่ปิ้งโจวนานแล้ว แม้กระนั้นก็ไม่เคยมีทูตจากอ้วนสุดเดินทางมาปิ้งโจวเลยสักครั้ง ยิ่งอย่าว่าแต่จะคิดไถ่ตัวเขากลับไป

เมื่อเห็นลิโป้มา กิเหลงก็รู้สึกประหลาดใจ เขาเองก็เริ่มเบื่อหน่ายกับชีวิตเช่นนี้แล้ว ในฐานะแม่ทัพเจนสนาม หลังจากที่ห่างหายจากสนามรบมานานเช่นนี้ หากบอกว่าเขาไม่ต้องการกลับเข้าสู่สนามรบเลยก็คงจะโกหก ในช่วงที่ผ่านมา เขาเคยมีความคิดที่จะเข้าสวามิภักดิ์ต่อปิ้งโจว แต่เมื่อนึกถึงครอบครัวที่ยังไม่รู้ชะตากรรมแล้ว เขาก็ได้แต่โยนความคิดนั้นทิ้งไป เขาไม่ต้องการให้ครอบครัวของเขาได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจของเขา หากว่าเขายอมสวามิภักดิ์ต่อลิโป้ ที่จะเดือดร้อนเป็นอันดับแรกก็คือครอบครัวของเขา

เมื่อพบหน้าลิโป้ กิเหลงก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ ต้องบอกว่าเขารู้สึกเลื่อมใสต่ออดีตศัตรูผู้นี้มาก แม้จะต้องรับศึกจากชนเผ่าเซียนเป่ยและทัพกิจิ๋วพร้อมกัน สุดท้ายทั้งสองทัพก็ยังพ่ายแพ้แก่ทัพปิ้งโจว ยิ่งกว่านั้นยังเคลื่อนทัพจำนวนหนึ่งหมื่นไปยึดครอบสี่หัวเมืองของอิวจิ๋วมาได้ ในความคิดของกิเหลงนั้น เพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่งก้แทบจะเป็นไม่ได้แล้ว แต่ลิโป้กลับสามารถทำได้ทั้งหมด

"แม่ทัพกิ อยู่ในจิ้นหยางเป็นอย่างไรบ้าง?" ลิโป้เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

"แม่ทัพพ่ายศึกคารวะจิ้นโหว" กิเหลงแค่นเสียง สีหน้าท่าทางยังคงเต็มไปด้วยความถือดี ความพ่ายแพ้ในวันนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขาไม่เคยเลือน

ลิโป้โบกมือห้ามปรามเตียนอุยที่อยู่ด้านข้างไม่ให้ปรี่เข้าไปทำร้ายกิเหลง "ใต้เท้ากิ ท่านทราบหรือไม่ว่าในปีที่ผ่านมา ท่านดื่มกินอาหารของปิ้งโจวเข้าไปมากน้อยเท่าใด?"

กิเหลงจ้องมองลิโป้ด้วยความประหลาดใจ เขาคาดคิดไม่ถึงว่าลิโป้ซึ่งเป็นผู้ครองแคว้นหนึ่งจะกล่าวเรื่องราวเหล่านี้กับเขา นี่ไม่ดูตระหนี่ถี่เหนียวไปหรอกหรือ?

"หลังจากข้าน้อยถูกทัพปิ้งโจวกุมตัวกลับมา ข้าน้อยย่อมต้องดื่มกินเพื่อไม่ให้หิวโหยจนตาย เพียงแต่ไม่ทราบเพราะเหตุใดจิ้นโหวจึงไม่ปลอ่ยข้าน้อยไป" กิเหลงไม่ยอมรับ

ลิโป้มองกิเหลง จากนั้นจึงยิ้มกล่าวว่า "อันที่จริงข้าเองก็รู้สึกเสียดายอยู่เช่นกัน ไฉนในอดีตจึงไม่สังหารแม่ทัพกิในกระบี่เดียวไปเสีย นั่นจะช่วยประหยัดค่าอาหารให้กับปิ้งโจวได้อย่างมาก ในเมื่อท่านกระทำผิด เช่นนั้นก็ต้องชดใช้" กิเหลงอ้าปากค้าง เขาตามความคิดของลิโป้ไม่ทัน

"ชดใช้อย่างไร?" กิเหลงถามด้วยความสงสัย

"แน่นอนว่าแม่ทัพกิย่อมสามารถทำงานให้ปิ้งโจวเพื่อชดใช้หนี้ให้ปิ้งโจว มิเช่นนั้นแม่ทัพกิเห็นว่าปิ้งโจวเรามั่งคั่งร่ำรวยนักหรือ?"

กิเหลงอ้าปากหากแต่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา เขาย่อมเข้าใจความหมายในวาจาของลิโป้ เพียงแต่เขาไม่นึกไม่ฝันว่าลิโป้จะใช้เหตุผลนี้มาเกลี้ยกล่อมให้เขาเข้าร่วมกับปิ้งโจว เงินทองงั้นรึ? ปิ้งโจวขาดแคลนอาหารและเงินทองด้วย? หลังจากชนะสงครามอย่างต่อเนื่อง ข้ายังไม่เคยได้ยินว่าปิ้งโจวจะขาดแคลนอาหารและเงินทองแต่อย่างใด

"แม่ทัพกิไม่จำเป็นต้องตอบ เอาเป็นว่าข้ายอมรับการสวามิภักดิ์ของท่านก็แล้วกัน" ลิโป้หันไปหาเตียนอุยก่อนจะกล่าว่า "เชิญตัวกิฮูหยิน และคุณชายกิเข้ามา"