"รู้ตัวแล้วงั้นรึ?" ลิโป้แค่นเสียงเมื่อได้รับข่าวจากหน่วยสอดแนม
ความเร็วในการเดินทัพของทหารม้าเฟยฉีในเวลานี้กล่าวได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในแผ่นดิน โดยเฉลี่ยแล้ว ทหารม้าทุกนายล้วนมีม้าศึกอย่างน้อยคนละสี่ตัว ไม่เคยมีทัพใดใช้ม้าศึกได้ฟุ่มเฟือยถึงเพียงนี้มาก่อน เขาจะต้องทำการหลอกล่อปู้ตู้เกิน ทำให้เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อย ทำให้เขารู้ว่าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องอดทน ทำให้เขารู้สึกเดือดดาลแต่ไม่มีที่ให้ระบาย ให้เขาได้เผชิญกับสถานการณ์เช่นเดียวกับที่ทหารม้าเซียนเป่ยในภาคกลางเคยเผชิญ
แม้ว่าปู้ตู้เกินจะถอนกำลัง แต่เขาก็ยังมีทหารเหลืออยู่เกือบสามหมื่นคน เป็นทหารม้าห้าพันกว่าคน ดังนั้นจึงไม่อาจประมาท หากต้องการจะชนะในศึกนี้ ก็ต้องมีความอดทนมากพอ
เวลานี้ ทัพเฟยฉีเปรียบดั่งหมาป่าที่กำลังออกล่าเหยื่อ พวกเขาจับจ้องศัตรูอย่างใกล้ชิด รอเมื่อถึงจังหวะเวลาอันเหมาะสม พวกเขาก็เผยเขี้ยวเล็บและเข้าขย้ำคอหอยของศัตรู
ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในทัพม้าเฟยฉี กุยแกก็สนิทกับทหารหลายคน โดยเฉพาะเตียนอุยผู้เป็นองค์รักษ์ประจำตัวของลิโป้ กุยแกให้ความเลื่อมใสต่อแม่ทัพพยัคฆ์ผู้นี้มาก ไม่เพียงแต่เขา หากแต่ทหารม้าเฟยฉีทุกนายล้วนมองกุยแกด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากเดิม กลอุบายต่างๆของเขาทำให้พญาอินทรีแห่งทุ่งหญ้ากลายเป็นเพียงลูกไก่ที่ไร้ทางสู้
ยิ่งเวลาผ่านไป กุยแกก็ยิ่งเลื่อมใสลิโป้ขึ้นเรื่อยๆ สงครามได้ช่วยเร่งให้เจ้าเมืองปิ้งโจวผู้นี้เติบโตขึ้นมาก ประสบการณ์จากการรบทำให้เขาประเมินสถานการณ์ในสนามรบได้ละเอียดยิ่งขึ้น บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าลิโป้เหมาะกับการเป็นแม่ทัพมากกว่าจะเป็นเจ้าเมือง เพราะเขาชื่นชอบการนำทัพเข้าสู่สนามรบด้วยตนเองยิ่ง
หลายวันมานี้ ปู้ตู้เกินรู้สึกหงุดหงิดมาก เขาหมดความอดทนกับศัตรูที่คอยติดตามอยู่ไกลๆ อีกฝ่ายเจ้าเล่ห์อย่างยิ่ง ขอเพียงเขาส่งทหารม้ากลุ่มใหญ่ออกไป อีกฝ่ายก็จะหลบหนีไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้ทหารม้าเซียนเป่ยได้เข้าใกล้แม้แต่น้อย แต่เมื่อเขาถอนกำลังกลับมา อีกฝ่ายก็จะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ที่ทำให้ปู้ตู้เกินโมโหยิ่งกว่าก็คือ หน่วยสอดแนมที่เก่งกาจของเซียนเป่ยกลับสู้หน่วยสอดแนมของทัพฮั่นไม่ได้ เวลานี้เขาเสียหน่วยสอดแนมไปร้อยกว่าคนแล้ว
"เหยี่ยวบินบ้าบออะไรกัน นี่มันนกแร้งชัดๆ" ปู้ตู้เกินกล่าวด้วยความเกลียดชัง
"ท่านประมุข ข้าขออาสานำนักรบสองพันคนไปจัดการศัตรูทางด้านหลังเองขอรับ" นายกองพันผู้หนึ่งก้าวออกมาขันอาสา นายทหารคนอื่นๆเองก็ส่งเสียงอาสาขึ้นเช่นกัน
"ดี เหย่ลี่ เจ้านำทหารม้าไปสองพัน อย่าลืมยืนยันตำแหน่งของศัตรูก่อน จากนั้นแจ้งต่อทัพใหญ่" ปู้ตู้เกินสั่งการ ในใจเริ่มมั่นใจว่าทหารม้าที่คอยติดตามกองทัพของเขานี้จะต้องเป็นทัพฮั่นที่บุกโจมตีเซียนเป่ยภาคกลางไม่ผิดแน่ เผชิญกับศัตรูที่ร้ายกาจเช่นนี้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีจำนวนน้อย แต่ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็สามารถยึดภูเขาต้านหานและอาละวาดในเซียนเป่ยภาคกลางจนพวกเขาต้องถอนกำลัง
เหย่ลี่เป็นยอดนักรบที่มีชื่อเสียงของเซียนเป่ยตะวันตก ทุกคราที่ออกศึก เขาจะสู้ศึกด้วยความเหี้ยมหาญ ไต่เต้าจากทหารตัวเล็กจนได้ขึ้นเป็นนายกองพัน ถือได้ว่าเหย่ลี่นั้นเป็นตำนานของกองทัพเซียนเป่ยตะวันตกเลยก็ว่าได้
เช่นเดียวกับปู้ตู้เกิน เขาก็ไม่ได้ให้ค่าทัพฮั่นกลุ่มนี้สักเท่าใด ในความเห็นของเขาแล้ว ไม่ว่าชาวฮั่นกลุ่มนี้จะเก่งกาจเพียงใด พวกเขาย่อมไม่มีทางเทียบกับกองทัพชั้นยอดของเซียนเป่ยได้
ทหารม้าจำนวนสองพัน ต่อให้ทัพฮั่นมีกำลังห้าพัน เขาก็หาเกรงกลัวไม่ เพราะเขาตระหนักดีว่าฝีมือขี่ม้ายิงธนูของชาวฮั่นนั้นอยู่ในระดับใด
"เรียนท่านแม่ทัพ พวกเซียนเป่ยได้ส่งทหารม้าจำนวนสองพันมุ่งหน้ามาทางเราแล้วขอรับ" เมื่อได้รับข่าวจากหน่วยสอดแนม หลี่เยี่ยนก็รีบควบม้ามารายงาน
ลิโป้หัวเราะ "หมากตานี้ของปู้ตู้เกินช่างน่าสนใจจริงๆ คงรู้ว่าพวกเราต้องกินม้าประทังชีวิตจนเบื่อ ดังนั้นจึงจัดส่งอาหารแห้งมาให้ พี่น้องทั้งหลาย จงเตรียมพร้อม ให้ปู้ตู้เกินได้เห็นว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าทัพเฟยฉีแล้ว ทหารม้าเซียนเป่ยตะวันตกก็เป็นแค่ทารกอมมือ!"
เสียงตะโกนของลิโป้ทำให้ทหารม้าเฟยฉีส่งเสียงโห่ร้อง พวกเขามีประสบการณ์ในการทำศึกกับชาวเซียนเป่ยมามาก เมื่อเผชิญหน้ากับทหารม้าเซียนเป่ย ในใจของพวกเขาก็จะรู้สึกว่าพวกตนร้ายกาจกว่า พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ามีชาวเซียนเป่ยมากมายเพียงใดที่ตายในมือของพวกเรา?
"ใต้เท้า ระวังจะเป็นอุบายของชาวเซียนเป่ย ใต้เท้าควรส่งหน่วยสอดแนมออกไปเพิ่ม อย่าเปิดโอกาสให้กับปู้ตู้เกิน" กุยแกกระตุ้นเตือน
"อืม มีความเป็นไปได้ ผู้ใดจะทราบว่าปู้ตู้เกินจะมีแผนชั่วใดหรือไม่" ลิโป้พยักหน้า
เหย่ลี่นำทหารม้าสองพันคนปลีกตัวจากทัพใหญ่ เหลือบมองทหารม้าจำนวนสองพันที่เบื้องหลังแล้ว เหย่ลี่ก็ตื่นเต้นขึ้นมา ทัพฮั่นอยู่ห่างออกไปไม่ไกล เขาต้องการจะแสดงให้ทัพฮั่นเห็นว่าทหารชั้นยอดของเซียนเป่ยนั้นเป็นอย่างไร
ชาวเซียนเป่ยบนทุ่งหญ้าเทิดทูนผู้แข็งแกร่ง ยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งได้รับความสำคัญ นามกลุ่มนักรบอันดับหนึ่งแห่งเซียนเป่ย เซียนเป่ยทั้งสามกลุ่มต่างก็ต่อสู้แย่งชิงกันมานาน เพราะมีรากเหง้าเดียวกัน ทั้งสามฝ่ายจึงไม่มีผู้ใดรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าฝ่ายที่เหลือ ดังนั้นทั้งสามฝ่ายจึงแย่งชิงตำแหน่งนี้อย่างไม่ลดละ เชวี่ยจี นักรบอันดับหนึ่งของเซียนเป่ยตะวันออก่สยแพ้ด้วยน้ำมือทัพฮั่นไปแล้ว ดังนั้นเหย่ลี่จึงต้องการบอกต่อชาวเซียนเป่ยทั้งหมดว่าเขาต่างหากจึงจะเป็นนักรบอันดับหนึ่งแห่งเซียนเป่ย
"ทัพฮั่นกำลังหลบหนี" รายงานจากหน่วยสอดแนมทำให้เหย่ลี่ยิ่งทวีความตื่นเต้น เขารีบตะโกนสั่งการ "พวกมันกำลังหวาดกลัวพวกเรา เหล่านักรบแห่งเซียนเป่ยทั้งหลาย ถึงเวลาที่จะฆ่าชาวฮั่นแล้ว!"
ทหารม้าเซียนเป่ยส่งเสียงโห่ร้อง ยามเข้าสู่สนามรบ พวกเขาก็จะส่งเสียงโห่ร้องเป็นการปลุกใจ ทุกครั้งที่มีการต่อสู้ เลือดลมของพวกเขาก็จะสูบฉีดอย่างรุนแรง
มีทหารม้าเซียนเป่ยจำนวนมากที่ติดตามเชวี่ยจีไปยังเซียนเป่ยภาคกลาง หากแต่ทหารเหล่านั้นจะมีคุณสมบัติเรียกตัวเองว่านักรบเซียนเป่ยได้อย่างไรเมื่อพ่ายแพ้แก่พวกชาวฮั่นที่อ่อนแอ? แล้วมีหรือที่พวกเขาจะเชื่อคำพูดของพวกขี้แพ้เหล่านั้น? ในความคิดของพวกเขาแล้ว พวกที่อยู่ในภาคกลางนั้นล้วนแต่เป็นสัดใส่ข้าว
เมื่อรายงานถูกส่งมาถึงปู้ตู้เกินที่อยู่ในทัพกลาง เขาก็ขมวดคิ้ว ในฐานะผู้ปกครองแห่งเซียนเป่ยตะวันตก เขาย่อมมีความเข้าใจชาวฮั่นเป็นอย่างดี รู้ว่าชาวฮั่นนั้นเก่งเรื่องการใช้กลอุบาย เขาไม่แน่ใจว่าการถอนกำลังอย่างฉับพลันนี้จะเป็นแผนการของอีกฝ่ายหรือไม่ แต่นั่นไม่เป็นไร หากเกิดการต่อสู้กันขึ้นมา เขาก็ยังสามารถส่งกำลังทหารไปช่วยเหลือ ขอเพียงโอบล้อมทัพฮั่นเอาไว้ได้ เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถกวาดล้างอีกฝ่ายจนสิ้น
เหย่ลี่ไล่ล่าทัพฮั่นไปเกือบหนึ่งร้อยลี้ ในใจเขายิ่งบังเกิดความเหยียดหยามต่อชนชาติที่ขี้ขลาดราวมุสิกนี้ยิ่งกว่าเดิม ในใจตัดสินอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องทำลายทัพฮั่นกลุ่มนี้ให้จงได้
ทหารม้าเฟยฉีพยายามรักษาระดับความเร็วพลางแสดงท่าทางเหนื่อยล้าเพื่อทำให้ทหารม้าเซียนเป่ยมีความหวัง ภาพลวงตาแห่งความหวังนี้เองที่คอยกระตุ้นให้ทหารเซียนเป่ยยังคงติดตามมาอย่างไม่ลดละ
ทหารม้าเฟยฉีค่อยๆลดระดับความเร็วลง จนเมื่อทหารม้าเซียนเป่ยเข้ามาใกล้ พวกเขาก็หันกลับมายิงธนูเข้าใส่ จากนั้นก็เร่งควบม้าหนีไป
แม้จะสูญเสียกำลังคนไปไม่น้อย กระนั้นพวกเซียนเป่ยก็ยังคงไล่ตามอย่างไม่ยอมแพ้
"ใต้เท้า ใกล้ได้เวลาแล้วขอรับ" กุยแกกล่าวด้วยใบหน้าขาวซีด ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนกำลังอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ร่างกายอันบอบบางของกุยแกก็แทบจะทานทนไม่ไหว
"ถ่ายทอดคำสั่งลงไป เตรียมพร้อมทำศึก! ให้พวกเซียนเป่ยได้ทราบว่าแบบใดจึงเรียกว่ากองทัพชั้นยอด!" ลิโป้ตะโกนสั่งการ
เมื่อได้รับคำสั่ง ความเร็วของม้าก็ค่อยๆลดลง และเมื่อได้รับสัญญาณ ทหารม้าเฟยฉีทั้งหมดก็พลันหันหัวม้ากลับและโถมพุ่งเข้าใส่ทัพเซียนเป่ยที่กำลังไล่ตามมา....
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved