ตอนที่ 267 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ที่ทำให้ลิโป้เกิดความประหลาดใจก็คือ หลังจากเอ่ยถึงเรื่องนี้ต่อเหยียนหลานแล้ว นางกลับเห็นด้วยในทันที นางกระทั่ง "ส่งเสริม" ให้ลิโป้แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลบิด้วย ซึ่งความจริง เมื่อซัวเอี๋ยมมาที่จวนเพื่อสอบถามถึงข่าวคราวของลิโป้อยู่บ่อยครั้ง เหยียนหลานก็มองความคิดของซัวเอี๋ยมออกแล้ว นางเองก็รู้ชื่นชอบซัวเอี๋ยมมากเช่นกัน เกิดในตระกูลขุนนางใหญ่ ทว่ามีความสามารถรอบรู้ นับเป็นสตรีอันยากจะพบพาน

"ข้อเสนอแต่งงานของตระกูลบิ?" ลิโป้อ้าปากค้าง ไฉนตระกูลบิจึงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย?

"ท่านสามีลืมตระกูลบิแห่งชีจิ๋วไปแล้วหรือเจ้าคะ?" เหยียนหยานกระตุ้นเตือน

ลิโป้เกาแก้มพลางเอ่ยถาม "ข้าย่อมรู้จักตระกูลบิ เพียงแต่นี่เกี่ยวข้องกับการแต่งงานกับตระกูลบิอย่างไร?"

เหยียนหลานยิ้มอ่อนโยนก่อนจะกล่าวว่า "หรือท่านสามีจะลืมคุณหนูบิเจินแห่งตระกูลบิไปแล้ว?"

"บิเจิน?" ทันใดนั้นลิโป้พลันนึกถึงภาพใบหน้าที่แดงขึ้นด้วยความเอียงอายของบิเจินผู้มักจะมีรอยยิ้มสดใสและไร้เดียงสา เทียบกับซัวเอี๋ยมแล้ว ความงดงามของนางไม่ไปด้อยกว่าซัวเอี๋ยมแต่อย่างใด เมื่อรวมกับความสดใสมีชีวิตชีวาของหญิงสาววัยแรกรุ่นของบิเจินแล้ว นางจึงได้ทิ้งความประทับใจไว้ให้ลิโป้ไม่น้อย

"ท่านสามีจำได้แล้ว?" เหยียนหลานมองลิโป้ด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย

ลิโป้ยิ้มอย่างเขินอาย "เพียงแต่เรื่องนี้เกี่ยวกับบิเจินอย่างไร?"

"ท่านสามีเคยพบหน้าคุณหนูบิเจินบ้างหรือไม่เจ้าคะ?" เหยียนหลานเอ่ยถาม

"เคยพบแล้ว" ลิโป้กล่าวตอบตามจริง

"นั่นอย่างไร" เหยียนหลานยิ้ม "คุณหนูบิเจินตกหลุมรักท่านสามีตั้งแต่แรกพบ และพี่ชายของนาง บิต๊กให้คนมาสอบถามเชี่ยเซินเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานอยู่หลายครั้ง"

หลังจากได้ฟังคำอธิบาย ลิโป้ก็ลอบอุทานในใจว่าลิโป้ผู้นี้ช่างเสน่ห์แรงเสียจริง ซัวเอี๋ยมเองก็ตกหลุมรักเขา นางเป็นบุตรีของซัวหยง และเมื่อซัวหยงกล่าวด้วยตนเอง ลิโป้ก็แทบจะหมดสิทธิ์ปฏิเสธใด ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องที่กุยแกเคยหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมากล่าวกับเขาอยู่หลายครั้งตอนที่อยู่ในชีจิ๋ว เพียงแต่สถานการณ์ในตอนนั้นยังไม่สู้ดี จึงพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน และหลังจากกลับมาถึงปิ้งโจวได้ไม่ทันไร เขาก็ต้องรีบนำทัพมุ่งหน้าไปยังอิวจิ๋วต่อ ทำให้แทบจะลืมเลือนเรื่องนี้ไป

หลังจากข้ามมาอยู่ในยุคนี้ได้พักใหญ่ ลิโป้ก็ไม่ใช่แม่ทัพที่ไม่ทราบเรื่องราวใดๆเหมือนแต่ก่อนอีก หลังจากบิต๊กมาถึงปิ้งโจว เมื่อเทียบกับตระกูลใหญ่ที่เคยอยู่ที่นี่มาก่อนแล้ว รากฐานตระกูลของเขายังอ่อนแอเกินไป เป็นไปได้มากว่าบิต๊กคิดจะใช้การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เพื่อเสริมความสัมพันธ์กับจวนเจ้าเมืองให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในความเห็นของลิโป้แล้ว เรื่องนี้ไม่จำเป็นแม้แต่น้อย ที่เขาให้ความสำคัญก็คือศักยภาพของตระกูลบิ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเพื่อเชื่อมสัมพันธ์แต่อย่างใด

ไม่สิ หลังจากคิดเรื่องนี้ดูให้ดีแล้ว ลิโป้ก็พลันเข้าใจความคิดของบิต๊ก ในยุคนี้สมัยนี้ ไม่มีทางที่บิเจินจะปฏิเสธการแต่งงานได้ บิเจินเป็นหญิงสาวที่ดี ย่อมไม่ปฏิเสธคำสั่งของตระกูล

"ท่านสามี ท่านจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ?" เหยียนหลานเอ่ยถาม สำหรับลิโป้กับบุตรีของซัวหยงนั้น เหยียนหลานเห็นด้วยอย่างเต็มใจ ถึงอย่างไรตัวตนของซัวหยงก็เห็นกันอยู่ อีกทั้งนางยังเคยได้พบกับซัวเอี๋ยมด้วยตัวเองอยู่หลายครั้ง ทั้งสองยังมีความประทับใจที่ดีต่อกัน

"ข้ากำลังจะไปถามบิต๊กว่านี่มันเรื่องอะไรกัน คุณหนูบิเจินไม่อาจแต่งงานเพียงเพราะตระกูลของนางบังคับให้แต่ง"

เมื่อสีหน้าของลิโป้ฉายแววกังวล เหยียนหลานก็ยิ้มเอ่ยว่า "ท่านสามีไม่เข้าใจจริงๆหรือเจ้าคะ? เมื่อบิเจินได้พบหน้าท่านสามี นางก็บังเกิดความประทับใจในตัวท่านสามีแล้ว หากว่าเชี่ยเซินคาดเดาไม่ผิด ที่บิต๊กหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งก็เพราะคุณหนูบิเจินร้องขอ"

ฝีเท้าของลิโป้พลันแข็งค้าง เรื่องเช่นนี้ไม่กระทันหันไปหน่อยเหรอ? สตรีในยุคนี้มักจะไม่ค่อยปรากฏตัวหน้าธารกำนัล เพราะว่าการพบหน้าบุรุษนั้นอาจเป็นการทำให้ชื่อเสียงของสตรีนางนั้นเกิดความด่างพร้อยขึ้นได้

"อืม เช่นนั้นข้าจะไปที่จวนเจ้าเมือง" ลิโป้รู้สึกว่าเรื่องนี้จำเป็นจะต้องหารือกับกุยแก เท่าที่เขาจำได้ กุยแกและบิต๊กมีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีต่อกัน ตอนที่อยู่ในชีจิ๋วนั้น ทั้งสองมักจะพบปะสนทนากันอยู่บ่อยๆ

เหล่าขุนนางบุ๋นแม่ทัพบู๊ในกองทัพปิ้งโจวต่างก็ยินดีเมื่อได้ข่าวว่าลิโป้กำลังจะตบแต่งเตียวเสี้ยน ลิโป้เป็นผู้ปกครองปิ้งโจว เป็นจิ้นโหว มีฐานะและบารมีสูงส่งที่สุดในปิ้งโจว กระนั้นกลับมีภรรยาเพียงคนเดียว ซึ่งเรื่องนี้นับว่าไม่เป็นผลดีต่อการปกครองปิ้งโจวแม่แต้น้อย ในสถานการณ์ที่แผ่นดินเกิดความวุ่นวายไปทุกหย่อมหญ้าเช่นนี้ ลิโป้มีศักดิ์ศรีบารมีอยู่ในปิ้งโจวอย่างที่ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้ หากเกิดเรื่องใดต่อลิโป้ขึ้นมา ปิ้งโจวควรจะเชื่อฟังคำสั่งจากผู้ใดในดินแดนที่กว้างใหญ่นี้? ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมากต่อเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของลิโป้ กระนั้นลิโป้กลับยังคงมีภรรยาเอกอยู่เพียงคนเดียว ทั้งยังมีบุตรีอยู่เพียงคนเดียวเช่นกัน

ในยุคนี้สมัยนี้ เป็นเรื่องปกติที่บุรุษจะมีสามภรรยาสี่อนุ ตรงกันข้าม หากมีภรรยาอยู่เพียงแค่หนึ่งเดียว นั่นก็จะเป็นที่ขายหน้าต่อหน้าผู้คนแล้ว เพราะผู้คนจะคิดว่าบ้านนั้นมีสตรีที่เป็นใหญ่จนสามีต้องหวาดกลัวจนไม่อาจแตะต้องสตรีอื่น

บัดนี้ในที่สุดลิโป็ก็คิดได้แล้ว เขาตัดสินใจจะแต่งงานกับเตียวเสี้ยน สร้างความยินดีแก่ผู้ใต้ปกครองทั้งหมด

หลังจากล่วงรู้จุดประสงค์การมาของลิโป้แล้ว กุยแกก็ยิ้มกล่าวว่า "เป็นไปได้หรือไม่ว่านายท่านไม่ชมชอบคุณหนูบิเจิน?"

ลิโป้ส่ายหน้าพลางกล่าวว่า "ชอบหรือไม่ชอบมันเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยหรือ?"

ส่วนลึกในใจแล้ว เขารู้สึกไม่พอใจกับการคลุมถุงชนของผู้คนในยุคนี้ บุรุษและสตรีในยุคนี้ยากจะได้พบหน้ากัน ดังนั้นจึงยากจะทราบได้ว่าอีกฝ่ายนั้นเหมาะสมกับตนหรือไม่ ดังเช่นซัวเอี๋ยมที่ต้องไปแต่งงานกับเว่ยจงเต้าที่ป่วยหนัก สุดท้ายยังถูกตระกูลเว่ยดูหมิ่นดูแคลน

"ในเมื่อนายท่านถามมา ผู้น้อยก็จะตอบตามตรง" จากนั้นกุยแกจึงค่อยๆกล่าวขึ้นว่า "เมื่อตอนที่นายท่านยังอยู่ที่ชีจิ๋ว ใต้เท้าบิต๊กก็มีความคิดจะหมั้นหมายคุณหนูบิเจินกับนายท่าน นายท่านเองก็เคยไปที่จวนตระกูลบิและได้พบหน้าคุณหนูบิเจินแล้ว ต่อมานายท่านได้ช่วยเหลือตระกูลบิที่กำลังจะถูกล้างตระกูล ทำให้คุณหนูบิยิ่งปักใจรักต่อนายท่าน ก่อนหน้านี้ใต้เท้าบิก็มาหาผู้น้อย ขอร้องให้ผู้น้อยเอ่ยกระตุ้นเตือนนายท่านถึงเรื่องนี้อยู่ลายครั้งขอรับ"

ลิโป้จ้องกุยแกด้วยสีหน้าว่างเปล่า "มีเรื่องเช่นนี้ด้วย?"

กุยแกกุมมือกล่าวว่า "ไม่ใช่ว่าผู้น้อยคิดปกปิด หากแต่นายท่านไม่เคยแสดงท่าทีที่จะสนใจ ดังนั้นมีหรือที่ผู้น้อยจะบังอาจหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมากล่าว ในความเห็นของผู้น้อยแล้ว ไม่มีเหตุผลที่นายท่านจะไม่ตบแต่งคุณหนูบิเจิน บัดนี้ตระกูลบิได้ควบคุมหอการค้าจิ้นหยางแล้ว และด้วยอิทธิพลของตระกูลในแผ่นดินต้าฮั่น มีหรือที่พ่อค้าอื่นๆในปิ้งโจวจะเทียบเคียงได้? หากว่านายท่านแต่งงานกับคุณหนูบิเจิน นั่นจะไม่เพียงทำให้ตระกูลบิเกิดความโล่งใจเท่านั้น แต่ยังทำให้พวกเขายิ่งภักดีต่อปิ้งโจว ดังนั้นการแต่งงานครั้งนี้นายท่านจึงได้ข้อดีถึงสองประการ นั่นคือได้ทั้งสาวงามและขุนนางที่ภักดี"

"แน่นอน การแต่งงานกับบุตรีของใต้เท้าซัวหยงและคุณหนูเตียวเสี้ยนเองก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน นี่นับเป็นเรื่องมงคลใหญ่ บุตรีของใต้เท้าซัวหยงเป็นหญิงสาวที่มีความรอบรู้ ยิ่งกว่านั้นใต้เ้ทาซัวหยงยังเป็นขุนนางใหญ่และเป็นขุนนางปราญช์ที่มีอิทธิพลต่อเหล่าขุนนางบัณฑิตทั่วแผ่นดิน คุณหนูเตียวเสี้ยวเองก็เป็นยอดหญิงงามเมืองอันหาได้ยากในแผ่นดิน ปิ้งโจวคราวนี้นับว่าได้รับวาสนาถึงสามประการ"

มองดูกุยแกที่พูดไม่หยุดแล้ว ลิโป้ก็รู้สึกราวกับว่ามีเขาเพียงคนเดียวในโลกที่เป็นตัวโง่งมและตามโลกไม่ทัน บรรดาเหล่าที่ปรึกษาต่างก็เกลี้ยมกล่อมให้เขาตอบตกลง แม้แต่เหยียนหลานผู้เป็นภรรยาก็ยังเห็นชอบเรื่องให้เขาแต่งงานกับซัวเอี๋ยม เตียวเสี้ยน และบิเจินอย่างเห็นได้ชัด เป็นไปได้หรือที่ในใจนางจะไม่เกิดความโศกเศร้าเลย? สตรีถึงสี่คนต้องใช้สามีร่วมกันเชียวนะ?

"อาเหวย ส่งคนไปเชิญบิต๊กมา" ลิโป้คิดว่าเรื่องนี้ควรจะพูดคุยกับบิต๊กจะดีกว่า

หลังจากได้พูดคุยกับบิต๊กแล้ว ลิโป้ก็ได้เปลี่ยนจากความสงสัยเป็นคลายใจ กระนั้นในเรื่องนี้เขาก็คิดไม่ตก เขาจำเป็นจะต้องทราบความเห็นของบิเจินก่อนจึงค่อยตัดสินใจ

"จื่อจ้ง น้องสาวท่านอยู่ที่จวนหรือไม่?" ลิโป้ถาม

ได้ยินเช่นนั้น บิต๊กก็ตื่นเต้นยินดีขึ้นมา เขารีบกล่าวว่า "อยู่ในจวนขอรับ"