รูม่านตาของจ๊กยี่พลันหดวูบ เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าทหารหน่วยทะลวงค่ายสามารถป้องกันลูกศรของพวกเขาพร้อมกับรุกคืบเข้ามาได้ ไม่มีทหารเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว เพียงแค่เรื่องนี้ก็สามารถพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของหน่วยทะลวงค่ายได้แล้ว
เมื่อทหารหน่วยทะลวงค่ายเคลื่อนกำลังใกล้เข้ามา จ๊กยี่ก็สูดหายใจเข้าปอดก่อนจะตะโกนเสียงดัง "ฆ่า!"
ศึกระหว่างทหารราบที่แข็งแกร่งที่สุดของทัพกิจิ๋วและทัพปิ้งโจวพลันปะทุขึ้น ในแง่ความสามารถในการป้องกันนั้น ทั้งสองฝ่ายมีระดับใกล้เคียงกัน การสอดประสานระหว่างทหารก็เช่นกัน ส่วนการสั่งการของแม่ทัพเองก็ไร้ที่ติด้วยกันทั้งคู่ เสียงปะทะระหว่างอาวุธและชุดเกราะชั้นดีทำให้ต่างฝ่ายต่างเขม็งเกร็ง
หอกยาวพลันพุ่งเข้าหาทหารหน่วยทะลวงค่าย ทหารหน่วยทะลวงค่ายนั้นเพียงเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย ความคมของหอกไม่อาจเจาะผ่านชุดเกราะเข้าไป แต่ก็ทำให้ทหารหน่วยทะลวงค่ายนายนั้นต้องถอยหลังไปสองก้าว จากนั้นก็มีทหารหน่วยทะลวงค่ายอีกคนเข้ามาทดแทนในตำแหน่งเดียวกันอย่างรวดเร็วจนไร้ช่องโหว่
"ฆ่า!" โกซุ่นตะโกน กระบวนทัพของหน่วยทะลวงค่ายพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง ฝนธนูพุ่งเข้าหาทหารเซียนเติงที่ไม่ทันระวัง ทำให้ทหารเซียนเติงบาดเจ็บล้มตายไม่น้อย ทหารหน่วยทะลวงค่ายถือโอกาสที่ภายในกระบวนทัพของทหารเซียนเติงเกิดช่องโหว่ บุกตีชิงตามไฟ
จ๊กยี่ยังคงเยือกเย็น ทหารในหน่วยเซียนเติงล้วนแต่กล้าหาญ ต่อให้เข้าปะทะกับทหารทะลวงค่าย พวกเขาก็ไม่ได้ด้อยกว่าแต่อย่างใด
เพียงแต่เมื่อได้เผชิญกับคมดาบของทหารทะลวงค่าย จ๊กยี่ก็ต้องตกใจ ดาบของทหารทะลวงค่ายสามารถฟันอาวุธของทหารเซียนเติงจนหักเป็นสองท่อน ทหารเซียนเติงที่ด้อยประสบการณ์หน่อยก็พยายามจะหลบคมดาบ ทว่าสุดท้ายก็ไม่อาจหนีพ้นความตาย
"ยิง!" จ๊กยี่สั่งการเสียงเย็น
ลูกศรจากหน้าไม้พุ่งเข้าสังหารทหารทะลวงค่ายไปหลายคน แต่เมื่อเทียบกับทหารทะลวงค่ายที่มีอาวุธเหล็กล้าแล้ว พวกเขาก็ดูเหมือนจะยังมีเปรียบกว่ามาก
ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นทหารชั้นยอด กล่าวได้ว่าในแง่ของความแข็งแกร่งแล้ว พวกเขามีระดับใกล้เคียงกัน ทว่าคุณภาพของอาวุธที่เหนือกว่าก็ค่อยๆทำให้หน่วยทะลวงค่ายเกิดความได้เปรียบ
ในฐานะผู้บัญชการของหน่วยเซียนเติง จ๊กยี่กวาดมองประเมินสนามรบโดยละเอียด บัดนี้เขาได้ทราบแล้วว่าทหารหน่วยทะลวงค่ายแข็งแกร่งเพียงใด หากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ ทหารเซียนเติงก็คงจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
"ป้องกัน!" จ๊กยี่ตะโกน
ทหารเซียนเติงเริ่มถอยกลับมารวมกันและเปลี่ยนกระบวนทัพ
เผชิญกับการป้องกันอย่างแน่นหนาของทหารเซียนเติง โกซุ่นก็จนใจ ขณะเดียวกันเขาก็อดยกย่องชื่นชมความแข็งแกร่งของหทารเซียนเติงไม่ได้
เกิดฉากอันแปลกประหลาดขึ้นในสนามรบ หน่วยทะลวงค่ายและหน่วยเซียนเติงที่เคยปะทะกันอย่างดุเดือดพลันเปลี่ยนเป็นตั้งประจัญหน้ากับอย่างเงียบงัน มีลูกธนูและลูกศรยิงแลกใส่กันเป็นระยะ แต่ความเสียหายนั้นเกิดขึ้นน้อยยิ่ง
ท้องฟ้าเริ่มทอแสง การต่อสู้ที่นอกเมืองค่อยๆเงียบสงบลง ทอดตามองดูโดยรอบแล้วก็พบเห็นซากศพกะจัดกะจายอยู่เกลื่อนกลาด กระโจมหลายหลังเต็มไปด้วยคราบเลือด
หลังจากจบศึกครั้งนี้ อ้วนเสี้ยวก็เหลือทหารเพียงสี่พัน พวกเขาฉวยโอกาสตอนที่เกิดความวุ่นวายหลบหนีออกจากเขตเมืองปักเป๋ง กองทัพใต้บัญชาของเหยียนโร่วยังมีสภาพย่ำแย่ยิ่งกว่า จากทหารจำนวนหมื่นกว่าคน มีเพียงห้าพันกว่าคนที่หนีรอดไปได้ พวกเขาติดตามอ้วนเสีย้วล่าถอยไปที่เมืองจี้
ทัพอูหวนเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าสักเท่าใด ศึกนี้พวกเขาเป็นฝ่ายเริ่ม เผชิญกับการโจมตีจากทัพกิจิ๋ว ทัพเหยียนโร่ว และทหารเซียนเติง ทัพอูหวนที่เดิมทีมีคนอยู่หมื่นกว่าคน มาบัดนี้หลงเหลือเพียงสี่พัน ขณะที่ทหารม้าเหลืออยู่เพียงสองพันเท่านั้น
การศึกครั้งนี้ทำให้สามทัพต่างก็สูญเสียไพร่พลไปไม่น้อย ความทะเยอทะยานของอ้วนเสี้ยวถูกสกัดกลางคัน สุดท้ายได้แต่ถอยทัพกลับไปยังเมืองจี้อย่างหดหู่
ทางด้านงันเหลียงเองก็เผชิญกับสถานการณ์อันน่าเศร้า หลังจากต่อสู้กับทหารม้าอูหวน ทหารใต้บัญชาของเขาก็เหลือเพียงสามร้อยกว่าคน ทว่าหลังจากนั้นก็ถูกทหารม้าเฟยฉีราวร้อยคนไล่ตามตี เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหลบหนี เทียบกับทหารม้าเฟยฉีแล้ว ทหารม้ากิจิ๋วยังด้อยกว่าอยู่ช่วงใหญ่ เขาได้แต่เหลียวมองดูทหารม้าใต้บัญชาถูกธนูของทหารม้าเฟยฉียิงร่วงหลังม้าไปคนแล้วคนเล่า หลังจากกลับมารวมกับทัพใหญ่ได้สำเร็จ ที่ด้านหลังของเขาก็เหลือทหารม้าเพียงร้อยคนเท่านั้น
หลังจากได้พบลิโป้ เป๊กตุ้นก็เผยท่าทีไม่พอใจ "หากว่าใต้เท้าสั่งให้ไพร่พลมาเร็วกว่านี้สักครึ่งชั่วโมง ชาวอูหวนของข้าน้อยก็คงจะไม่ต้องประสบกับความสูญเสียสาหัสเช่นนี้"
ซูผูเหยียนรีบฉุดดึงเป๊กตุ้นไว้ ในเวลานี้ ที่นี่ยังมีทหารม้าเฟยฉีอยู่สองพันกว่าคน ขณะที่ทัพอูหวนเหลือกำลังคนอยู่ไม่มาก ยิ่งกว่านั้นทัพปิ้งโจวยังมีไพร่พลอยู่ภายในเมืองอีก ตอนนี้ทัพอูหวนไม่หลงเหลือเบี้ยที่จะใช้ต่อรองได้แล้ว ภายในอิวจิ๋วเวลานี้ ผู้ใดมีกำลังกล้าแข็งที่สุด ผู้นั้นก็คือผู้ที่มีสิทธิ์จะเอ่ยวาจา
เตียนอุยแค่นเสียงก่อนจะก้าวออกมาข้างหน้า "นายท่านของข้าไม่จำเป็นต้องทำตามที่เจ้าสั่ง!"
เป๊กตุ้นหน้าแดง มือขวาของเขาเลื่อนไปแตะด้ามดาบ
"ท่านแม่ทัพ ใต้เท้าของข้าเพียงรู้สึกเศร้าเสียใจเพราะชาวอูหวนเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก" ซูผูเหยียนรีบก้าวออกมากล่าวแทน
ลิโป้เหลือบมองเป๊กตุ้นก่อนจะกล่าวว่า "โหวผู้นี้ส่งทหารมาแจ้งต่อท่านล่วงหน้าตั้งนานแล้วว่าทัพกิจิ๋วและเหยียนโร่ววางแผนจะจัดการพวกท่าน ทว่าท่านกลับเกิดความคลางแคลงใจ ตอนนี้จะมากล่าวโทษว่าทัพปิ้งโจวเคลื่อนกำลังออกจากเมืองช้าเกินไปหรือ? ท่านเคยคิดหรือไม่ว่าหากทัพปิ้งโจวไม่เคลื่อนกำลังมา ทัพอูหวนจะยังคงอยู่หรือไม่? เวลายามวิกาลยากจะเคลื่อนกำลังพล สถานการณ์ที่นอกเมืองเป็นอย่างไรก็ไม่อาจทราบ มีหรือที่โหวผู้นี้จะกล้าสั่งเคลื่อนกำลังโดยไม่คิดหน้าคิดหลังได้?"
เป๊กตุ้นกุมหมัดกล่าวว่า "ข้าน้อยขออภัยที่เสียมารยาท!"
คำพูดของลิโป้ทำให้เป๊กตุ้นได้สติกลับมา โชคดีที่ทัพปิ้งโจวเคลื่อนกำลังมา หากว่าทัพปิ้งโจวนั่งอยู่บนภู ดูเสือกัดกัน บัดนี้ทัพอูหวนก็อาจจะถูกกวาดล้างไปแล้ว เมื่อได้ฟังวาจาที่สมเหตุสมผล เป๊กตุ้นก็มองลิโป้ด้วยแววตาสำนึกขอบคุณ
"จิ้นโหว ไม่ช้าทัพกิจิ๋วคงต้องถอนกำลังกลับไปที่เมืองจี้ ใยจึงไม่ใช้โอกาสนี้ไล่ตามตี?" เป๊กตุ้นก้าวออกมาลดเสียงลงกล่าว
"แม้ว่าปิ้งโจวจะเป็นทัพแกร่ง หากแต่ก็ยังจำเป็นต้องอยู่เฝ้าเมืองปักเป๋ง ทหารม้าเฟยฉีเองก็เพิ่งผ่านศึกใหญ่มา แม้ใจจะต้องการ แต่ก็ขาดซึ่งกำลัง" ลิโป้ลอบดีใจ หากทว่าเปลือกนอกยังกล่าวปฏิเสธอย่างเคร่งขรึม
เป๊กตุ้นกล่าวว่า "ใต้เท้า ชาวอูหวนเราเต็มใจส่งทหารม้าจำนวนสองพันติดตามทัพปิ้งโจวไล่ตามทัพกิจิ๋วไปขอรับ"
หลังจากที่ลิโป้สั่งให้กุยแกอยู่เฝ้าเมือง เขาก็นำทหารม้าเฟยฉีจำนวนหนึ่งพันไล่ตามทัพของอ้วนเสี้ยวไป ผู้ที่กอบโกยผลประโยชน์มากที่สุดในสงครามครั้งนี้ย่อมเป็นทัพปิ้งโจวอย่างไม่ต้องสงสัย ทหารม้าเฟยฉีเก็บกวาดสนามรบกันอย่างแข็งขัน ชาวอูหวนย่อมไม่กล้าไม่พอใจ นี่ก็คืออำนาจของผู้ที่เหนือกว่า สัมภาระจำนวนมากของทัพกิจิ๋วถูกทิ้งเอาไว้ ทำให้ทัพปิ้งโจวเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้อย่างมหาศาล
............................
"นายท่าน หน่วยสอดแนมเพิ่งเข้ามารายงานว่า ทหารม้าเฟยฉีและทหารม้าอูหวนไล่ตามมาแล้วขอรับ" งันเหลียงขี่ม้าเข้ามาในทัพกลางก่อนจะกระซิบรายงานต่ออ้วนเสี้ยว เขากลัวว่าข่าวเรื่องนี้จะทำให้ทหารกิจิ๋วขวัญหนีดีฝ่อจนเสียรูปขบวน
อ้วนเสี้ยวขมวดคิ้ว เขาหันไปหาเตียนห้องและเขาฮิวก่อนจะเอ่ยถามว่า "ทหารม้าเฟยฉีและทหารม้าอูหวนไล่ตามมาแล้ว หยวนเฮ่าและจื่อหย่วนมีแผนการเอาชนะศัตรูหรือไม่?"
เขาฮิวขมวดคิ้ว สถานการณ์ของทัพกิจิ๋วในตอนนี้เลวร้ายยิ่ง แม้ว่าจะหนีจากเมืองปักเป๋งมาได้แล้ว หากแต่ทัพปิ้งโจวก็ไม่คิดจะปล่อยพวกเขาไปโดยง่าย หลังจากรวมกำลังระหว่างทัพกิจิ๋วและเหยียนโร่วแล้ว พวกเขาก็มีทหารอยู่ราวเก้าพันคน ทว่ากลับมีทหารม้าเพียงไม่กี่ร้อย ยังไม่ต้องกล่าวถึงว่าที่ไล่ตามมาก็คือทหารม้าเฟยฉี
เตียนห้องครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยๆกล่าวขึ้นว่า "นายท่าน ข้าน้อยมีแผนที่จะสลัดหลุดจากการตามล่า ทำให้ทหารเฟยฉีไม่กล้าประมาทพวกเรา"
อ้วนเสี้ยวเผยสีหน้ายินดีขณะรีบกล่าวขึ้นว่า "หยวนเฮ่ารีบบอกมา"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved