ตอนที่ 191 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

กวนอวี่ลอบร้องผิดท่าอยู่ในใจ เป็นไปได้หรือไม่ว่าลักษณะที่หล่อเหลาและห้าวหาญของเขาจะไปสะกิดความริษยาของโจรป่าพวกนี้เข้า? พร้อมกับเสียง 'เช้ง' เขาชักกระบี่ออกมาพลางตะโกนเสียงดัง "พี่น้องข้า พวกเรามาจัดการกับโจรถ่อยพวกนี้ อย่าให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของทหารม้าเฟยฉี!"

ทหารเฟยฉีอีกสามคนชักกระบี่ออกมาถือพลางกวาดตามองความเคลื่อนไหวของพวกทหารโดยรอบ ท่าทางของพวกเขาดูนิ่งสงบไร้ซึ่งความกลัว

"แม่ทัพอิน ท่านแม่ทัพบอกให้เชิญพวกเขาเข้าไปด้านใน" ทหารนายหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาบอกอินเล้

"เด็กน้อย ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน ไว้ค่อยไปเอาชีวิตเจ้าในสนามรบ" อินเล้แค่นเสียงเย็น

"ในสนามรบงั้นหรือ? เกรงว่าเจ้าคงมาไม่ถึงตัวข้าด้วยซ้ำ" กวนอวี่จ้องหน้าอินเล้ก่อนจะเดินตามทหารของจงป้าไป

ได้รับการเหยียดหยามเช่นนี้ มีหรือที่เขาจะไม่ขุ่นเคืองใจ อินเล้หน้าดำทะมึน อีกฝ่ายเป็นแค่นายกองผู้หนึ่งเท่านั้น กลับหยามเขาที่เป็นแม่ทัพเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะจงป้าต้องการพบกับคนผู้นี้ เขาคงพุ่งเข้าไปสังหารอีกฝ่ายไปแล้ว

"พูดมา ไฉนลิโป้จึงส่งเจ้ามาที่นี่?" จงป้าพลันถามเข้าเรื่องทันที

กวนอวี่ลอบชำเลืองดูจงป้า ในใจรู้สึกตกตะลึง ลักษณะท่าทางของจงป้าเป็นลักษณะท่าทางของแม่ทัพที่เหี้ยมหาญ ดูแล้วอีกฝ่ายคงไม่ธรรมดาเช่นกัน "จงตูเว่ย(ผู้บัญชาการแซ่จง) จิ้นโหวเคยได้ยินชื่อเสียงของท่านมาก่อน ก่อนหน้านี้ชีจิ๋วอยู่ในช่วงเวลาวิกฤต จึงไม่มีเวลามาพบ ตอนนี้กองทัพโจโฉก็ถอนกำลังกลับไปแล้ว จิ้นโหวจึงอยากจะพบจงตูเว่ย ในวันพรุ่งนี้ ที่ศาลาสามสิบลี้ที่นอกเมือง จิ้นโหวเชิญท่านไปพบปะเป็นการส่วนตัว มีเพียงจิ้นโหวและท่านเท่านั้น ไม่ทราบว่าจงตูเว่ยกล้าไปหรือไม่?" กวนอวี่จงใจใช้คำว่า "จิ้นโหว" ซึ่งถือเป็นบรรดาศักดิ์ที่สูงที่สุดของปิ้งโจว ไม่ได้ใช้ตำแหน่งทางราชการอย่างเจ้าเมือง

จงป้าจ้องมองกวนอวี่เขม็งราวกับต้องการจะค้นหาอะไรบางอย่างจากสีหน้าของอีกฝ่าย ทว่าเจ้าหนุ่มหน้าขาวผู้นี้กลับไม่ปล่อยให้เขามองเห็นเบาะแสแม้แต่น้อย เมื่อคิดว่ากวนอวี่กระทั่งกล้าชักกระบี่ภายในค่ายของเขาแล้ว มันคงเปล่าประโยชน์ที่จะขู่ให้เขากลัว

"จิ้นโหวมีศักดิ์ฐานะสูงส่ง แต่ข้านั้นเป็นเพียงผู้ต้อยต่ำ จะกล้าเสียมารยาทเข้าพบได้อย่างไร" จงป้าหัวเราะ เขาเปลี่ยนคำเรียกหาจากลิโป้เป็นจิ้นโหว

กวนอวี่นิ่งเงียบ กุยแกได้กำชับต่อเขาว่าเมื่อเข้ามาในค่ายของจงป้าแล้วจงพูดให้น้อย ฟังให้มาก ปล่อยให้อีกฝ่ายเสนอเงื่อนไขมา ขอเพียงเชิญอีกฝ่ายมาพบได้ก็พอ

"ตกลง ในเมื่อจิ้นโหวเอ่ยคำเชื้อเชิญ ข้าย่อมต้องไปอยู่แล้ว เพียงแต่พื้นที่หลงเสียนั้นไม่ค่อยสงบสุข จะดีกว่าหากพาผู้ติดตามไปด้วย" หลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จงป้าก็ตัดสินใจว่าจะพบกับลิโป้ มีเส้นทางมากกว่าหนึ่งเส้นทางที่จะใช้ออกจากชีจิ๋ว หากว่าลิโป้จะเปลี่ยนเส้นทาง มันก็เพียงแค่เสียเวลาขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น

กวนอวี่เหลือบมองอินเล้ที่ปั้นหน้าดุร้ายคราหนึ่งก่อนจะออกไป

จงป้ามองอินเล้ก่อนจะส่ายศีรษะเบาๆ

ไคหยางเป็นอำเภอเอกของหลงเสีย จงป้าอยู่อาศัยที่นี่มานานปี ดังนั้นย่อมคุ้นเคยกับสภาพภูมิประเทศและสถานการณ์ของที่นี่ดี เมื่อตนกำลังจะไปพบกับลิโป้ เขาก็ไม่กล้าประมาท เขาได้ส่งคนล่วงหน้าไปตรวจสอบศาลาสามสิบลี้ที่นอกเมืองไว้ก่อนแล้ว

เมื่อมาถึงที่หมาย จงป้าก็มองเห็นลิโป้ที่มีผู้ติดตามเป็นเตียนอุยแค่คนเดียวอยู่ในศาลา เขาลอบชื่นชมในความกล้าหาญของลิโป้อยู่ในใจ เขาคิดว่าการที่เขานำทหารติดตามมาด้วยเพียงยี่สิบคนจะนับว่ากล้าหาญแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าลิโป้จะกล้าหาญยิ่งกว่า นำองค์รักษ์มาด้วยเพียงคนเดียว แสดงว่าองค์รักษ์ผู้นี้คงมีฝีมือไม่ธรรมดา งอตุ้น อินเล้และคนอื่นๆต่างก็แต่งตัวเป็นพลทหารติดตามอยู่ข้างกายจงป้า

ลิโป้ปรายตามองทหารผู้ติดตามที่จงป้านำมาด้วยคราหนึ่ง ที่มุมปากของเขาปรากฏรอยยิ้มจางๆ แม้ว่าเซียงหูและคนอื่นๆจะแต่งตัวเป็นพลทหาร กระนั้นก็ยังไม่อาจปกปิดกลิ่นอายของผู้ที่เคยอยู่เหนือผู้อื่นไว้ได้ "จงตูเว่ยกล้าหาญจริงๆ ขุนนางผู้นี้รู้สึกเลื่อมใส"

จงป้าหน้าแดงเล็กน้อย เขารีบกุมหมัดคารวะ "ได้ยินชื่อเสียงความกล้าหาญของจิ้นโหวมานาน วันนี้เพิ่งได้พบเจอ นับว่าสมคำร่ำลือนัก ข้าน้อยเพียงเป็นตูเว่ยของชีจิ๋ว ไม่ทราบว่าจิ้นโหวมีคำสั่งสอนใด?"

เมื่อเห็นท่าทางรักษามารยาทของจงป้า ลิโป้ก็เพิ่มความตื่นตัว ตัดสินจากข้อมูลที่หน่วยเฟยอิงสืบค้นมา จงป้ากำลังมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลงเสีย เป็นไปได้มากว่าจะมีเป้าหมายอยู่ที่ตัวเขาเอง

"จงตูเว่ยย่อมไม่ใช่ขุนนางดาษดื่นทั่วไปของชีจิ๋ว" ลิโป้ยิ้ม "ที่วันนี้ข้าเชิญท่านมาพบก็เพราะอยากจะขอให้ท่านเปิดทางให้ ชีจิ๋วประสบปัญหา ขุนนางผู้นี้มาที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือพลเรือนชาวชีจิ๋ว บัดนี้เมื่อชีจิ๋วปลอดภัยแล้ว ขุนนางผู้นี้จึงเดินทางกลับปิ้งโจว ระหว่างทางได้ยินชื่อเสียงของจงตูเว่ย จึงอยากจะพบหน้าสักครา"

จงป้าหัวเราะก่อนจะกล่าวว่า "จิ้นโหวสุภาพไปแล้ว กองทัพของจิ้นโหวกำลังเดินทางกลับปิ้งโจว ตัวข้าน้อยย่อมไม่ติดขัดแต่อย่างใด เพียงแต่ข้าน้อยเคยมีบุญคุณความแค้นกับตระกูลบิอยู่บ้าง ข้าน้อยหวังว่าจิ้นโหวจะช่วยส่งเสริม"

ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของลิโป้ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย น้ำเสียงเริ่มแข็งขึ้น "เช่นนี้เป็นว่าจงตูเว่ยไม่คิดจะไว้หน้าข้า?"

"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหน้าตา แต่บุญคุณความแค้นส่วนตัว" จงป้าตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะยึดเอาทรัพย์สมบัติของตระกูลบิมาให้ได้

"ขุนนางผู้นี้มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลบิ" สายตาของลิโป้จับจ้องอีกฝ่ายก่อนจะกล่าวออกมาช้าๆ

"อ้อ มีเรื่องเช่นนี้? ข้าน้อยไม่ต้องการจะต่อสู้กับปิ้งโจว เพียงแต่เรื่องนี้ก็ไม่อาจปล่อยวางได้เช่นกัน หวังว่าจิ้นโหวจะเข้าใจ" จงป้ายืนกรานว่ามีความแค้นส่วนตัวกับตระกูลบิ และหวังว่าปิ้งโจวจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว

ลิโป้ยิ้มแล้วกล่าวว่า "ดูเหมือนว่าจงตูเว่ยจะทำให้ตระกูลบิต้องลำบากใจแล้ว"

"ข้าได้ยินมาว่าจงตูเว่ยมีไพร่พลเข้มแข็งอยู่นับหมื่น มีแม่ทัพนายกองมากมายดุจก้อนเมฆบนฟ้า ทัพเฟยฉีของปิ้งโจวเองก็ไม่ใช่ลูกพลับนิ่ม เช่นนี้เป็นอย่างไร ให้สองทัพประชันขันแข่ง หากว่ากองทัพปิ้งโจวโชคดีคว้าชัยได้ บุญคุณความแค้นระหว่างสองฝ่ายก็ขอให้ยุติลง หากว่ากองทัพปิ้งโจวพ่ายแพ้ ก็จะให้ตระกูลบิส่งมอบทรัพย์สินทั้งหมดออกไปเป็นอย่างไร?"

จงป้ารู้สึกหวั่นไหวใจ จากน้ำเสียงของลิโป้ เขาก็ทราบได้ว่านี่คงเป็นขีดจำกัดล่างของลิโป้แล้ว หากเขาไม่ตกลง สองฝ่ายก็เหลือเพียงแต่ต้องใช้ดาบในการพูดคุย เขาไม่ได้กังวลกับทหารม้าจำนวนหนึ่งพันของปิ้งโจวสักเท่าใด แต่ที่ปิ้งโจวนั้นยังมีไพร่พลอีกหลายหมื่นคน จงป้ายังไม่มีความกล้าหาญพอจะไปตอแยยักษ์ใหญ่เช่นนั้น

"ข้าและชีจิ๋วพอจะมีความสัมพันธ์กันอยู่บ้าง จงตูเว่ยคงยังไม่มีม้าศึกดีๆกระมัง? แต่สิ่งที่ปิ้งโจวมีมากที่สุดก็คือม้าศึก หากจงตูเว่ยสนใจ ข้าสามารถสั่งให้พ่อค้าเดินทางมาแลกเปลี่ยนกับท่านได้ ปิ้งโจวไม่เพียงแต่มีม้าศึกชั้นยอดเท่านั้น แต่ยังผลิตอาวุธชั้นยอดด้วย" ลิโป้กล่าวเสริม

ได้ยินดังนั้น จงป้าก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาตอบตกลงทันที หากสามารถติดต่อค้าขายกับปิ้งโจวได้ สำหรับจงป้าแล้ว นี่จะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งของเขาขึ้นอีกมาก พลังต่อสู้ของทหารม้านั้นไม่มีที่ใดให้เคลือบแคลงสงสัย ตราบใดที่มีม้าศึกเพียงพอ เขาก็สามารถก่อตั้งทัพทหารม้าขึ้นมาได้ตามใจ และในชีจิ๋วแห่งนี้ กองทัพของเขาก็จะไร้ซึ่งคู่ต่อกร "เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าน้อยขอเป็นตัวกองทัพหลงเสียขอบคุณจิ้นโหวแล้ว"

เซียงหูที่ยืนอยู่ด้านหลังจงป้าคล้ายต้องการกล่าวบางอย่าง แต่เมื่อนึกถึงม้าศึกจำนวนมาก เขาก็ทำได้แค่ปิดปากลง นอกจากนั้นผลลัพธ์ของการต่อสู้กับกองทัพปิ้งโจวก็ยังไม่ทราบจะเป็นเช่นไร

"ไม่ทราบว่าจิ้นโหวต้องการให้แข่งขันกันอย่างไร?" จงป้าหมกมุ่นอยู่กับทรัพย์สินของตระกูลบิ แน่นอนว่าเขาย่อมต้องการจะกวาดเอาผลประโยชน์ทั้งหมดมา

"แบ่งการแข่งขันออกเป็นสองส่วนเป็นอย่างไร? หนึ่งเป็นการประลองแม่ทัพ อีกหนึ่งเป็นการประลองไพร่พล" ลิโป้กล่าว ในเรื่องนี้ เขาได้หารือกับกุยแกล่วงหน้าแล้ว ขอเพียงจงป้าตอบตกลง ทัพเฟยฉีก็จะชนะแน่นอน

"ประลองแม่ทัพ ประลองไพร่พล มีเงื่อนไขอย่างไร?" จงป้าเอ่ยถาม

"ประลองแม่ทัพ แต่ละฝ่ายส่งคนออกมาประลองฝ่ายละสามคน ประลองไพร่พล แต่ละฝ่ายส่งทหารม้าออกมาร้อยคน" ลิโป้อธิบาย