ลิโป้ได้บอกต่อจ้าวเหอแล้วว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงเป็นอย่างไร แผนการของจ้าวเหอกลายเป็นวิมานในอากาศ และทหารที่โชคร้ายเป็นกลุ่มแรกก็คือพลธนู
จ้าวเหอรู้สึกขมปร่าที่ริมฝีปาก ซ้าย ขวา หน้า หลัง ล้วนมีทหารม้าศัตรูโอบล้อมจนไร้ซึ่งทางหนี ต่อให้คิดตีฝ่า ก็ไม่รู้จะตีฝ่าไปได้อย่างไร
"นายท่านลิ พวกข้าขอยอมแพ้!" จ้าวเหอตะโกนอย่างไร้เรี่ยวแรง
ลิโป้แค่นเสียงเย็น "ก่อความวุ่นวายภายในเมืองถือเป็นความผิดร้ายแรง นอกจากคนตระกูลจ้าวแล้ว คนที่เหลือหากยอมจำนนจะได้รับการละเว้น" ระหว่างเขาและตระกูลใหญ่ไม่อาจญาติดีกันได้อีก หากปล่อยจ้าวเหอไว้ เมื่อมีโอกาส อีกฝ่ายจะต้องแว้งกัดเขาอีกเป็นแน่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว มิสู้กำจัดสามตระกูลใหญ่ของเมืองจิ้นหยางทิ้ง ยึดเอาอำเภอติ้งเซียงกลับมาเป็นของเขาเสีย
"ผู้ใดฆ่าลิโป้ได้จะได้รับทองคำร้อยตำลึง ทั้งข้าจะแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพ!" เมื่อเห็นท่าทีแข็งกร้าวของลิโป้ จ้าวเหอก็พยายามดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย เขากระตุ้นเหล่าทหารด้วยรางวัลก้อนโต ขอเพียงทหารของเขาเข้าไปต้านทานทหารม้าศัตรูเอาไว้ จ้าวเหอก็จะมีโอกาสหลบหนี หลังจากกลับถึงติ้งเซียงได้ เขาก็จะมีโอกาสสะสมกำลังพลอีกครั้ง
"ผู้ใดฆ่าจ้าวเหอได้ ข้าจะมอบเงินให้พันตำลึง!" ลิโป้ก็นำเงินออกมาล่อ เพียงแต่จำนวนรางวัลยังน้อยกว่าอีกฝ่ายมาก
แม้ทหารของจ้าวเหอจะอยากได้รางวัลสักเพียงใด หากแต่เวลานี้ พวกเขาถูกศัตรูล้อมไว้ทุกด้านแล้ว หากพวกเขาต้องการจะรอด ก็ต้องไม่ใส่ใจคำพูดของจ้าวเหอ
พลังแห่งการมีผู้นำนั้นไร้เทียมทานอย่างแท้จริง เมื่อมีทหารยอมทิ้งอาวุธยอมถูกจับโดยไม่ตาย ทหารคนอื่นๆก็หวั่นไหวใจ หลายคนกระทั่งลอบเคลื่อนตัวเข้าใกล้จ้าวเหออย่างมีเจตนาแอบแฝง แม้ไม่ได้ทองคำร้อยตำลึง แต่ได้เงินหนึ่งพันตำลึงก็ยังดี
สายตาแปลกๆของทหารรอบกายทำให้จ้าวเหอตกตะลึง ในใจเกิดความหวาดระแวงว่าวินาทีถัดไป ทหารเหล่านี้จะเข้ามารุมขย้ำเขาเพื่อเงินรางวัล จ้าวเหอรู้สึกสิ้นหวัง เพราะแม้ต้องตาย เขาก็ต้องตายอย่างเสื่อมเสียเกียรติ
จ้าวเหอพยายามจะหลบหนี แต่ก็ไม่ทราบจะหลบหนีไปที่ใด เขาได้แต่เบิกตาดูทหารของเขาค่อยๆทิ้งอาวุธ เดินออกจากวงล้อม ก่อนจะนั่งลงยกมือประสานไว้ที่ท้ายทอยทีละคน
"ฮ่าๆ รางวัลนี้เหล่าเตียนขอรับไปล่ะ" เตียนอุยพลิกตัวลงจากม้าก่อนจะย่างสามขุมเข้าหาจ้าวเหอ ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่และทวนคู่ในมือทั้งสอง ทหารที่รายล้อมจ้าวเหออยู่ก็แหวกเปิดทางให้โดยไม่รู้ตัว
"จะไปไหน!" ประกายแสงสีดำกระพริบวูบ จ้าวเหอยกมือขึ้นกุมอกอย่างอ่อนแรง ชุดเกราะที่สวมใส่ไม่อาจขัดขวางทวนในมือเตียนอุยแต่อย่างใด
ขณะที่ศัตรูกำลังตกตะลึง เตียนอุยก็พุ่งตัวพร้อมตวัดทวนออกไป พริบตาต่อมา ร่างของจ้าวเหอก็ล้มกระแทกพื้น
"นายท่าน หนึ่งพันตำลึงเป็นของผู้แซ่เตียนแล้ว" เตียนอุยที่ยืนอยู่กลางวงล้อมศัตรูยิ้มแยกเขี้ยวอย่างไม่อินังขังขอบ ปราศจากความกลัวโดยสิ้นเชิง
จ้าวเหอตายแล้ว การปะทะภายในสนามรบก็เบาบางลงเรื่อยๆ จ้าวยี่ปะปนอยู่ในกลุ่มทหาร ต้องการจะยอมจำนนเพื่อเอาตัวรอด แต่แผนการของเขาก็เป็นอันต้องพังทลายเพราะมีทหารบ่งบอกฐานะของเขาออกไป
หลังจากตรวจนับกำลังพล ลิโป้ก็รู้สึกปวดใจแม้จะเป็นฝ่ายชนะ ทหารม้ากว่าสามสิบคนของเขาต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ คนเหล่านี้ติดตามเขาออกรบโดยไม่นึกเสียใจ สุดท้ายกลับต้องจบชีวิตไป
"เก็บร่างของนักรบกล้าทุกนาย พาพวกเขากลับบ้านด้วยกัน" ในความเห็นของลิโป้ ไม่ว่าจะปูนบำเหน็จเพียงใด ทหารเหล่านี้ก็ไม่มีวันฟื้นคืน แต่สิ่งที่เขาทำได้ก็มีเพียงการชดเชยให้กับครอบครัวของทหารเหล่านี้ให้ดีที่สุด
หากต้องการให้กองทัพออกรบอย่างมีประสิทธิภาพ ก็ต้องทำให้พวกทหารมีศรัทธาอย่างแรงกล้า ลิโป้เข้าใจเรื่องนี้ดี หอวีรชนและอนุสาวรีย์ผู้กล้าที่จัดสร้างขึ้นใจกลางเมืองจิ้นหยางนั้นก็มีไว้เพื่อสดุดีเหล่าทหารกล้าที่ตายในสนามรบเช่นนี้เอง
วีรชนผู้กล้าที่พลีชีพเพื่อการรวมแผ่นดิน พวกเขาย่อมสมควรได้รับการจดจำโดยชนรุ่นหลังแทนที่จะกลายเป็นธุลีโดยไม่มีแม้แต่คนเหลียวแล ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทหารใต้บัญชาของลิโป้ยอมสู้สุดใจขาดดิ้น แม้จะได้ชื่อว่าเป็นทหาร แต่พวกเขาก็ยังเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจ พวกเขาอาจไม่ทราบถึงอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาทราบว่าผู้ใดปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยดี หากไร้ซึ่งอาหารให้อิ่มท้อง ไม่ว่างานที่ทำนั้นจะมีอุดมการณ์ยิ่งใหญ่เพียงใดก็ไร้ประโยชน์
เหตุแปรเปลี่ยนภายในเมือง การปะทะตลอดคืน การไล่ล่าจ้าวเหอ หลังผ่านเหตุการณ์เหล่านี้ติดต่อกัน แม้แต่ลิโป้ก็ยังรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง
"เรียนนายท่าน ตระกูลจ้าว ตระกูลเหลียง และตระกูลหลี่ที่อยู่ภายในเมืองล้วนถูกแม่ทัพโกขุดรากถอนโคนจนหมดสิ้นแล้ว เวลานี้กำลังทำการตรวจนับทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขาขอรับ" ลิซกกล่าวรายงานด้วยสีหน้าที่ดูอิดโรย
"เว่ยกง ท่านก็กลับไปพักสักหน่อยเถอะ" ลิโป้กล่าว
"นายท่านสมควรไปพักผ่อนก่อนขอรับ หากท่านล้มป่วยขึ้นมา จะส่งผลต่อความมั่นคงของปิงโจวได้" ลิซกเกลี้ยกล่อม
"เว่ยกง แม้ข้าจะเป็นเจ้าเมืองปิงโจว แต่ข้าก็กรำศึกมานักต่อนัก ท่านไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้หรอก"
ลิซกถอนหายใจก่อนจะกล่าวลา
"ท่านสามี?" เมื่อเห็นลิโป้ที่ทั่วร่างเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิต เหยียนหรานก็แทบจะจดจำเขาไม่ได้ นางไม่อาจสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ โผเข้าหาอ้อมอกของลิโป้ "ภายหน้าท่านสามีต้องถนอมตัวนะเจ้าคะ เชี่ยช่างไร้ความสามารถ ไม่อาจแบ่งเบาความกังวลของท่าน"
"หรานเอ๋อร์ ข้ายังสบายดี" ลิโป้ตัวแข็งทื่อ มือไม้อันเก้กังทำได้เพียงยื่นไปตบหลังของเหยียนหรานเบาๆ
"เมื่อท่านสามีต่อสู้อยู่ในสนามรบ เชี่ยขอให้ท่านระลึกไว้เสมอว่าที่บ้านยังมีเชี่ยและหลิงเอ๋อร์อยู่" เหยียนหรานสะอึกสะอื้น
"ได้ ว่าแต่หลิงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด? เจ้าคงไม่ได้ทำให้นางหวาดกลัวใช่หรือไม่?"
"หลิงเอ๋อร์กำลังหลับอยู่เจ้าค่ะ" เหยียนหรานตอบก่อนจะผละจากอ้อมอกของลิโป้ด้วยใบหน้าแดงก่ำ
"หรานเอ๋อร์ เจ้าช่วยไปหาชุดใหม่ให้ข้าที" ลิโป้กล่าวด้วยรอยยิ้ม มีเพียงตอนอยู่ที่บ้านเท่านั้น เขาจึงจะสามารถผ่อนคลายได้อย่างแท้จริง จากเดิมทีที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคย เขาก็ค่อยๆยอมรับเหยียนหรานได้มากขึ้น
การล่มสลายของตระกูลใหญ่ในเมืองจิ้นหยางได้ช่วยเร่งกระบวนการพัฒนาเมืองอย่างรวดเร็ว ถนนหินที่กว้างขวางและบ้านเรือนที่เรียงรายดูสะอาดตา พ่อค้าที่เดินทางเข้าออกเมืองสามารถรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน ในอดีต แม้เมืองจิ้นหยางจะเป็นศูนย์กลางการปกครองของปิงโจว แต่ก็ไม่มีความโดดเด่นใดนอกจากจำนวนประชากรที่มาก และกำแพงที่สูงกว่าเมืองอื่นๆในปิงโจว
ในเวลานี้ จิ้นหยางได้มอบความมีชีวิตชีวาให้กับเหล่าอดีตพ่อค้า และสีหน้าที่ดูพึงพอใจของชาวเมืองก็ไม่ใช่สิ่งที่เมืองทุกแห่งจะมีได้
ที่เหล่าพ่อค้าต้องการที่สุด ก็คือความมั่นคงของเมือง พวกเขาต้องเดินทางไปทั่วเพื่อทำการค้า ย่อมต้องวิตกและโหยหาความปลอดภัยมากที่สุด
ลิโป้ต้องตกตะลึงเมื่อทราบถึงทรัพย์สินที่ได้หลังจากกำจัดตระกูลใหญ่ทั้งสามออกไป ตระกูลใหญ่เหล่านี้หยั่งรากอยู่ในปิงโจวมานานนับร้อยปี ที่ดินกว่าครึ่งของจิ้นหยางล้วนเป็นของพวกเขา และด้วยที่ดินเหล่านี้ ชาวเมืองที่อพยพมาจากลั่วหยางก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่ดินทำกินอีก
แม้จะสามารถเพาะปลูกในพื้นที่รกร้างอื่นได้ แต่ถึงอย่างไรในด้านคุณภาพของดินแล้ว ย่อมสู้กับที่ดินของตระกูลใหญ่ไม่ได้
การกวาดล้างตระกูลใหญ่ออกไปยังทำให้ตำแหน่งทางราชการของจิ้นหยางหลายตำแหน่งต้องว่างลง
ตระกูลจ้าว ตระกูลเหลียง และตระกูลหลี่ เป็นสามตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในปิงโจว ภายในเมืองจิ้นหยางนั้นยังมีตระกูลใหญ่อยู่อีกนับสิบ เพียงแต่ไม่มีอำนาจอิทธิพลเท่าสามตระกูลนี้ ทั้งยังไม่กล้าแข็งข้อต่อที่ว่าการเมือง
ขาดแคลนผู้มีความรู้ความสามารถ แม้ว่าโรงเรียนจะเริ่มเปิดทำการแล้ว แต่ปัญหาการขาดแคลนนี้ก็ยังจะดำเนินต่อไปอีกสักพัก
"ประกาศรับสมัครผู้มีความรู้ความสามารถทุกแขนง ทั้งครูสอนหนังสือ ชาวนา พ่อค้า และอื่นๆ ไม่ว่ามีความสามารถแขนงใด สามารถไปที่จวนเจ้าเมืองเพื่อรับการตรวจสอบ หากผ่านการทดสอบก็จะได้รับการว่าจ้าง" ประกาศรับสมัครนี้ถูกกระจายไปยังทุกเมืองในปิงโจว กลายเป็นที่ฮือฮาของผู้คน นี่เป็นประกาศจากทางการ เพื่อรับคนเข้าทำงานกับทางการ ในอดีตนั้น หากต้องการเป็นข้าราชการ เช่นนั้นก็ต้องมีผู้แนะนำ หากแต่ลิโป้นั้นกลับประกาศรับสมัครโดยตรง ไม่เพียงเท่านั้น เนื้อหาในประกาศยังบอกไว้ว่าเขากำลังตามหา ครูสอนหนังสือ ชาวนา พ่อค้า ช่างแรงงาน แม้กระทั่งอาชีพที่ต่ำต้อยยังรับไว้ ผู้ที่มีสายตากว้างไกลบางคนย่อมมองออกได้ว่า ปิงโจวกำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว....
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved