หลังจากเข้าสู่ด่านหูกวน หลูเกาก็ชี้นิ้วออกคำสั่งต่อเฮาเสงให้ทำนู่นทำนี่ไม่หยุด หากไม่ใช่เพราะมีคำสั่งจากจวนเจ้าเมืองว่าให้ต้อนรับขับสู้คณะผู้แทนพระองค์ให้ดี เขาคงไม่แยแสอีกฝ่ายไปแล้ว ยามอยู่ในกองทัพปิ้งโจวเขายังไม่เคยเผชิญกับการกดขี่เช่นนี้มาก่อน
ในยามที่บ้านเมืองสงบสุขและรุ่งเรือง ตำแหน่งหวงเหมินลิ่งมักจะเป็นผู้แทนพระองค์ไปตรวจดูการทำงานของท้องถิ่น ดังนั้นย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเลิศ เพียงแบมือก็สามารถเรียกรับเงินได้มากมายมหาศาล หลูเกาอยู่แต่ภายในวังมานาน ย่อมทราบธรรมเนียมเหล่านี้ ดังนั้นเหตุผลที่เขาสร้างความอับอายต่อเฮาเสงก็เพราะอีกฝ่ายไม่รู้จัดส่งมอบค่าน้ำร้อนน้ำชาให้กับเขา
ต่อให้เฮาเสงจะเข้าใจ เขาก็จะไม่จ่ายเงินให้หลูเกา กองทัพปิ้งโจวนั้นไม่เหมือนกับกองทัพอื่นๆ บรรดาแม่ทัพทั้งหลายไม่มีรายได้นอกเหนือจากเงินเดือน ยิ่งเรื่องหักเบี้ยเลี้ยงของไพร่พลนั้นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ด้วยเงินที่มีแล้ว เฮาเสงยังต้องคิดแล้วคิดอีกกว่าจะดื่มสุราแต่ละไห
เมื่อเห็นว่าไม่มีค่าน้ำร้อนน้ำชาส่งมาให้ หลูเกาก็ฟึดฟัดไปดื่มกินยังร้านอาหารภายในด่านหูกวน หลังจากยกอ้างชื่อราชสำนักแล้ว ผู้ใดยังจะกล้าสร้างความอับอายให้กับเขากัน?
เมื่อพวกเขามาถึงจิ้นหยาง ขันทีผู้ซึ่งรับผิดชอบประกาศราชโองการก็ต้องประหลาดใจ ถนนที่กว้างและบ้านเรือนที่ตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบทั้งสองฟากถนนยังดูดีกว่าที่ฉางอันเสียด้วยซ้ำ
นี่เป็นครั้งแรกที่ลิโป้ได้ต้อนรับคณะผู้แทนพระองค์จากราชสำนัก หลูเกามองประเมินเจ้าเมืองปิ้งโจวผู้เลื่องชื่อผู้นี้เงียบๆ ก่อนจะจากมา องค์ฮ่องเต้ได้มีพระราชกระแสรับสั่งลับว่าต้องการผูกมิตรกับเจ้าเมืองปิ้งโจวผู้นี้เอาไว้ ทว่าเมื่อมาถึงแล้วอีกฝ่ายไม่ยอมมอบค่าน้ำร้อนน้ำชาให้ หลูเกาก็จดบัญชีรายนี้เอาไว้ คิดจะมอบบทเรียนให้อีกฝ่ายสั่งครา
"ผู้ใดคือลิโป้ รีบก้าวออกมารับราชโองการ!" หลูเกาประกาศด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
เมื่อได้ยินเสียงแหลมเล็กของขันที ลิโป้ก็สยิวกายคราหนึ่ง แต่เพราะอยู่ต่อหน้าคนทั้งหมด ดังนั้นจึงต้องแสดงท่าทางนอบน้อมเข้าไว้ หลังจากอดทนทำตามมารยาทที่กาเซี่ยงได้สอนไว้เสร็จสิ้น เขาจึงค่อยมองพิจารณาขันทีที่มาถ่ายทอดคำสั่ง
"เจ้าก็คือลิโป้? ได้ยินผู้คนกล่าวว่าเจ้าสูงสิบฉื่อ ร่างกายกำยำประดุจวัว แต่เมื่อตัวจริงแล้วไม่เห็นเหมือนในคำเล่าลือ" ขันทีผู้นี้ยังคงไม่ยอมส่งมอบพระราชโองการให้กับลิโป้ ต้องจ้องมองลิโป้อย่างไม่เกรงใจ
"ผู้แทนพระองค์ล้อเล่นแล้ว ขุนนางผู้นี้เป็นเพียงมนุษย์เดินดิน คำร่ำลือย่อมเกินจริงไปบ้าง" ลิโป้ตอบ
"สามหาว! ข้าเป็นผู้แทนพระองค์ขององค์ฮ่องเต้ แต่เจ้ากลับกล้าแทนตัวเองว่าขุนนางผู้นี้ต่อหน้าผู้แทนพระองค์งั้นรึ?" หลูเกาตะคอกอย่างไม่พอใจ
เมื่อเห็นสีหน้าของลิโป้เปลี่ยนเป็นเย็นชา กาเซี่ยงก็รีบก้าวออกมากล่าวว่า "ท่านผู้แทนพระองค์โปรดอย่ามีโทสะ"
หลูเกากล่าวว่า "ราชสำนักคิดว่าเจ้าสร้างผลงานเอาไว้ ดังนั้นจึงแต่งตั้งเจ้าเป็นจิ้นโหว เจ้าควรพากเพียรพยายามมากกว่านี้ อย่าได้หย่อนหยานและปฏิบัติตามคำสั่งของราชสำนักให้ดี"
บรรดาขุนนางบุ๋นและขุนนางบู๊ที่อยู่โดยรอบพลันมองหลูเกาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ขันทีผู้นี้ปากคอเราะร้ายไปแล้ว คิดว่าตนเองเป็นผู้แทนพระองค์แล้วจะกล่าวอย่างไรก็ได้หรืออย่างไร?
หลี่เยี่ยนเผยแววตาดุร้าย เขาพลันก้าวออกมา เจ้านายถูกหยามหยันนับเป็นความอัปยศของผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อลิโป้ถูกหลูเกาดูหมิ่นซึ่งหน้าเช่นนี้ เขาก็ไม่อาจสะกดกลั้นได้อีกต่อไป
ลิซกและขุนนางฝ่ายบุ๋นคนอื่นๆรีบเข้ามาห้ามหลี่เยี่ยนเอาไว้ ถึงอย่างไรหลูเกาก็เป็นผู้แทนพระองค์ อีกทั้งการมาครั้งนี้ยังมาเพราะเรื่องมงคล หากให้หลี่เยี่ยนทุบตีหลูเกา เหล่าขุนนางราชสำนักที่อยู่ในฉางอันจะคิดอย่างไร?
ลิโป้แค่นเสียงเย็น "ขุนนางผู้นี้ อ้อไม่สิ โหวผู้นี้ธุระต้องจัดการ คงอยู่เป็นเพื่อนท่านไม่ได้"
"ลิโป้ เจ้า...." ขันทีหลูร่างสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ หลังจากมาถึงปิ้งโจว เขาก็คิดจะแสดงอำนาจออกมาสักเที่ยวเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ หลังออกจากฉางอันมาได้ เขาค่อยได้สัมผัสกับความรู้สึกที่เหนือกว่าผู้อื่น แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าลิโป้จะไม่ใส่ใจแต่อย่างใด
กาเซี่ยงรีบก้าวออกมากล่าวเอาใจ ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ยังเป็นตัวแทนของราชสำนัก จะตีสุนัขก็ต้องดูนาย แต่กล่าวไปแล้วหลูเกาผู้นี้ก็น่ารำคาญจริงๆ
เมื่อเห็นว่าในที่สุดก็มีคนที่ตามีแววปรากฏตัวออกมา หลูเกาก็พอจะสงบลงได้บ้าง กระนั้นเขาก็ยังคงบ่นออกมาไม่หยุด ก่อนจากมาองค์ฮ่องเต้ได้กำชับให้เขาหาทางสร้างความสนิทสนมกับลิโป้ แต่หลูเการู้สึกว่าลิโป้ผู้นี้ไม่ใช่ขุนนางจงรักแม่ทัพภักดีอะไร
กาเซี่ยงกล่าววาจาปลอบโยนหลูเกาอยู่หลายคำ หลังจากลอบส่งมอบผลประโยชน์บางส่วนให้หลูเกา ใบหน้าที่บึ้งตึงของหลูเกาจึงค่อยปรากฏรอยยิ้มขึ้น เขาตบอกเอ่ยรับรองว่าหลังจากกลับไปยังฉางอันแล้วจะพูดถึงแต่เรื่องดีๆของเจ้าเมืองปิ้งโจว ภายใต้การจู่โจมด้วยอำนาจเงินตรา ทัศนคติที่ไม่แยแสของลิโป้ก่อนหน้านี้ก็ถูกเขาลืมเลือนไป
ชีวิตภายในวังที่ฉางอันนั้นค่อนข้างยากลำบาก ตั๋งโต๊ะปล้นชิงโดยไม่แบ่งปันผู้ใด ทำให้เหล่าขันทีต้องอยู่ในสภาพอัตคัตขัดสน แต่ด้วยเงินก้อนนี้ หลูเกามั่นใจว่าหลังจากกลับไปแล้วเขาก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะที่ใด เงินก็คือใบเบิกทางที่ดีที่สุด
ลิโป้ได้เป็นจิ้นโหว บรรยากาศภายในจวนเจ้าเมืองจึงเต็มไปด้วยความยินดี ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นโหว แถมยังเป็นถึงเสี้ยนโหว เรื่องนี้นับเป็นเกียรติยศสูงสุดของขุนนางผู้หนึ่งแล้ว
..................
ในอาณาเขตของอิวจิ๋ว หลังจากที่กองซุนจ้านกลับไปที่เมืองปักเป๋ง เขาก็ถูกเล่าหงีสร้างความอัปยศให้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ต้องอยู่อย่างอดทนอดกลั้น ทว่าเมื่อกองซุนจ้านมีทัพแกร่งอยู่ในมือ เขาก็ไม่เต็มใจจะเป็นเพียงเจ้าเมืองปักเป๋ง ทว่าเล่าหงีนั้นมีชื่อเสียงเกินไป ต่อให้เขามีความมั่นใจว่าจะสามารถยึดครองอิวจิ๋วจากมือของเล่าหงีได้ แต่เขาก็ยังคงเก็บงำเพราะกลัวว่าจะถูกผู้คนในใต้หล้าติฉินนินทา
เล่าหงีและกองซุนจ้านมีความเห็นต่างกันเรื่องชนเผ่านอกด่านมาโดยตลอด นโยบายของกองซุนจ้านคือสังหารทุกคนที่ไม่เชื่อฟัง ซึ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับชนเผ่านอกด่านเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่เล่าหงีนั้นใช้นโยบายเมตตา เขามีความคิดว่าต้าฮั่นเป็นอาณาจักรใหญ่ สมควรปฏิบัติต่อชนเผ่านอกด่านด้วยความโอบอ้อมอารี
ดังนั้นชนเผ่านอกด่านจึงชื่นชมเล่าหงี แต่ชิงชังกองซุนจ้าน เมื่อพวกเขาประสบกับหายนะ พวกเขาก็ไปาเล่าหงี พอพวกเขาไม่มีอาหารการกิน พวกเขาก็ไปขอความช่วยเหลือจากเล่าหงี
เรื่องที่ทำให้กองซุนจ้านรู้สึกไม่พอใจที่สุดก็คงเป็นเรื่องที่เล่าหงีและอ้วนเสี้ยวมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เร็วๆนี้ปรากฏข่าวลือว่าอ้วนเสี้ยวต้องการจะหนุนเล่าหงีขึ้นเป็นฮ่องเต้ของราชวงศ์ฮั่นแทนพระเจ้าเหี้ยนเต้ที่ถูกตั๋งโ๖๊ะควบคุม แต่เล่าหงีปฏิเสธ
เรื่องที่กองซุนจ้านและอ้วนเสี้ยวมีความบาดหมางต่อกันเป็นเรื่องที่ผู้คนทั่วแผ่นดินล้วนทราบดี กระนั้นเล่าหงีก็ยังมีการติดต่อกับอ้วนเสี้ยว ทำให้กองซุนจ้านบังเกิดความหวาดระแวงขึ้นมา
ตอนที่ตระกูลใหญ่ในจิ้นหยางรวมตัวกันลุกฮือ หน่วยข่าวกรองของปิ้งโจวนับว่ามีผลงานเป็นอันดับต้นๆ ดังนั้นลิโป้จึงให้ความสำคัญต่อหน่วยข่าวกรอง
สมาชิกของหน่วยข่าวกรองย่อมต้องเป็นบุคคลที่มีไหวพริบ ทั้งยังต้องสามารถลงมือลอบสังหารได้หากเกิดเหตุจำเป็น
ลิโป้ได้ตั้งชื่อให้หน่วยข่าวกรองนี้ว่า "องค์รักษ์เงา" โดยจะรับผิดชอบด้านการสืบหาข่าว โดยเริ่มต้นจากปิ้งโจว ก่อนจะขยายขอบเขตไปยังกิจิ๋ว อิวจิ๋ว และซือลี่ จากนั้นเมื่อพัฒนาไปถึงระดับหนึ่งก็เพิ่มขอบเขตมากขึ้น
กล่าวได้ว่าหน่วยข่าวกรองคือหน่วยงานที่ต้องใช้งบประมาณมากที่สุด เมื่อมีหน่วยงานนี้อยู่ก็จะสามารถติดตามสถานการณ์ความเป็นไปในแผ่นดินได้ทันท่วงทียิ่งขึ้น ทั้งยังสามารถใช้ปล่อยข่าวลือให้ฝ่ายศัตรูได้อีกด้วย
ในภูเขาลูเหลียงที่นอกเมืองจิ้นหยาง การฝึกฝนของหน่วยเฟยอิงเพิ่งจะสิ้นสุดลง ทุกคนที่เข้ามายังหน่วยนี้ล้วนแต่เป็นหัวกะทิของกองทัพปิ้งโจว แม้จะอยู่ในสภาพที่เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า หากแต่สีหน้าแววตายังหนักแน่นมั่นคง
พวกเขาได้รับเงินเดือนมากกว่าทหารทั่วไปหลายเท่า อีกทั้งยังมีสวัสดิการที่ดีกว่า แม้แต่ตัวตนระดับแม่ทัพก็ยังต้องอิจฉาหากได้ทราบ ทว่าการฝึกฝนของพวกเขาก็หฤโหดถึงขีดสุดเช่นกัน
ลิโป้ที่ยืนอยู่บนแท่นยกสูงกวาดสายตามองดูทหารหน่วยเฟยอิงสามร้อยกว่านายเงียบๆ อุปกรณ์ที่พวกเขาได้รับล้วนแต่เป็นสิ่งของที่ทันสมัยที่สุดในยุค โดยเฉพาะมีดบิดเกลียวสามคม เมื่อใช้แทงเข้าร่างศัตรูก็จะทำให้อีกฝ่ายเลือดไหลออกมาไม่หยุด พวกเขาไม่พกพาอาวุธยาวอย่างหอกหรือทวน ดังนั้นอาวุธหลักจึงเป็นกระบี่และหน้าไม้
หน้าไม้ในแขนเสื้อนับเป็นอาวุธที่หาได้ยากแม้แต่ในหมู่เจ้าเมืองคนอื่นๆ ยามพกพาติดตัวก็ยากจะสังเกตเห็น ยิ่งเมื่อใช้ออกยามศัตรูคลายการระวังก็จะยิ่งแสดงอำนาจได้ดียิ่งขึ้น
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved