เมื่อเหล่าแม่ทัพที่ยืนอยู่ที่จุดเริ่มต้นได้ยินประโยคนี้ พวกเขาก็หันไปสบตากัน พบเห็นความคิดต่อสู้ในดวงตาอีกฝ่าย ใช่แล้ว เป็นความคิดต่อสู้ นี่ไม่ใช่การแข่งขันธรรมดาอีกต่อไป แต่เป็นโอกาสอันหาได้ยากที่จะเลื่อนขั้น สำหรับการเอาชนะลิโป้ได้นั้น พวกเขาเชื่อว่านั่นจะยิ่งทำให้ลิโป้ให้ค่าคนผู้นั้นสูงขึ้นมากกว่าจะรู้สึกอับอาย
เตียนอุยที่มองความคิดของบรรดาแม่ทัพออกก็ยกยิ้มอย่างเหยียดหยัน ผู้อื่นอาจไม่ทราบว่าลิโป้แข็งแกร่งเพียงใด แต่เขาที่เป็นองค์รักษ์ประจำตัวมีหรือจะไม่ทราบ? แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งพอตัว แต่ก็ไม่มีอะไรรับรองว่าเขาจะสามารถเอาชนะลิโป้ได้ในการแข่งขันเช่นนี้ ลิโป้มาที่ค่ายทหารทุกวัน นอกจากจะมาตรวจเยี่ยมเหล่าทหารแล้ว ยังมาเพื่อฝึกฝนพัฒนาตัวเอง วิชายิงธนู วิชากระบี่ และเพลงทวนของลิโป้ เขาก็คือผู้ที่ได้ประจักษ์มากที่สุด จากเริ่มแรกตกตะลึง มาตอนนี้ก็เริ่มปรับตัวกับความเก่งกาจของลิโป้ได้ กล่าวได้ว่าในการแข่งขันคราวนี้ ลิโป้ก็คือตัวเต็งอันดับหนึ่ง
"นี่ไม่เป็นการตัดเย็นชุดวิวาห์ให้กับแม่ทัพผู้นี้หรอกหรือ? บัดนี้ข้าเป็นเสี้ยวเว่ยแล้ว หลังจากเลื่อนสองขั้นก็จะได้ขึ้นเป็นแม่ทัพ" กวนอวี่งอนิ้วนับ แต่เขาก็ถูกเตียนอุยตบหัวทิ่มอีกครั้ง
"หากว่าเด็กน้อยเจ้าสามารถเอาชนะนายท่าน ข้าจะซักเสื้อผ้าให้เจ้าไปชั่วชีวิตเลย!" เตียนอุยแค่นเสียง
"และในอนาคต อย่าได้แทนตัวเองว่า 'แม่ทัพผู้นี้' ต่อหน้าบิดาอีก มิเช่นนั้นข้าจะทุบตีเจ้าทุกครั้งที่พบ"
กวนอวี่หดคอ ในกองทัพปิ้งโจว ผู้ที่เขากลัวเกรงมากที่สุดก็คือเตียนอุย สำหรับตำแหน่งเสี้ยวเว่ยและตำแหน่งที่เหนือขึ้นไปแล้ว ส่วนมากจะไม่ค่อยใส่ใจการกระทำสักเท่าใด ดังเช่นเตียนอุยที่ชอบรังแกเขา หากแต่เตียนอุยนั้นแข็งแกร่งเกินไป ทำให้เขาไม่อาจต่อต้านได้แม้แต่น้อย
หากว่าเขาต้องการจะเอาชนะลิโป้ในการแข่งวิ่งแบกน้ำหนักระยะทางยี่สิบกิโลเมตรได้ ความหวังของเขาก็ดูเหมือนจะริบหรี่ยิ่ง
หลังจากได้รับสัญญาณปล่อยตัว เหล่าแม่ทัพก็ไม่อาจสะกดความตื่นเต้นเอาไว้ พากันเร่งความเร็วจนลืมจังหวะที่เคยสักซ้อมมา ไม่ช้าก็สิบกว่าคนที่วิ่งอยู่ด้านหน้าของลิโป้
ลิโป้ยกยิ้มมุมปาก เขายังคงก้าวตามจังหวะปกติของตัวเอง
ด้วยความสูงเก้าฉื่อ หากว่าเขาก้าวออกสองก้าว แม่ทัพคนอื่นๆก็จะต้องก้าวสามก้าวเพื่อไล่ตามให้ทัน ดังนั้นหากต้องการจะแซงเหล่าแม่ทัพที่อยู่ด้านหน้าก็เป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับลิโป้
เหล่าแม่ทัพที่ลงแข่งต่างก็ทุ่มสุดตัว เพื่อที่จะไล่ตามลิโป้ให้ทัน พวกเขาจึงต้องเร่งความเร็วอีกครั้ง ด้วยฐานะผู้ปกครองมณฑลของลิโป้แล้ว เขาย่อมไม่ได้ฝึกฝนหนักเท่ากับแม่ทัพคนอื่นๆ ในการแข่งวิ่งระยะไกลเช่นนี้ ที่ยากก็คือการรักษาระดับร่างกายเอาไว้ ดังนั้นจึงใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะลิโป้
หากแต่ความจริงกลับตบหน้าพวกเขาอย่างไร้ปราณี หลังจากลิโป้ไล่ตามพวกเขาทัน เขาก็ค่อยๆทิ้งระยะห่างออกไปเรื่อยๆ แม่ทัพหลายคนได้แต่ยอมแพ้ ในสายตาของพวกเขาแล้ว ร่างสูงโปร่งที่ด้านหน้านั้นเป็นตัวตนที่ไกลเกินเอื้อมถึง
กวนอวี่หอบหายใจอย่างหนัก เขาพยายามจะปรับลมหายใจสุดความสามารถ นอกจากรู้สึกเคารพเลื่อมใสเงาร่างที่เบื้องหน้าแล้ว เขายังรู้สึกถูกกระตุ้น แม้ว่าเขามักจะทำตัวโอ้อวด แต่ความจริงแล้วเขาต้องการการยอมรับจากลิโป้มากกว่าผู้ใด แม้จะเคยได้ร่วมดื่มสุรากับลิโป้ที่เมืองฉางอัน แต่เขาก็ไม่เคยนำเรื่องนี้ไปโอ้อวดต่อผู้ใด นั่นเพราะเขามีผลงานไม่พอจะให้อวดโอ่ สิ่งนี้ทำให้เขามีพยายามฝึกฝนอย่างหนักยิ่งกว่าผู้ใด ตันเตาที่เคยร่วมดื่มด้วยกันในคราวนั้น มาบัดนี้ก็ได้ขึ้นเป็นถึงแม่ทัพที่ได้คุมเมือง ขณะที่เขายังมีตำแหน่งไม่ถึงแม่ทัพ แล้วนี่จะทำให้เขาทนทานได้อย่างไร?
หลังจากวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นที่หนึ่งได้อย่างง่ายดาย ตำแหน่งถัดลงมาก็ไม่ได้ทำให้ลิโป้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด อันดับสองแน่นอนว่าต้องเป็นเตียนอุย แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจจริงๆก็คือ กวนอวี่กลับเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ห้า ต้องทราบว่านี่เป็นการแข่งขันระดับแม่ทัพ ขณะที่กวนอวี่ยังเป็นเพียงเสี้ยเว่ยเท่านั้น ดังนั้นจึงนับว่าไม่ง่ายเลยที่จะได้รับอันดับที่ห้ามาครอง
ลิโป้เดินไปหากวนอวี่ก่อนจะยกมือตบบ่าพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ไม่เลว"
กวนอวี่รู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนเกือบจะทรงตัวไม่อยู่ ในการแข่งขันเมื่อครู่เรียกได้ว่าเขาเค้นเรี่ยวแรงทั้งหมดออกมาแล้ว
"ขอบคุณท่านแม่ทัพมากขอรับ" ความเหน็ดเหนื่อยภายในใจกวนอวี่สลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง ในใจเขาเต็มไปด้วยความยินดี สามารถได้รับคำชมจากลิโป้ ความพยายามที่ทุ่มเทลงไปนับว่าไม่เสียเปล่าแล้ว
หลังจากเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งระยะยี่สิบกิโลเมตรแล้ว ลิโป้ก็ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันรายการอื่นๆอีก หากว่าเขาลงแข่งขันในการยิงธนู เช่นนั้นอันดับหนึ่งก็คงจะไม่ไปไหน เช่นเดียวกับการแข่งขันประเภทอื่นๆ
การแข่งขันคราวนี้ส่งผลต่อกองทัพปิ้งโจวอย่างลึกซึ้ง มีทหารระดับล่างได้รับการเลื่อนขั้นมากมาย ดังนั้นระลอกคลื่นที่เกิดขึ้นต่อกองทัพจึงเป็นที่คิดคำนวณได้ ดังเช่นจ้าวอู่ที่ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นเสี้ยวเว่ย กล่าวได้ว่าเขาก็คือผู้ที่ไต่เต้าตำแหน่งได้เร็วที่สุดในกองทัพปิ้งโจว
บัดนี้กองทัพปิ้งโจวตั้งเป้าหมายแรกคือมีกำลังทหารห้าหมื่นคน และมีกำลังพลสำรองจำนวนสองหมื่นคน เมื่อตำแหน่งในกองทัพว่างเว้นลง ผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นในกองทัพสำรองก็จะได้รับการบรรุจเข้ากองทัพ กำลังพลสำรองไม่จำเป็นต้องเข้ารับการฝึกฝนอย่างหนักทุกวันเช่นเดียวกับทหารในกองทัพ พวกเขาเพียงแค่ฝึกฝนครึ่งวันแล้วก็กลับบ้านไปพักผ่อน
การขยายกองทัพย่อมทำให้จวนเจ้าเมืองปิ้งโจวต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะมีผลกำไรมหาศาลจากสุราและกระดาษจิ้น เกรงว่าบัดนี้ปิ้งโจวคงล้มละลายไปแล้ว ซึ่งความจริง ผลกำไรที่สุราและกระดาษจิ้นทำได้นั้นยังอยู่เหนือความคาดหมายของลิโป้ไปไกล ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินความรักชอบในงานอดิเรกของผู้คนในยุคนี้ต่ำเกินไป พวกเขายอมไม่มีเนื้อสัตว์ให้กินมากกว่าจะยอมขาดสุรา เหล่าบัณฑิตผู้คงแก่เรียนเองก็ชอบดื่มสุรา เช่นเดียวกับบรรดาแม่ทัพบู๊
สุราจิ้นนั้นได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก เรื่องนี้ยังทำให้ตระกูลใหญ่ที่ต้องการจำทำการค้าก็เดินทางมาซื้อสุราจิ้นไปขายต่อ พวกพ่อค้าต้องการแรงงานคนยามเข้าและออกจากเมืองจิ้นหยาง ซึ่งนับเป็นการส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองของเมืองจิ้นหยางทางอ้อม พ่อค้าในจิ้นหยางย่อมเต็มใจทำการค้ากับพวกเซียนเป่ย เมื่อเทียบกับชาวฮั่นแล้ว ชนชาติเลี้ยงสัตว์เหล่านี้เพียงอธิบายได้ว่าเป็นปีศาจสุรา โดยเฉพาะในฤดูหนาว พวกเขาจะต้องดื่มสุราเพื่อให้นอนหลับสบาย พวกเขาย่อมไม่มีเงินทองมากมาย แต่พวกเขามีสิ่งของวัตถุดิบในการแลกเปลี่ยน และหลังจากวัตถุดิบเหล่านี้มาถึงปิ้งโจวแล้ว พวกเขาก็จะได้รับเงินและเสบียงตอบแทนจากพวกพ่อค้า
หลังจากการแข่งขันภายในกองทัพสิ้นสุดลง ลิโป้ก็เดินทางไปยังโรงเรียนจิ้นหยาง นอกจากกิจการด้านการทหารแล้ว ที่เขาให้ความสำคัญที่สุดก็คือโรงเรียนจิ้นหยางและโรงงานช่างฝีมือ สถานที่เหล่านี้ก็คือสถานที่ที่เขาทุ่มเทชีวิตจิตใจลงไปมากที่สุด ปิ้งโจวยังขาดขุนนางพลเรือน และเรื่องนี้ก็ยิ่งเห็นได้ชัดขึ้นหลังจากปิ้งโจวขยับขยายดินแดน
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนของตระกูลใหญ่จะไม่ยินยอมรับใช้จวนเจ้าเมืองปิ้งโจว และอีกไม่นานก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกในแผ่นดินต้าฮั่น นอกจากขุนนางบัณฑิตจากตระกูลที่ยากจนแล้ว ตระกูลที่ร่ำรวยก็มักจะไม่สนใจมาเข้าร่วมกับปิ้งโจว ไม่มีตระกูลใหญ่ใดเต็มใจจะยอมรับใช้เจ้านายที่ตัดเฉือนแบ่งผลประโยชน์ของพวกเขาไปแจกจ่ายแก่ชาวบ้านทั่วไป นี่ก็คือสภาพในปัจจุบันของราชวงศ์ฮั่น ยิ่งตระกูลใหญ่ถือครองทรัพยากรมากเพียงใด หากว่าชาวบ้านทั่วไปต้องการจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พวกเขาก็จะยิ่งพึ่งพาต่อตระกูลใหญ่มากขึ้นเป็นเงาตามตัว ดังเช่นอ้วนเสี้ยว โจโฉ แม้แต่คนอื่นๆเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เทียบกับแล้ว ปิ้งโจวดูเหมือนจะอยู่ในสภาพที่พิเศษและแปลกแยกกว่าที่อื่นๆ โรงเรียนจิ้นหยางกล่าวได้ว่าเป็นสถานที่แห่งความหวังของปิ้งโจว หากว่าขาดซึ่งผู้มีความรู้ความสามารถ แผ่นดินที่ถือกำเนิดจากทหารม้าก็ไม่อาจให้แม่ทัพทหารม้าขึ้นมาบริหารดูแล ในปิ้งโจวนั้นมีผู้ที่เก่งกาจทั้งบุ๋นและบู๊อยู่เพียงน้อยนิด
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved