ตอนที่ 148 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ชาวเซียนเป่ยสัญญาว่าจะจัดส่งสิ่งของให้ตามข้อเรียกร้อง ซึ่งทำให้ทหารม้าเฟยฉีและทหารม้าหมาป่าตื่นเต้นยินดี สิ่งนี้เป็นมากยิ่งกว่าชัยชนะ เป็นยิ่งกว่าความภาคภูมิใจ อาศัยกำลังทหารเพียงแคว้นเดียวก็สามารถทำให้ชนเผ่าเซียนเป่ยหวาดกลัวได้ พวกเขาได้บรรลุในสิ่งที่ต้าฮั่นไม่ได้บรรลุมาหลายสิบปีได้ แล้วจะไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นยินดีได้อย่างไร?

ปู้ตู้เกินอยากจะจบฝันร้ายนี้โดยเร็วที่สุด ดังนั้นเขาจึงได้ส่งทหารม้ากลับไปยังเซียนเป่ยตะวันตกเพื่อให้จัดเตรียมสิ่งของ ถึงอย่างไรปู้ตู้เกินก็มีบารมีอยู่ในเซียนเป่ยตะวันตก ในเวลาอันสั้นนี้ยังไม่มีผู้ใดคิดต่อต้าน แม้จะรู้สึกไม่เต็มใจ ชาวเซียนเป่ยก็ได้แต่ทุบหม้อข้าวตัวเองและส่งมอบของออกมา พวกเขาได้แต่ยอมรับความจริงเรื่องที่ว่าพวกเขาพ่ายแพ้แล้ว

ปู้ตู้เกินสามารถเดาได้เลยว่า เมื่อส่งมอบสิ่งของชดเชยเหล่านี้ออกไปแล้ว ชนเผ่าเซียนเป่ยคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะฟื้นตัว เขากระทั่งรู้สึกได้ลางๆว่าเซียนเป่ยตะวันตกกำลังจะตกต่ำลง ชาวฮั่นมีทัพม้าที่น่าเกรงขามเช่นนี้อยู่ พวกเขาก็ยากจะพัฒนาได้ มีหรือที่ชาวฮั่นจะมอบโอกาสให้พวกเขาได้แข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง? ปู้ตู้เกินพลันนึกถึงคำพูดที่แพร่หลายในหมู่ผู้อาวุโส "ต้าฮั่นนั้นแข็งแกร่ง" ครั้งนี้เขานับว่าเข้าใจแล้วว่ามันมีความหมายว่าอย่างไร

ความเกลียดชังที่หยั่งรากลึกมาหลายทศวรรษไม่ใช่สิ่งที่สามารถลบเลือนได้ด้วยการจ่ายค่าชดเชย ชาวเซียนเป่ยจะไม่ยอมแพ้ และชาวฮั่นก็จะไม่ให้อภัยชาวเซียนเป่ย ตัดสินจากคำรายงานของอาเหยียนตัวแล้ว เจ้าเมืองปิ้งโจวผู้นี้เป็นผู้ที่ชื่นชอบการทำสงคราม ในใจยังอดบังเกิดความรู้สึกขึ้นมาลางๆ ว่าทหารม้าทัพฮั่นที่ทำลายล้างชาวเซียนเป่ยจนย่อยยับนั้นจะมีเจ้าเมืองผู้นี้เป็นผู้นำ

แม้ในหมู่ชาวฮั่นจะมีเหล่าพ่อค้าที่แสวงหาผลกำไร กระนั้นพวกเขาก็ยังมีบรรทัดฐาน พวกเขาจะไม่ขายอาวุธ ชุดเกราะ หรือสิ่งของต้องห้ามใดให้กับชาวเซียนเป่ย ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีพ่อค้าชาวฮั่นหลั่งไหลกันเข้ามาในทุ่งหญ้าเป้นจำนวนมาก พวกเขานำเสื้อผ้า เครื่องเคลือบ และใบชาเข้ามาขาย ซึ่งแน่นอนว่าราคาที่ชาวเซียนเป่ยต้องจ่ายนั้นย่อมไม่ใช่น้อยๆ บางครั้งปู้ตู้เกินยังเกิดความคิดจะให้ทหารปลอมตัวเป็นโจรไปปล้นชิงมา ทว่าเหล่าหัวหน้าเผ่าต่างๆกลับไม่เห็นด้วย เพราะหากทำเช่นนั้น เมื่อเหล่าพ่อค้ากลับไปป่าวประกาศเรื่องอื้อฉาวของเซียนเป่ยตะวันตกที่ต้าฮั่น จำนวนพ่อค้าที่จะเดินทางมาแลกเปลี่ยนก็จะลดลงมากแน่นอน ผู้ที่ได้รับผลกระทบก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นชาวเซียนเป่ยเอง

ลิโป้เองก็มีความคิดหนึ่งบังเกิดขึ้นในใจเช่นกัน นั่นคือนำกำลังบุกโจมตีเซียนเป่ยตะวันตกและกำจัดมะเร็งร้ายที่คอยคุกคามปิ้งโจวให้สิ้นซาก หากแต่สถานการณ์ของปิ้งโจวเวลานี้ยังไม่ค่อยดี

......................................

เหล่าตระกูลใหญ่ในปิ้งโจวมองไม่เห็นอนาคต พวกเขารู้สึกหมดหวัง ดังนั้นจึงเสาะแสวงหาความช่วยเหลือจากภายนอก ดังเช่นอ้วนเสี้ยวแห่งกิจิ๋ว ชนเผ่าเซียนเป่ยรวมกำลังมาโจมตี ทัพกิจิ๋วก็เคลื่อนกำลังบุกตีด่าน นี่เป็นโอกาสสำหรับเหล่าตระกูลใหญ่ ยิ่งกว่านั้นลิโป้ยังไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นในจิ้นหยางนานแล้ว ดังนั้นเหล่าตระกูลใหญ่จึงเริ่มจะมีความเคลื่อนไหว

อ้วนเสี้ยวนั้นมาจากตระกูลขุนนาง ดังนั้นจึงน่าใกล้ชิดสนิทสนมกว่าในสายตาของเหล่าตระกูลในปิ้งโจว กอปรกับอ้วนเสี้ยวส่งคนมาลอบติดต่อกับพวกเขา ทำให้เหล่าตระกูลใหญ่รู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา

ในระหว่างนี้ กาเซี่ยงมีงานล้นมือ ทั้งยังเผชิญกับการลอบโจมตีหลายครั้งหลายครา หากไม่ใช่เพราะเหล่าองค์รักษ์ที่ลิโป้มอบให้ไว้พลีชีพเข้าปกป้อง เขาก็คงจะตายไปแล้ว การกระทำของเหล่าตระกูลใหญ่ได้สร้างความเดือดดาลแก่กาเซี่ยงยิ่ง และเมื่อกาเซี่ยงเดือดดาล ตระกูลใหญ่เหล่านั้นจะต้องสั่นกลัว ถึงอย่างไรเวลานี้กองทัพกิจิ๋วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะยึดด่านหูกวนได้ ดังนั้นกาเซี่ยงจึงเบนสายตามาจับจ้องเหล่าตระกูลใหญ่

ภายใต้มาตราการอันรุนแรงของกาเซี่ยง เหล่าตระกูลใหญ่ในปิ้งโจวก็ต้องประสบกับหายนะ กาเซี่ยงเข้าใจความสำคัญของการทำให้ปิ้งโจวมั่นคงดี เวลานี้ปิ้งโจวต้องรับศึกสองด้าน ซึ่งเรียกได้ว่านี่เป็นขีดจำกัดสูงสุดของปิ้งโจวแล้ว หลังจากส่งไพร่พลที่ประจำการอยู่ในเมืองจิ้นหยางออกไปไม่ได้หยุด เวลานี้ภายในเมืองจึงเหลือกำลังหทารเพียงสองพันนายเท่านั้น นี่ก็คือขุมกำลังกลุ่มสุดท้ายของปิ้งโจว กาเซี่ยงไม่กล้าเสี่ยงเดิมพัน ดังนั้นเพื่อที่จะสะกดตระกูลใหญ่เอาไว้ เขาจึงต้องใช้มาตราการที่รุนแรงสุดโต่ง

ที่ด่านหูกวน ด้วยการมาถึงของทัพหนุนจำนวนสองพัน เฮาเสงและเซ้งเหลียมก็ค่อยหายใจได้คล่องคอ ตลอดเดือนที่ผ่านมา งันเหลียงนำกำลังบุกโจมตีด่านหูกวนทั้งกลางวันและกลางคืน สร้างความกดดันแก่แม่ทัพเฝ้าด่านทั้งสองเป็นอย่างมาก ด่านหูกวนจะถูกตีแตกไม่ได้เด็ดขาด โชคดีที่แม่ทัพทั้งสองสามารถยับยั้งแผนการลุกฮือของตระกุลใหญ่ภายในด่านได้ทันการณ์ มิเช่นนั้นบัดนี้ด่านหูกวนอาจจะเปลี่ยนมือไปแล้ว

เพียงการเฝ้ารักษาด่านนั้นไม่มีอะไร แต่หากเกิดปัญหาขึ้นจากภายใน แม่ทัพทั้งสองก็คงยากจะรับมือไหว

พวกเขาส่งคนไปร้องขอกำลังเสริมจากเมืองจิ้นหยางอีกครั้ง แต่คำตอบก็ทำให้พวกเขาต้องนิ่งเงียบ จิ้นหยางไม่มีกำลังเสริมให้อีกแล้ว ข่าวเรื่องที่ชนเผ่าเซียนเป่ยรวมกำลังบุกโจมตีด่านเยี่ยนเหมินและเมืองหยุนจงนั้นไม่ใช่ความลับภายในปิ้งโจวหรือแม้แต่ทั้งแผ่นดิน เฮาเสงและเซ้งเหลียมเองก็เข้าใจถึงความลำบากของจวนเจ้าเมือง ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่กัดฟันยืนหยัดต้านทานต่อไป

หลังจากบุกตีด่านหูกวนนานนับเดือน กองทัพกิจิ๋วก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง ทุกวันต้องบุกตีด่าน ทิ้งซากศพไว้ที่หน้ากำแพงอยู่เกลื่อนกลาด รอจนได้ยินเสียงฆ้องสั่งถอยทัพ หน้าที่ของพวกเขาในวันนั้นก็เป็นอันจบลง พวกทหารค่อยๆกลายเป็นด้านชา จากเดิมที่เคยกลัวตาย มาตอนนี้พวกเขาไม่รู้สึกกลัวอีกแล้ว พวกเขาได้แต่นึกถึงสหายร่วมรบที่จากไปแล้วก็บังเกิดความเศร้าขึ้นมา ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ทราบว่าพรุ่งนี้จะเวียนมาถึงรอบของตนที่จะต้องตายหรือไม่

กับสถานการณ์นี้ ฮองกี๋เองก็รู้สึกจนปัญญา แม้ว่าการมีกุนซือจะสามารถสร้างความได้เปรียบได้ในระดับหนึ่ง แต่เมื่อต้องเผชิญกับการศึกที่จำเป็นต้องใช้กำลังหักหาญกันตรงๆเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่ได้มีบทบาทสำคัญสักเท่าใด ไม่ว่าเจ้าะมีกลยุทธ์ที่ดีเยี่ยมปานใด มันจะมีประโยชน์อะไรหากทัพกิจิ๋วไม่อาจตีหักด่านที่ตั้งขวางทางอยู่นี้ได้

......................................

สถานการณ์อันน่าเศร้าสลดในเมืองหยุนจงได้ลบเลือนความยินดีที่สามารถนำชัยชนะกลับมาได้ของลิโป้ไปเสียสิ้น ชาวเซียนเป่ยลงมือได้โหดเหี้ยมยิ่ง เมื่อพวกเขาขนกลับไปไม่ได้ พวกเขาก็จะไม่เหลือไว้ให้ชาวฮั่นเช่นกัน ทุกหมู่บ้านที่พบเจอในระหว่างทางง้นถูกเผาทำลายจนเหลือแต่ซาก ร่องรอยไฟไหม้และซากศพตามพื้นที่ยังคงไม่เน่าเปื่อยราวกับจะบอกกองทัพปิ้งโจวว่าพวกเขาต้องพบเจอโศกนาฏกรรมเช่นใด

"ในภายหน้า กองทัพปิ้งโจวจะต้องทำลายชนเผ่าเซียนเป่ยและล้างแค้นให้กับชาวฮั่นให้จงได้" ลิโป้กล่าวด้วยใบหน้าขาวซีด

เชลยศึกชาวเซียนเป่ยห้าพันกว่าคนได้รับการดูแลไม่ได้บกพร่อง หากไม่ใช่เพราะลิโป้สั่งการไว้อย่างเข้มงวดว่าห้ามสังหารเชลยศึกเหล่านี้ ทหารม้าเฟยฉีและทหารม้าหมาป่าคงสังหารพวกเขาไปนานแล้ว ห้ามฆ่า ไม่ได้หมายความว่าห้ามทรมาณ ดังนั้นในระหว่างทาง เชลยศึกชาวเซียนเป่ยจึงกลายเป็นกระสอบทรายให้ทหารระบายความคับแค้นเป็นครั้งคราว

"เฟิ่งเซี่ยว หากปิ้งโจวไร้ความสามารถ คงมีผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมากกว่านี้ ข้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกแล้ว"

กุยแกกุมมือกล่าวว่า "ใต้เท้ามีความทะเยอทะยาน ทว่ายังมีกำลังไม่เพียงพอ ดังนั้นข้าน้อยจึงอยากจะทุ่มเทความสามารถช่วยแบ่งเบาความกังวลของใต้เท้า" เมื่อเขาได้เห็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับชาวบ้าน กุยแกก็ไม่อาจสงบใจได้อีก เขามาจากครอบครัวที่ยากจน ดังนั้นย่อมเข้าใจความลำบากของชาวบ้านธรรมดา หากไม่ใช่เพราะมีวาสนาได้รับการสั่งสอนจากซินแสแว่นน้ำโดยบังเอิญ ชีวิตของเขาก็อาจจะไม่ได้ดีไปกว่าชาวบ้านเหล่านี้ ความโหดร้ายของชาวเซียนเป่ยได้ปลุกกระตุ้นความคิดของเขา วินาทีนี้ เขาก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะสนับสนุนลิโป้ เพื่อทำลายชนเผ่าเซียนเป่ย เพื่อให้ชาวปิ้งโจวได้มีชีวิตที่สงบสุขมั่นคง

"เฟิ่งเซี่ยว" สีหน้าของลิโป้ฉายแววตื่นเต้นยินดี "สักวันพวกเราจะทำลายชนเผ่าเซียนเป่ยให้สิ้นซาก"

กุยแกย่อมเข้าใจความหมายของลิโป้ ดังนั้นจึงประสานมือค้อมคำนับ "กุยแกคำนับนายท่าน ข้าน้อยเต็มใจจะช่วยนายท่านกำจัดชนเผ่าเซียนเป่ยและนำความสงบสุขมาสู่ต้าฮั่น"