ตอนที่ 127 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ทหารม้าเฟยฉีแต่ละนายล้วนมีม้าศึกคนละสามตัว ดังนั้นจึงมีความคล่องตัวสูง แม้ม้าศึกทั้งสามตัวจะสับเปลี่ยนกันแบบสุ่มก็ตาม แต่กระทั่งทหารม้าชั้นยอดของเซียนเป่ยก็ยังไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้

เผชิญกับทหารม้าทัพฮั่นจอมเจ้าเล่ห์ น่าปู้เกินก็รู้ปวดเศียรเวียนเกล้า โดยเฉพาะยามที่ได้เห็นธงรูปเหยี่ยวโบกสะบัด ประมุขเผ่าต่างๆเผยท่าทางตื่นเต้น ในยามนี้ ไม่มีผู้ใดในทุ่งหญ้าภาคกลางที่ไม่รู้ว่าธงเหยี่ยวนั้นเป็นสัญลักษณ์ของทหารม้าทัพฮั่น

หลังจากยืนยันแล้วว่าธงรูปเหยี่ยวเหล่านี้เป็นของทัพหลัก น่าปู้เกินก็โบกมือ ชาวเซียนเป่ยที่อยู่โดยรอบเริ่มโห่ร้องด้วยสุ้มเสียงสำเนียงประหลาด พวกเขายกชูอาวุธก่อนจะควบม้าโถมเข้าทหารม้าทัพฮั่น

หลังจากหายตกตะลึงกับสภาวะของชาวเซียนเป่ย ทหารม้าพันเก้าร้อยนายก็ชักม้าหลบหนีอย่างลนลาน การกระทำของพวกเขาอยู่เหนือความคาดหมายของชาวเซียนเป่ยโดยสิ้นเชิง

น่าปู้เกินมองดูทหารม้าฮั่นที่กำลังหลบหนีไปด้วยความสับสน จากนั้นเขาจึงตะโกนด้วยเสียงอันดัง "นักรบทั้งหลาย! ติดตามไปฆ่าชาวฮั่นขี้ขลาดเหล่านั้น!"

เวลานี้ชาวเซียนเป่ยกำลังฮึกเหิมเต็มที่ ดังนั้นจึงไล่ล่ากองทัพของลิโป้ไปอย่างไม่ลดละ

น่าปู้เกินพลันสังเกตเห็นว่ามีทัพฮั่นอีกสองสายกำลังเคลื่อนที่ไปทั่ว ดังนั้นเขาจึงแบ่งทหารม้าสองกลุ่มไปไล่ล่า แต่เขากลับคาดไม่ถึงว่าฉากเดิมจะปรากฏซ้ำ ทัพม้าทั้งสองล้วนถอยหนีทันทีที่โดยไม่ยอมเข้าปะทะ เรื่องนี้ทำให้น่าปู้เกินเกิดความสับสน นี่น่ะหรือทัพม้าที่บุกเข้ามาเข่นฆ่าชาวเซียนเป่ยราวกับปีศาจ? มีความกล้าเพียงน้อยนิด ดูท่าที่ผ่านมาคงใช้ออกด้วยวิธีการลอบโจมตีทั้งสิ้น

นึกถึงทหารฮั่นที่เขาเคยพบเจอมาในอดีตแล้ว น่าปู้เกินก็รู้สึกโล่งอก ในความเห็นของเขา แม่ทัพชาวฮั่นผู้นี้ไร้ความสามารถเกินไปแล้ว นอกจากเอาแต่ซ่อนตัวคอยลอบโจมตีแล้วก็ไม่มีความสามารถอื่นอีก มิเช่นนั้นจะหันหลังหนีโดยไม่ต่อสู้ได้อย่างไร?

การหลบหนีของทัพฮั่นทำให้ทหารเซียนเป่ยยิ่งได้ใจ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเร่งม้าไล่ตามเพียงใดก็ยังคงตามไม่ทัน

น่าปู้เกินมีประสบการณ์ในการทำศึกมามาก เผชิญกับสถานการณ์ที่เบื้องหน้า แม้จะรู้สึกสับสนอยู่บ้าง แต่เขาก็ทราบว่าคงไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้นชาวฮั่นมักชอบใช้กลอุบาย พอเขาทำความเข้าใจกับเรื่องราวได้แล้ว เหงื่อเย็นก็พลันผุดขึ้นทั่วร่าง เขารีบตะโกนสั่งห้ามไม่ให้ทหารเซียนเป่ยไล่ตามไป

ทว่าทหารม้าเซียนเป่ยทัพนี้เป็นการร่วมตัวนักรบจากหลากหลายชนเผ่า ยิ่งกว่านั้นชาวเซียนเป่ยยังมีวินัยต่ำมาแต่ไหนแต่ไร บัดนี้พวกเขากำลังเป็นฝ่ายมีเปรียบ แล้วมีหรือที่จะเชื่อฟังคำสั่งของน่าปู้เกิน? เมื่อปฏิกิริยาของนักรบทั้งหมด น่าปู้เกินก็ได้แต่กัดฟันแล้วไล่ตามทัพฮั่นต่อไป ในใจได้แต่ภาวนาว่าทัพฮั่นจะไม่มีกลอุบายตามหลัง

หลังจากไล่ตามอย่างต่อเนื่องร่วมชั่วโมง ทหารม้าเซียนเป่ยก็ค่อยๆรู้สึกเหนื่อยล้า แต่ความเร็วของทัพฮั่นทางด้านหน้าเองก็ช้าลงเช่นกัน กระทั่งยังดูเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้ายิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก ดังนั้นทหารเซียนเป่ยจึงไล่ตามไปด้วยความฮึกเหิมอีกครั้ง

"ยิงธนู!" ลิโป้ยกยิ้มเย็น ทวนกรีดนภาถูกส่งต่อให้ทหารที่อยู่ทางด้านข้างก่อนจะเปลี่ยนมาถือคันธนู เมื่อยิงออกไปสังหารทหารม้าเซียนเป่ยที่อยู่หน้าสุดจนร่วงจากหลังม้า

ทักษะการยิงธนูของลิโป้ร้ายกาจยิ่ง ควบคู่กับพักหลังมานี้ลิโป้หมั่นฝึกฝนการยิงธนูมาโดยตลอด การใช้ธนูในสนามรบเองก็เป็นตัวเร่งทำให้เขายิงธนูได้ชำนาญกว่าเดิม รวมกับมีประสบการณ์การเป็นหน่วยรบพิเศษในชีวิตก่อน เมื่อปัจจัยเหล่านี้ถูกนำมาผสมผสานเข้าด้วยกัน ทักษะยิงธนูของเขาก็เพิ่มความน่าพรั่นพรึงขึ้นอีกหลายส่วน

ห่าธนูที่พุ่งย้อนกลับมาทำให้ทหารเซียนเป่ยที่กำลังไล่ตามเหม่อมองตาค้าง เมื่อตั้งสิตได้จึงรีบหยิบคันธนูออกมาเพื่อจะโต้ตอบกลับไป ทว่าทัพฮั่นนั้น หลังจากยิงธนูระลอกแรกเสร็จก็เร่งความเร็วขึ้นอีกครั้ง ความเป็นระบบระเบียบของทหารม้าเฟยฉีทำให้ชาวเซียนเป่ยได้แต่มองดูด้วยความตะลึง

ความตายของพวกพ้องได้สะกิดความดุร้ายของชาวเซียนเป่ยขึ้นมา พวกเขาไม่เกรงกลัวความตายเพราะต้องใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายอยู่ชั่วนาตาปี พวกเขาเชื่อว่าแม้แต่ศัตรูที่ร้ายกาจก็ยังสามารถเอาชนะได้ สิ่งนี้ทำให้พวกเขาบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม

มุมปากของน่าปู้เกินกระตุกเบาๆ ฝนธนูเมื่อครู่ทำให้ฝ่ายเขาเสียกำลังทหารไปร้อยกว่าคน ทั้งยังทำให้ทหารม้าเซียนเป่ยเร่งไล่ตามไปโดยไม่รอฟังคำสั่งจากเขา

ในขณะเดียวกันนั้นเอง จูล่งที่นำทหารม้าห้าร้อยนายก็ได้หลอกล่อทหารม้าเซียนเป่ยจำนวนหนึ่งพันนายไปทางทิศตะวันออก เขาไม่ได้เห็นทหารม้าจำนวนหนึ่งพันนี้อยู่ในสายตาด้วยซ้ำ ต่อให้ประจัญหน้ากันโดยตรง เขาก็มั่นจะว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ แต่นั่นก็คงเป็นสถานการณ์ที่สังหารข้าศึกหนึ่งพัน ตนเองสูญเสียแปดร้อย ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อการรบระยะยาว ลิโป้ได้กล่าวกำชับเอาไว้ ว่ารอจนข้าศึกเหน็ดเหนื่อยก่อนค่อยลงมือ จึงจะลดการสูญเสียได้มากที่สุด

"เตรียมธนู!" ขณะที่ควบม้า จูล่งก็ตะโกนสั่งการ เขาเปลี่ยนจากหอกมาถือคันธนู เมื่อน้าวสายจนสุด จูล่งก็พลันตะโกน "ยิงได้!"

เมื่อสามารถเข้ามาเป็นทหารม้าเฟยฉีได้ ฝีมือการขี่ม้ายิงธนูของพวกเขาย่อมไม่มีผู้ใดรู้สึกกังขา ทหารม้าเซียนเป่ยถูกยิงล้มตายดุจใบไม้ร่วง ทำให้ทหารม้าเซียนทางด้านหลังต้องหยุดการไล่ล่าไปชั่วขณะ

จูล่งเก็บคันธนูก่อนจะแสร้งลดความเร็วราวกับเหน็ดเหนื่อยยิ่ง เปิดโอกาสให้ทหารเซียนเป่ยได้ติดตามมาอีกคำรบ

แล้วมีหรือที่ชาวเซียนเป่ยจะทนการหยามหยันเช่นนี้ได้? ทั้งอีกฝ่ายยังกล้ามาแสดงฝีมือการยิงธนูต่อหน้าจ้าวแห่งทุ่งหญ้าเช่นพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงคำรามพลางควบม้าตามไป

เปลี่ยนม้า หลบหนีโดยรักษาระยะ ยิงธนู แล้วหลบหนี เหตุการณ์เช่นนี้ดำเนินวนเวียนไปอีกหลายครั้ง

ทหารม้าเซียนเป่ยที่กำลังไล่ตามพลันรู้สึกสิ้นหวัง กล่าวตามตรงแล้ว ควรจะเป็นฝ่ายหลบหนีที่ต้องรู้สึกสิ้นหวัง แต่ทุกครั้งที่มองดูทัพฮั่นที่อยู่ทางด้านหน้า พวกเขาก็ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะหันกลับมายิงธนูใส่พวกเขาเมื่อใด ตอนยิงธนูระลอกแรกสุด ความเร็วของทั้งสองฝ่ายมีเท่าๆกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ข้อดีของการมีม้าศึกหลายตัวก็ค่อยๆเด่นชัดขึ้น ห่าธนูที่ยิงเข้าใส่ทำให้ทหารเซียนเป่ยต้องปวดเศียรเวียนเกล้า ความไร้ยางอายของทัพฮั่นทำให้ทหารเซียนเป่ยโมโหจนต้องไล่ตามต่อไปอย่างไม่ลดละ

น่าปู้เกินยิ่งมาก็ยิ่งมั่นใจว่านี่เป็นอุบายของชาวฮั่น หากแต่เวลานี้นั้น คำพูดของเขากลายเป็นสิ่งไร้ค่าไปเสียแล้ว

ช่องว่างด้านจำนวนของทั้งสองฝ่ายเริ่มขยับเข้าหากัน กุยแกรู้สึกเลื่อมใสต่อกลยุทธ์นี้ของลิโป้ยิ่ง หากว่าทหารเซียนเป่ยไม่ไล่ตามมา หรือพวกเขายังจะนิ่งดูดายปล่อยให้ทัพฮั่นยกพลไปกวาดล้างชนเผผ่าต่างๆ? แม้จะรู้สึกขมขื่นเพียงใด พวกเขาก็มีแต่ต้องไล่ตามมาเท่านั้น ไม่มีทางเลือกอื่นอีก

"เปลี่ยนม้า! เตรียมสู้ศึก!" ลิโป้พลันตะโกน ทหารม้าใต้บัญชาของเขารีบปฏิบัติตามคำสั่ง พวกทหารเปลี่ยนเป็นคึกคักขึ้นมา หลายคนกระทั่งหันไปมองทหารเซียนเป่ยที่ไล่ตามมาด้วยสีหน้าหยอกเย้า

ทหารม้าเฟยฉีมีกำลังอยู่ราวหนึ่งพันเก้าร้อยนาย หลังจากหลอกล่อทหารม้าเซียนเป่ยไปได้อีกระยะหนึ่ง พวกเขาก็พลันหันหัวม้ากลับมาโจมตีทหารเซียนเป่ยโดยมีลิโป้เป็นหัวหอก

ทหารม้าเซียนเป่ยที่ติดตามมาพลันทำอะไรไม่ถูก นี่มันเรื่องอะไรกัน? ไฉนจู่ๆจึงกลับมาแล้ว?

สีหน้าของน่าปู้เกินค่อยผ่อนคลายลง ระหว่างที่ไล่ตามทัพฮั่นมา พวกเขาสูญเสียกำลังไปแปดร้อยกว่าคนแล้ว ทว่านับแต่เริ่มต้นจนกระทั่งตอนนี้ พวกเขาก็ยังไม่มีโอกาสได้ยิงธนูออกไปเสียที เพราะทัพฮั่นมักจะหลบหนีไปเสียก่อน

การหันกลับมาโจมตีอย่างฉับพลันของทหารม้าเฟยฉีทำให้ทหารม้าเซียนเป่ยไม่ทันตั้งตัว กว่าจะรู้ตัวพวกเขาก็ถูกห่าธนูยิงร่วงม้าไปแล้ว เพราะคาดคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะหันกลับมาเล่นงาน ทหารม้าเซียนเป่ยกว่าสองร้อยชีวิตจึงต้องดับดิ้นไป ขณะที่จะหยิบคันธนูออกมาเตรียมยิง อีกฝ่ายก็เข้ามาใกล้เกินไปเสียแล้ว เพียงชั่วอึดใจ อีกฝ่ายก็มาถึงเบื้องหน้า