"สิ่งที่ล่อตาล่อใจ?" ลิโป้เผยสีหน้าครุ่นคิด แม้แต่เขาก็ยังถูกคำว่า "สิ่งที่ล่อตาล่อใจ" นี้ดึงดูด หากว่าข้อเสนอของกองซุนจ้านใจป้ำมากพอ ก็ไม่ใช่ว่าทหารปิ้งโจวจะไม่อาจเคลื่อนกำลังได้เสียทีเดียว สำหรับการพักทัพนั้น เพียงเป็นคือข้ออ้างที่ใช้ตบตาผู้คนในแผ่นดิน ที่ปิ้งโจวต้องการที่สุดในตอนนี้ก็คือไพร่พล พวกเขามีเสบียงอาหารเพียงพอแล้ว ก่อนหน้านี้ ด้วยความช่วยเหลือจากบิต๊ก อิวจิ๋วนั้นมีทั้งอาหารและยุทธภัณฑ์กักตุนไว้มากมาย ดังนั้นขณะที่กลับมายังปิ้งโจว ลิโป้จึงกำลังคิดที่จะบุกยึดมณฑลซือลี่(ราชธานี)มาไว้ในมือ
แม้ว่ามณฑลซือลี่จะเผชิญผ่านหายนะมามากมาย กระนั้นก็ยังมีเปรียบในด้านจุดยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะเมืองฉางอันที่เป็นรากฐานของราชวงศ์มาแล้วหลายยุค และพื้นที่กวนตงที่ง่ายแก่การป้องกัน ขณะที่สถานการณ์ทั่วแผ่นดินกำลังเกิดการพลิกผันครั้งใหญ่ การฉวยโอกาสขยับขยายอำนาจย่อมดีกว่าจะจับเจ่าอยู่ที่ปิ้งโจว
"ข้ากลับคิดว่าอิวจิ๋วกระทั่งยังแร้นแค้นกว่าพวกเรา แล้วเขาจะไปหาสิ่งนั้นมาจากไหน?" ลิโป้ถามด้วยความสับสน
"นายท่าน แม้ว่าอิวจิ๋วจะแร้นแค้น แต่ก็ยังมีเมืองเอกมากถึงสิบเอ็ดเมือง มีอำเภอถึงเก้าสิบอำเภอ เมืองไต้จิ๋วเองก็มีเขตแดนเชื่อมต่อกับปิ้งโจวเรา หากว่ากองซุนจ้านเสนอจะยกเมืองไต้จิ๋วให้นายท่านเล่า?" กุยแกเอ่ยตอบ
ลิโป้สีหน้าแข็งค้าง เมืองใหญ่แห่งหนึ่งนับว่าล่อตาล่อใจยิ่ง นั่นยังไม่รวมถึงอำเภอโดยรอบ หากได้เมืองไต้จิ๋วมา นั่นก็หมายความว่าในอนาคต ปิ้งโจวจะมีเส้นทางที่ใช้เข้าสู่อิวจิ๋วได้โดยตรง หากว่าปรับใช้นโยบายของจวนเจ้าเมืองไปที่นั่นด้วย ก็คงจะมีผู้คนมากมายมหาศาลหลั่งไหลกันเข้ามาลี้ภัย ซึ่งนั่นก็จะยิ่งเพิ่มอิทธิพลของปิ้งโจวในอิวจิ๋วอย่างใหญ่หลวง และเมือถึงตอนนั้นการจะครอบครองอิวจิ๋วก็จะง่ายขึ้นมาก
"นายท่าน บัดนี้ปิ้งโจวยังมีทหารน้อยเกินไป ทัพใหม่ก็กำลังอยู่ในช่วงของการฝึกฝน กองทัพที่ใช้เฝ้าอำเภอหยุนจงและด่านเยี่ยนเหมินแน่นอนว่าไม่อาจใช้สอย ในการศึกกับชาวเซียนเป่ย ทัพเฟยฉีเองก็เสียกำลังคนไปไม่น้อย แม้ว่าจะคัดคนเข้ามาเติมจากทัพต่างๆแล้วก็ตาม หากแต่ขีดความสามารถในการสู้รบก็คงไม่อาจเทียบได้กับในอดีต บัดนี้เมืองจิ้นหยางเหลือทหารอยู่สองหมื่นคน ขณะที่ปิ้งโจวเองก็ยังจำเป็นต้องใช้ทหารเฝ้ารักษา" กุยแกกระตุ้นเตือน
"นั่นก็จริง เห็นทีปิ้งโจวคงต้องเกณฑ์ทหารเพิ่ม" ลิโป้ถอนหายใจ
"นายท่านช่างปราดเปรื่องยิ่ง!" กุยแกกุมมือกล่าว หลังจากที่ลิโป้ปรับโฉมกองทัพปิ้งโจวใหม่ ความเข้มแข็งทางการทหารของปิ้งโจวก็เพิ่มพูนขึ้นหลายระดับ กุยแกเองก็กำลังคิดหาวิธีจะเกลี้ยกล่อมให้ลิโป้รับสมัครไพร่พลเพิ่มอยู่พอดี เพียงแต่การเกณฑ์ทหารนั้นต้องใช้เงิน หากว่ามีกำลังทหารมากเกินพอดี ภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลก็จะตกอยู่กับจวนเจ้าเมืองจนไม่อาจแบ่งสรรไปใช้กับเรื่องอื่น
"เฟิ่งเซี่ยวอย่าได้ยกยอข้าแล้ว" ลิโป้หัวเราะ
"สำหรับจำนวนนั้น สามหมื่นคนกำลังเหมาะ" กุยแกกล่าว อันที่จริงปิ้งโจวเวลานี้มีรากฐานไม่เลวเลย ที่ปิ้งโจวยังขาดอยู่ก็คือจำนวนทหาร ลิโป้มุ่งเน้นพัฒนากองทัพชั้นยอดมาโดยตลอด ดังนั้นต่อให้จะสูญเสียไพร่พลไปในการศึกกับชนเผ่าเซียนเป่ยมากมาย แต่ก็ยังสามารถคัดเอาทหารจากกองทัพต่างๆมาเติมเต็มส่วนที่ขาดได้ทันที ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าปิ้งโจวจะมีกำลังเพียงพอที่จะปกป้องตัวเองและต้องการจะขยายดินแดนเพิ่มแล้ว พวกเขากำลังมีทหารไม่พอให้ใช้สอย
แน่นอน แม้กุยแกจะทราบว่ากองทัพปิ้งโจวนั้นมีภาระค่าใช้จ่ายมหาศาล และเงินคงคลังของปิ้งโจวกว่าครึ่งก็ถูกใช้ไปกับกองทัพ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าปิ้งโจวให้ความสำคัญกับกองทัพมากกว่าด้านอื่นๆ
"ดี ข้าจะมอบหน้าที่การฝึกฝนกำลังพลให้กับโจเส็งและตันเต้า" ลิโป้กล่าว ตันเต้านับว่ามีความสำคัญต่อเขามาก เมื่อครั้งพวกเซียนเป่ยบุกโจมตีอำเภอหยุนจง เขาสามารถนำเหล่าทหารเข้าต่อต้านการรุกจากพวกเซียนเป่ยได้ เท่านี้ก็เพียงพอจะบอกได้แล้วว่าตันเต้ามีพรสวรรค์ในด้านการฝึกฝนทหารมากเพียงใด
หลังจากกลับมาถึงปิ้งโจว ลิโป้ก็ค่อนข้างยุ่ง ลิโป้เเรียกประชุมและเอ่ยถึงเรื่องการก่อตั้งสำนักคุ้มภัยเป็นเรื่องแรก ผลประโยชน์อันมหาศาลที่สำนักคุ้มภัยจะมอบให้นั้นทำให้ลิโป้กระตือรือร้นต่อเรื่องนี้มาก อาจกล่าวได้ว่าเรื่องนี้จะทำให้ปิ้งโจวสามารถสร้างกองทัพใหญ่ขึ้นได้จากการสนับสนุนของเหล่าพ่อค้า
แน่นอนว่าการจัดตั้งสำนักคุ้มภัยนั้นย่อมต้องโฆษณาผ่านหนังสือพิมพ์ต้าฮั่น หลังจากที่ลิโป้เข้าหารือกับซัวหยงแล้ว ซัวหยงก็ตอบตกลง ศิษย์ของเขาผู้นี้นับว่ามีความคิดบรรเจิดและแปลกใหม่ ซัวหยงเริ่มปรับตัวตามจนพอจะคุ้นชินบ้างแล้ว เขากระทั่งคิดการสร้างเครื่องพิมพ์กระดาษและกระดาษออกมาได้ ดังนั้นย่อมไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้น การจัดตั้งสำนักคุ้มภัยยังกระทำไปเพื่อความปลอดภัยของพวกพ่อค้า ทำให้พวกผู้คุ้มกันเหล่านี้สามารถเดินทางท่องไปทั่วแผ่นดินได้โดยไม่ถูกพวกเจ้าเมืองสกัดไว้
ลิโป้คิดว่าผู้คุ้มกันนั้นจำเป็นจะต้องมีฝีมือพอตัว บุคคลเหล่านี้เป็นประเภทที่เดินอยู่ริมน้ำ สักวันย่อมต้องเปียกน้ำ จำต้องมีวิธีคุ้มครองความปลอดภัยให้กับพวกพ่อค้าอย่างหลากหลาย พวกพ่อค้ามีเส้นสายอยู่มากมาย การติดต่อสื่อสารจึงค่อนข้างสะดวก ทหารที่ส่งไปเป็นผู้คุ้มกันเหล่านี้ก็แค่เผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉินและเพื่อคุ้มกันขบวนสินค้าเท่านั้น
หากแต่ปิ้งโจวในปัจจุบันยังคงขาดแคลนผู้คนที่มีประสบการณ์ในแวดวงนี้
สำนักคุ้มภัยได้รับการตั้งชื่อว่า "สำนักคุ้มภัยเจิ้นเหยี่ยน" กุยแก กาเซี่ยง และคนอื่นๆต่างก็พึงพอใจต่อชื่อนี้ ผู้คุ้มกันออกท่องไปทั่วทุกทิศ นั่นไม่ใช่เจิ้นเหยี่ยน(สะท้านภพ)หรอกหรือ?
ด้วยการสนับสนุนจากจวนเจ้าเมืองและพื้นหลังของตระกูลบิ หลังจากเข้าสู่ปิ้งโจวแล้ว ตระกูลบิก็สามารถปรับตัวเข้ากับปิ้งโจวได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ลิโป้กระทั่งยื่นเรื่องการก่อตั้งสำนักคุ้มภัยให้บิต๊กและบิฮองรับไปดูแล ตอนที่คิดจะก่อตั้งสำนักคุ้มภัย บิต๊กก็มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ นอกจากนี้ ตระกูลบิยังทำการค้ามาหลายปี มีประสบการณ์ในด้านนี้ดี อีกทั้งลิโป้ยังได้มอบหมายให้บิต๊กจัดหาคนในแวดวงนี้เข้ามาด้วย
การมาถึงของตระกูลบิ แม้ว่าเหล่าพ่อค้าดั้งเดิมในปิ้งโจวจะประสบกับความสูญเสียในระดับหนึ่ง แต่ความสนใจของตระกูลบิเวลานี้มุ่งไปที่สำนักคุ้มภัย ด้วยสายตาอันกว้างไกลของบิต๊ก เขาย่อมมองเห็นโอกาสในสำนักคุ้มภัยนี้
บิฮองยิ่งมายิ่งตื่นเต้น เขาเป็นแม่ทัพในกองทัพ และเขาก็หลงใหลกับการบัญชาทัพ หลังจากก่อตั้งสำนักคุ้มภัย ก็จะมีทหารจำนวนมากในหมู่พวกเขาแน่นอน จากวิสัยทัศน์ของบิต๊กแล้ว จำนวนของทหารในสำนักคุ้มภัยอาจจะมีจำนวนถึงหลายพันคนในอนาคต เมื่อคิดว่าจะได้ดูแลทหารจำนวนหลายพันคนแล้ว บิฮองก้รู้สึกคึกคักขึ้นมา เพราะว่าทหารเหล่านี้ไม่เหมือนกับทหารของชีจิ๋ว ทหารของปิ้งโจวนั้นล้วนแต่เป็นทหารชั้นยอด
สิ่งที่บิต๊กกังวลมากที่สุดไม่ใช่เรื่องสำนักคุ้มภัย หากแต่เป็นเรื่องของน้องสาวของเขา บิเจิน เขาเองก็มองออกว่าบิเจินมีใจให้ลิโป้ เพียงแต่พฤติกรรมของลิโป้นั้นสร้างความสับสนมึนงงแก่เขาอยู่บ้าง นั่นคือนิ่งเฉย ทั้งไม่ปฏิเสธหรือตอบตกลง เขาเดินทางไปปรึกษากับกุยแกมาแล้วหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่มีผลลัพธ์ ในปิ้งโจวนี้ นอกจากลิโป้แล้ว ที่ตระกูลบิสร้างพึ่งพิงได้ก็คือ กุยแก
ข่าวเรื่องที่กองทัพปิ้งโจวจะรับสมัครทหารเพิ่มอีกสามหมื่นคนได้แพร่กระจายไปทั่วทุกเมืองและอำเภอของปิ้งโจว ผู้คนต่างก็กระตือรือร้นจะเข้าร่วม หลังจากจบศึกกับพวกเซียนเป่ยแล้ว ชาวปิ้งโจวก็สามัคคีกันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พวกเขารู้สึกว่าการศึกสงครามนั้นเกี่ยวพันกับพวกเขาอย่างลึกซึ้ง มีเพียงปิ้งโจวสงบมั่นคงเท่านั้น พวกเขาจึงจะสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสงบต่อไป ข้าว่ากองทัพข้าศึกล่วงล้ำเข้ามาในปิ้งโจว นั่นคงจะเป็นฝันร้ายของพวกเขา
เมืองและอำเภอต่างๆล้วนให้ความสำคัญกับการเกณฑ์ทหารเป็นอันดับแรก หลังจากทำการคัดเลือกอย่างละเอียดแล้ว ทหารเหล่านี้ก็จะถูกส่งไปที่จิ้นหยาง
เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการเกณฑ์ทหารต่างก็ยุ่งวุ่นวายจนหัวหมุน โดยเฉพาะผู้คนต่างก็แนะนำบุตรหลานของพวกเขาเข้ามา ฉากนี้วุ่นวายไม่ต่างไปจากการทำงานในออฟฟิศ หลายคนกระทั่งบอกเล่าว่าบุตรหลานของตนนั้นสามารถกินได้อาหารได้หลากหลายปานใด ไม่ทราบเป็นผู้ใดที่นำไปเล่าต่อชาวบ้าน ว่าทหารในกองทัพนั้นต้องสามารถกินได้ทุกอย่าง ผู้ที่เลือกกินก็จะไม่มีกำลังวังชาในการฝึกฝน
เจ้าหน้าที่ได้แต่คัดกรองคนด้วยความระมัดระวัง มีคนหนุ่มและแข็งแรงหลายคนให้เลือกมากมาย แม่ทัพที่มีหน้าที่ในการรับสมัครจึงคัดเลือกแต่คนที่หนุ่มและแข็งแรงเข้ามา
หลังจากเข้าสู่ปิ้งโจว ที่สร้างความประทับใจให้กับจูล่งมากที่สุดก็คือ ถนนหนทางที่กว้างขวาง แม้ว่าจะมีฝนตกลงมาก็ไม่มีก่อให้เกิดหลุมบ่อโคลน เมื่อม้าวิ่งอยู่บนถนนก็เกิดเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้นอย่างชัดเจน รถม้าสามารถแล่นผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว บนถนนเช่นนี้ ต่อให้รถม้าจะวิ่งด้วยความเร็ว มันก็ยังมั่นคงมาก
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved