ตอนที่ 51 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ได้ยินเสียงตอบรับที่เบาหวิว ลิโป้ก็ส่ายหน้าเบาๆ "ดูเหมือนพวกเจ้าจะยังไม่เข้าใจ เอาล่ะ ตอนนี้จะให้พวกเจ้าลงมือปฏิบัติแล้ว หากไม่มีคำสั่งจากข้า พวกเจ้าห้ามหยุดทำเด็ดขาด ในเมื่อยืนอยู่เฉยๆมันง่าย เช่นนั้นข้าก็จะหาอะไรให้พวกเจ้าทำ...."

หลังจากมึนงงเล็กน้อย พวกทหารก็เริ่มทำท่าตามที่ลิโป้สอนให้ หลายคนคิดว่าท่านี้ช่างง่ายดายนัก แต่หลังจากทำไปได้สักพัก พวกเขาก็เริ่มรู้สึกกดดัน จากที่เคยพูดคุยไปทำไป บัดนี้พวกเขาเริ่มปิดปากเงียบ แขนทั้งสองเริ่มรู้สึกชา ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

ลิโป้พยักหน้า ตอนนี้ผ่านมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว ศักยภาพของทหารเหล่านี้ยังดีอยู่ "ตอนนี้พวกเจ้าเข้าใจหรือยังว่าการวิดพื้นคืออะไร?"

"ในอนาคตกองทัพจะใช้ระบบการนับแต้ม ผู้ใดมารวมพลสายจะถูกตัดห้าแต้ม พูดคุยในแถวตัดสองแต้ม ส่วนคนที่ไม่ผ่านการฝึกจะถูกส่งกลับไปยังต้นสังกัดเดิม" ลิโป้อธิบายกฏใหม่คร่าวๆ และให้โกซุ่นไปอธิบายรายละเอียดทีหลัง ซึ่งระบบนี้จะช่วยดัดนิสัยพวกทหารที่แข็งกระด้างให้มีวินัยมากยิ่งขึ้น

"ตอนนี้ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังเหลือเวลาอีกสิบห้านาที หากผู้ใดทำต่อไม่ไหวก็ให้ลุกขึ้นยืน แม่ทัพผู้นี้จะให้คนพาเจ้ากลับไปส่งที่เมืองเอง" ลิโป้ยกมือไพล่หลังเดินตรวจดูพลางกล่าวอย่างผ่อนคลาย

เมื่อได้ยินดังนั้น ทหารทุกนายก็กัดฟันทนต่อ พวกเขาเพิ่งผ่านการคัดเลือกเข้ามา หากมาได้ประเดี๋ยวเดียวแล้วถูกส่งกลับจะไม่เป็นที่หัวเราะเยาะของทหารคนอื่นๆเอาหรอกหรือ? ทุกคนล้วนมีความภูมิใจของตนเอง ย่อมไม่มายอมแพ้อะไรง่ายๆ

"อืม ไม่เลว ไม่เลว" ลิโป้กล่าวด้วยรอยยิ้ม "พวกที่นอนอยู่บนพื้นนั่นน่ะ ลุกขึ้นเถอะ พื้นดินเย็นเสียขนาดนั้น เดี๋ยวก็แข็งตายหรอก"

แม้ลิโป้จะกล่าวอย่างนุ่มนวล หากแต่ผู้ที่ได้ฟังกลับต้องรู้สึกอับอาย เพราะคำพูดนี้เป็นการบอกว่าพวกเขาอ่อนแอกว่าพี่น้องทหารคนอื่นๆ

บาร์เดี่ยว บาร์คู่ และสนามวิ่งระยะสั้นล้วนเป็นสิ่งที่พวกทหารไม่เคยพบเห็นมาก่อน เมื่อพวกเขาไม่ผ่านการทดสอบ พวกเขาก็จะถูกส่งกลับไป ภายในเวลาเพียงครึ่งวัน จากทหารหัวกะทิจำนวนหนึ่งพันนายก็ถูกคัดออกจนเหลือเพียงเจ็ดร้อยสองนาย

"พวกเจ้าทั้งเจ็ดร้อยยี่สิบคนที่อยู่ตรงนี้นับว่ายอดเยี่ยมยิ่ง ทว่าน่าเสียดาย แม่ทัพผู้นี้ต้องการคนเพียงสามร้อย ซึ่งนั่นหมายความว่ายังต้องคัดคนออกอีกสี่ร้อยยี่สิบคน ส่วนเกณฑ์การคัดออกนั้น อีกไม่นานพวกเจ้าก็จะได้ทราบเอง เอาล่ะ ขอให้พวกเจ้าโชคดี" หลังลิโป้ส่งต่ออำนาจการควบคุมให้โกซุ่นฝึกต่อ เขาออกจากภูเขา ทหารที่เหลืออยู่จะต้องเผชิญกับบททดสอบสุดโหดหิน หากพวกเขาสามารถผ่านมาได้ ในอนาคตพวกเขาจะต้องเป็นผู้ที่โดดเด่นในสนามรบอย่างแน่นอน

โกซุ่นเริ่มเข้าสู่เส้นทางของครูฝึก หนึ่งเดือนต่อมา ทหารจำนวนสี่ร้อยยี่สิบคนก็ยังฝึกฝนอยู่ภายในภูเขาลู่เหลียง ท่าทางของพวกเขาไม่หย่อยยานอีก บัดนี้แววตาของทุกคนล้วนคมกล้า เผยความมุ่งมั่นตั้งใจออกมาเต็มเปี่ยม

การฝึกฝนเป็นเวลาสี่เดือนจะช่วยปรับปรุงพื้นฐานของทหารเหล่านี้ให้เตรียมพร้อมสำหรับการฝึกในอนาคต

ทุกอย่างในเมืองจิ้นหยางกำลังพัฒนาไปตามแนวทางที่ลิโป้วางเอาไว้ เมื่อไม่มีเหล่าตระกูลใหญ่คอยเป็นอุปสรรค แผนการพัฒนาเมืองก็รวดเร็วยิ่งขึ้น โรงเรียนสร้างเสร็จแล้ว หอวีรชนเองก็ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ที่ใจกลางเมือง เรียกความสนใจจากชาวเมืองได้เป็นอย่างดี พวกเขาต่างก็สงสัย ไฉนใต้เท้าเจ้าเมืองจึงสร้างหอสูงนี้ไว้ภายในเมือง

ในชีวิตก่อนลิโป้เป็นทหารหน่วยรบพิเศษคนหนึ่ง แต่บัดนี้เขาเป็นแม่ทัพผู้บัญชาการ ในด้านการเมืองนั้นเขาไม่ได้สนใจแต่อย่างใด ในความเห็นของเขาแล้ว อะไรก็ตามที่ขัดขวางการพัฒนาปิงโจวล้วนต้องถูกกำจัดทิ้ง ในเมื่อเขาไม่อยากพบปะพูดคุยเรื่องการเมืองกับผู้อื่น เขาจึงปล่อยตัวตามสบาย เป็นตัวของตัวเอง ใช้กำปั้นแทนการพูดคุย

"แม่ทัพผู้นี้จะสาธิตการใช้งานอาวุธเหล่านี้ทีละชิ้น หวังว่าพวกเจ้าจะตั้งใจเรียนรู้ให้ดี ศัตรูในสนามรบย่อมไม่รู้สึกเวทนาเพราะพวกเจ้าอ่อนแอ และในทางกลับกัน ข้าเองก็ไม่ต้องการให้พวกเจ้าเวทนาศัตรูเพราะพวกเขาอ่อนแอเช่นกัน ศัตรูที่เป็นมิตรที่สุด คือศัตรูที่ตายไปแล้ว" ลิโป้กวาดมองทหารจำนวนห้าร้อยสิบนายที่ยืนแถวตรงอยู่ในลานกว้าง

ทหารทั้งหมด รวมทั้งโกซุ่นและเตียนอุยต่างก็จับจ้องมาทางลิโป้อย่างจริงจัง พวกเขาล้วนแต่มีความสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับอาวุธรูปทรงแปลกประหลาดเหล่านั้น

"สิ่งนี้เรียกว่า มีดสามคมบิดเกลียว พวกเจ้าจะได้รับคนละชิ้น อาวุธชิ้นนี้สามารถซุกซ่อนไว้กับตัว วิธีใช้ก็คล้ายคลึงกับมีดสั้น ซึ่งพวกเจ้าจะได้รับการฝึกจากแม่ทัพโกซุ่นอีกที" ลิโป้นำมีดสามคมบิดเกลียวออกมาและแทงหุ่นซ้อมให้ดู

"ส่วนสิ่งนี้เรียกว่า ตะขอบิน ทุกคนจะต้องฝึกการใช้ให้ชำนาญ ใช้สำหรับการปีนป่ายในที่สูง" ลิโป้เดินไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เขาเหวี่ยงตะขอเบาๆก่อนจะปล่อยมันพุ่งออกไป ตะขอบินก็พุ่งไปพันรอบกิ่งไม้

ลิโป้ใช้ลองออกแรงดึงด้วยสองมือ ตะขอบินก็เกี่ยวกันจนแน่น จากนั้นเขาจึงไต่ขึ้นต้นไม้อย่างรวดเร็ว

เตียนอุยและคนอื่นๆต่างตะลึง ไม่ว่าใครในนี้ก็สามารถปีนต้นไม้ได้ แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะสามารถใช้วิธีเช่นนี้ได้ด้วย แม้จะมีกำลังกายสูง แต่ก็ไม่อาจปีนต้นไม้ได้รวดเร็วถึงเพียงนี้

"สิ่งนี้เรียกว่าหน้าไม้ในแขนเสื้อ...." ลิโป้แนะนำอาวุธให้พวกทหารดูทีละชิ้น

"เตียนอุย เจ้าออกมา" ลิโป้พยักหน้าให้เตียนอุย

"ตั้งตาดูให้ดี แม่ทัพผู้นี้จะสาธิตแต่ละท่าเพียงสามครั้ง หากผู้ใดยังใช้ท่าได้ไม่เข้าเกณฑ์ภายในหนึ่งวันจะต้องถูกคัดออก"

เมื่อพวกทหารได้ยินคำนี้ก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาอันคมกริบของลิโป้ที่กวาดมองมาก็พากันได้สติ

มวยทหารและฉินหนา[1] เป็นหลักสูตรบังคับสำหรับหน่วยรบพิเศษ หากเป็นร่างกายในชีวิตก่อนของเขา ต่อให้ใช้สองเทคนิคนี้ก็คงยากจะจัดการกับเตียนอุย

[1 ฉินหนา เป็นชุดเทคนิคการล็อกข้อต่อที่ใช้ในศิลปะการต่อสู้ของจีนเพื่อควบคุมล็อคข้อต่อหรือกล้ามเนื้อ / เอ็นกล้ามเนื้อของคู่ต่อสู้เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้]

เตียนอุยดูจะตระหนักอะไรได้ เขาจึงปลุกปลอบสมาธิ เตรียมจะเรียนรู้เคล็ดลับจากลิโป้ ทักษะการต่อสู้ระยะประชิดของลิโป้สร้างความเลื่อมใสแก่เขายิ่ง ดังนั้นจึงต้องเรียนรู้มาให้ได้

ลิโป้ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงสาธิตทุกท่า และอีกหนึ่งชั่วโมงอธิบายการใช้พลางสาธิตไปพร้อมกัน

สายตาที่เตียนอุยใช้มองลิโป้แปรเปลี่ยนอีกครั้ง ในยุคสมัยนี้ ศิลปะการต่อสู้ไม่ได้แพร่หลายนัก และพวกทหารในกองทัพก็เพียงฝึกการใช้อาวุธเบื้องต้นเท่านั้น แต่ลิโป้กลับสอนทักษะเหล่านี้ให้พวกทหารอย่างใจกว้าง จิตวิญญาณที่ไร้ซึ่งความเห็นแก่ตัวนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถมีได้

หลังจากสอนเทคนิคต่างๆให้พวกทหารแล้ว ลิโป้ก็รู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัว แม้ตอนนี้เขาจะผู้ปกครองแห่งปิ้งโจวแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยว่างเว้นจากการฝึกฝน เขารู้ว่าในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ศิลปะการต่อสู้ก็จะเป็นต้นทุนในชีวิต

"แม่ทัพเตียน พวกเราก็อธิบายกันมามากพอแล้ว ดังนั้นมาแสดงการใช้จริงให้พวกเขาดูกันดีกว่า" ลิโป้แสยะยิ้ม

เตียนอุยยิ้มเจื่อน "ขอนายท่านออมมือให้ด้วย"

พวกทหารต่างหัวเราะ หลายคนทราบเรื่องที่เตียนอุยเคยขวางทางท้าทายลิโป้ แม้กระนั้นพวกเขาก็เลื่อมใสทักษะการต่อสู้ของเตียนอุยอย่างยิ่ง ในวันนั้น เขาเพียงคนเดียวขวางศัตรูนับพันไว้ที่ด้านนอกจวนเจ้าเมือง ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังในหมู่ทหารปิ้งโจวมาก

ลิโป้หรี่ตาลงเล็กน้อย สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง ยามใช้อาวุธบนหลังม้า เขาและเตียนอุยจัดว่ามีฝีมือใกล้เคียงกัน แต่หากลงมาสู้บนพื้นแล้วเตียนอุยใช้ทวนคู่ บางทีตอนนี้เขาอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเตียนอุยด้วยซ้ำ

เตียนอุยตั้งท่าพลางจับจ้องการเคลื่อนไหวของลิโป้ ตอนที่ลิโป้กำลังอธิบายและสาธิตให้พวกทหารดูอยู่นั้น เตียนอุยก็ขบคิดหาวิธีรับมือไปด้วย ทั้งยังหวนนึกถึงการประมือกับลิโป้ในวันนั้น