ตอนที่ 222 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

เมื่ออ้วนเสี้ยวที่ประจำอยู่ในทัพกลางได้รับรายงานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาออกคำสั่งให้ทัพกิจิ๋วค่อยๆโอบล้อมทหารม้าขาวเอาไว้ ต่อให้ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนัก พวกเขาก็ไม่อาจปล่อยให้ทหารม้าขาวตีฝ่าออกไปได้โดยเด็ดขาด ทารม้าขาวจะต้องถูกทำลายลงที่นี่เท่านั้น ในจุนี้นั้น อ้วนเสี้ยวมีความมุ่งมั่นอย่างยิ่ง

ความสูญเสียของทหารม้าขาวไม่ได้ทำให้กองซุนจ้านคืนสติจากการถูกความโกรธบดบังสายตาแต่อย่างใด ทหารม้าขาวเป็นความภาคภูมิใจของทัพอิวจิ๋ว เป็นทัพที่แกร่งที่สุดของอิวจิ๋ว แล้วจะมาถูกทหารราบทำลายลงได้อย่างไร?

"ใต้เท้า พวกเราเสียทหารม้าขาวไปแปดร้อยกว่าคนแล้วขอรับ" จูล่งเอ่ยกระตุ้นเตือน เผชิญหน้ากับทหารหน่วยเซียนเติงที่ตั้งรับอย่างเหนียวแน่นที่ด้านหน้า พวกเขาก็รู้สึกไร้ซึ่งกำลังจะเอาชนะ

"ทหารม้าขาวต้องเป็นฝ่ายเกรงกลัวศัตรูตั้งแต่เมื่อใดกัน?" กองซุนจ้านแค่นเสียงอย่างเดือดดาล "ฆ่า จงฆ่าทหารกิจิ๋วเหล่านี้ให้หมด!"

จ๊กยี่ยังคงออกคำสั่งสั้นๆ แต่ได้ประสิทธิภาพออกไป เมื่อชื่อเสียงของทหารมาขาวร่วงหล่นภายใต้คมศรของทหารเซียนเติง ตอนที่กองซุนจ้านได้สติกลับมา ทหารม้าขาวก็ตกตายไปกว่าครึ่งแล้ว อีกทั้งทางด้านหลังของพวกเขายังถูกทัพกิจิ๋วโอบล้อมไว้อย่างหนาแน่น แม้ว่ากวนจิ้งที่คอยเฝ้าระวังอยู่ที่ทัพกลางจะสั่งเคลื่อนกำลังมาช่วยเหลือ กระนั้นทหารทัพกิจิ๋วก็ยังคงสู้รบโดยไม่ถอยหนี

เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ จูล่งก็รู้สึกว่าตนเองไร้กำลัง ทหารที่เบื้องสวมใส่เกราะหนักทั้งตัว ยากจะสร้างความเสียดายใด ซึ่งนี่ก้ส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของทหารม้าขาวอย่างมาก ตอนที่เขาติดตามลิโป้ไปสู้รบกับพวกเซียนเป่ย ก็เป็นทหารม้าขาวที่ติดตามเขาไป ดังนั้นเขาจึงเลปี่ยนหอกเป็นธนูยาวและยิงออกไป

พลหอกนายหนึ่งถูกยิงล้มลง ลูกธนูของจู฿ล่งเมื่อครู่ได้ยิงผ่านช่องว่างของหมวกเกราะเข้าไปอย่างแม่นยำ ด้วยความที่ไม่ทันระวังจึงทำให้พลหอกต้องจบชีวิตไป

ภายใต้การพุ่งกระแทกของม้าศึก ทหารที่ค้ำยันโล่อยู่จึงเป็นผู้ที่ได้รับความทุกข์ทรมาณมากที่สุด พวกขเาพึ่งพาหยาดเหงื่อแรงกายต้านยันเอาไว้โดยไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว พลโล่หลายคนถูกม้าศึกพุ่งกระแทกจนช้ำในตาย กระนั้นเมื่อคนที่ด้านหน้าตกตายลง ก็จะมีทหารคนใหม่เข้ามาอุดช่องว่างนั้นทันที ไม่เปิดโอกาสให้ทหารม้าขาวได้ทะลวงเข้ามาแม้แต่น้อย

กองซุนจ้านตาแดงฉาน ความสูญเสียอันใหญ่หลวงทำให้เขาค่อยๆได้สติกลับมา เพียงแต่หากทหารม้าขาวพยายามจะตีฝ่าออกไป ทหารราบของฝ่ายตรงข้ามก็จะติดตามมาอย่างใกล้ชิด ทหารกิจิ๋วที่โอบล้อมมาจากรอบด้านจะไม่ยอมปล่อยพวกเขาตีฝ่าออกไปได้โดยง่าย

"แม่ทัพเตียว ท่านมีฝีมือสูงส่ง รีบคุ้มกันนายท่านจากไปเถอะ" ยำก๋งที่ทั่วหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบโลหิตกล่าวขึ้นด้วยความกังวล

จูล่งพยักหน้า สถานการณ์ในสนามรบไม่อาจเปลี่ยนได้ด้วยฝีมือของแม่ทัพเพียงคนเดียว เขาเชื่อว่าต่อให้เปลี่ยนเป็นทัพม้าเฟยฉีของปิ้งโจว เมื่อเผชิญกับทหารหน่วยนี้ก็คงได้แต่ต้องถอยทัพ นี่เพียงได้แต่โทษว่าทหารม้าขาวลำพองใจเกินไป หากเมื่อเห็นว่าผิดท่าแล้วถอยทัพทันที ความเสียหายก็คงจะไม่มากมายถึงเพียงนี้

ยำก๋งนำทหารม้าขาวจำนวนหนึ่งร้อยนายโถมเข้าจู่โจมทหารเซียนเติงเพื่อซื้อเวลาให้จูล่งได้นำทหารม้าที่เหลือตีฝ่าทัพกิจิ๋วที่ด้านหลัง

ทั่วร่างอาบชโลมไปด้วยโลหิต จูล่งจำไม่ได้แล้วว่าเขาสังหารทหารกิจิ๋วตายไปกี่คน ตอนนี้เขามีความคิดเดียวเท่านั้นคือการพากองซุนจ้านออกไปจากที่นี่

ยำก๋งเมื่อเห็นว่ากองซุนจ้านจากไปได้ไกลแล้ว สีหน้าที่เขม็งเกร็งก้พลันผ่อนคลาย ในเวลานี้ที่ข้างกายของเขาเหลือเพียงทหารม้าขาวไม่ถึงร้อยคน

"ทหารม้าขาวรับคำสั่ง ฆ่า!" ยำก๋งกู่ร้อง

คำสั่งนี้ ครั้งหนึ่งเคยทำให้ทหารม้าขาวสร้างชื่อไปทั่วแผ่นดิน ทำให้ชาวอูหวนที่ได้ยินต้องตัวสั่นด้วยความกลัว มาบัดนี้ พวกเขาทำได้เพียงโถมเข้าโจมตีทหารเซียนเติงด้วยความสิ้นหวัง

หลังจากพากองซุนจ้านตีฝ่าวงล้อมออกมาได้ ทหารม้าขาวที่ติดตามจูล่งออกมาก็หลงเหลือเพียงไม่กี่สิบคน นี่เป็นความเสียหายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับกองทหารม้าขาวมาก่อน

เมื่อได้รับรายงาน อ้วนเสี้ยวก็ลิงโลด เขารีบสั่งให้กองทัพทั้งหมดติดตามโจมตีทันที เสียงกลองศึกเปลี่ยนเป็นกระชั้นเร่งเร้า ทหารกิจิ๋วโถมโจมตีด้วยความฮึกเหิม ข่าวความพ่ายแพ้ของทหารม้าขาวได้แพร่กระจายไปทั่วทัพกิจิ๋วอย่างรวดเร็ว

กองซุนจ้านที่สามารถหนีมาได้ภายใต้การคุ้มครองจากจูล่งมีสีหน้าขาวซีด ในพริบตานี้ ดูราวกับเขาจะแก่ลงไปนับสิบปี ทหารม้าขาวที่เขาฟูมฟัดขึ้นมาแทบจะถูกกวาดล้างจนสิ้น ดังนั้นนี่จึงเปรียบได้ดังฝันร้ายสำหรับเขา

"นายท่าน สถานการณ์ยังไม่แน่นอน พวกเราควรถอยทัพก่อนขอรับ" กวนจิ้งกล่าวเกลี้ยกล่อม เขาย่อมเข้าใจถึงความสำคัญของทหารม้าขาวในจิตใจของกองซุนจ้านดี แม้ว่ากองทัพจะเกิดความเสียหาย แต่ตราบใดที่ทหารม้าขาวยังคงอยู่ นั่นก็ยังมีหวังที่จะได้ชัย แต่เมื่อไร้ซึ่งกองทหารม้าขาว ยังไม่ต้องกล่าวถึงทัพกิจิ๋ว เพียงกองทัพชาวอูหวนที่นำโดยเหยียนโร่วก็พอจะจัดการทัพอิวจิ๋วได้แล้ว

"ถอยทัพ!" กองซุนจ้านกล่าวขึ้นเบาๆ

หลังจากทำลายกองทหารม้าขาวลงแล้ว ขวัญกำลังใจของทัพกิจิ๋วก็พุ่งสูงเทียมฟ้า ขณะที่ทั้งทัพอิวจิ๋วต่างก็เสียขวัญ พ่ายแพ้ถอยร่นไม่เป็นกระบวน ภายใต้การเหยียบย่ำกันเอง ทหารอิวจิ๋วก็ตกตายไปเป็นมากมาย

หลังจากกลับมาถึงเมือง กองซุนจ้านก็เอาแต่ถอนหายใจ อารมณ์ของเขาหดหู่ถึงขีดสุด ทหารม้าขาวคือความพากเพียรพยายามทั้งหมดของเขา หากต้องการจัดตั้งกองทหารม้าขาวขึ้นมาใหม่นั้นเพียงพูดยังง่ายกว่าทำ

"นายท่าน แม้ว่าทหารม้าขาวจะเสียหาย กระนั้นทัพอิวจิ๋วก็ยังคงเหลือไพร่พลอีกสี่หมื่นกว่าคน กำแพงของเมืองจี้เองก็แข็งแรงมั่นคง ขอเพียงตั้งรับอย่างรัดกุม ต้านยันทัพกิจิ๋วที่เดินทางมาไกลเอาไว้ เมื่อเช่นนี้ พวกเขาก็จะขาดแคลนเสบียงจนต้องถอยทัพกลับไปในที่สุด" เถียนยู่ออกความเห็น

"สั่งให้เต๊งไก๋ถอยทัพ" กองซุนจ้านกล่าว เขาทราบว่าสถานการณ์ของทัพอิวิจิ๋วจะเลวร้ายลงไปอีกเมื่อสูญเสียทหารม้าขาวไป แม้ว่าข้อเสนอของเถียนยู่จะดียิ่ง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น การป้องกันอำเภอจี้เอาไว้นั้นไม่มีปัญหา แต่หากว่าภายในเมืองเกิดขาดแคลนเสบียงขึ้นมาเล่า? ถึงตอนนั้นทั้งกองทัพก็จะพังทลายลง

"นายท่าน ทัพปิ้งโจวเองก็มาถึงอิวจิ๋วแล้ว ใยจึงไม่ส่งคนไปขอความช่วยเหลือดูล่ะขอรับ" เถียนยู่รู้สึกได้ว่าในคำพูดของกองซุนจ้านนั้นไม่มีความฮึกเหิมเหมือนกับเมื่อในอดีตอีกแล้ว

กองซุนจ้านตาเป็นประกาย บัดนี้ทัพปิ้งโจวตั้งทัพอยู่ที่เมืองซ่างกู่ หากว่าลิโป้ลงมือเคลื่อนไหว กอปรกับทหารที่มีอยู่ในเมือง ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะเอาชนะทัพกิจิ๋วไม่ได้เสียทีเดียว ขอเพียงยังรักษาอิวจิ๋วเอาไว้ได้ เขาก็ยังคงมีโอกาส

เถียนยู่ก้าวออกมากล่าวขึ้นเบาๆว่า "นายท่าน แม่ทัพเตียวและจิ้นโหวนั้นมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน หากว่าส่งแม่ทัพเตียวไปขอความช่วยเหลือที่เมืองซ่างกู่ก็จะยิ่งมีโอกาสเพิ่มขึ้น"

กองซุนจ้านเกิดความลังเล จากนั้นเขาจึงหันไปกล่าวกับจูล่งว่า "แม่ทัพเตียว เรื่องการขอความช่วยเหลือจากทัพปิ้งโจวคงต้องพึ่งพาท่านแล้ว เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชะตากรรมของทั้งอิวจิ๋ว หากว่าแม่ทัพเตียวสามารถทำให้ทัพปิ้งโจวช่วยคลี่คลายสถานการณ์ให้กับอิวจิ๋วได้ แม่ทัพเตียวจะนับเ็นผู้มีพระคุณของทั้งอิวจิ๋ว"

จูล่งขมวดคิ้วเบาๆ แต่สิ่งที่กองซุนจ้านกล่าวนั้นออกจะหนักหนาไปบ้าง เขาเป็นเพียงแม่ทัพใต้ร่มธงของกองซุนจ้าน จึงสมเหตุสมผลที่จะส่งเขาไปเกลี้ยมกล่อมทัพปิ้งโจว แต่ฟังจากน้ำเสียงที่แฝงความสุภาพของกองซุนจ้านแล้ว ดูเหมือนว่ากองซุนจ้านจะระแคะระคายอะไรบางอย่าง

"ข้าน้อยจะพยายามอย่างสุดความสามารถ" จูล่งกุมหมัดกล่าว

ไม่เพียงแต่กองซุนจ้านและเถียนยู่ที่สังเกตเห็น บรรดาแม่ทัพในกองทัพกองซุนจ้านเองต่างก้ทราบว่าจูล่งและลิโป้นั้นมีความสนิทสนมกัน ตอนที่ลิโป้นำทัพบุกโจมตีเซียนเป่ย จูล่งก็ขออาสาเดินทางไปช่วยเหลือโดยลำพัง แสดงว่ามีความนิยมเลื่อใสอีกฝ่ายอย่างลึกล้ำ

แม้กองซุนจ้านจะต้องการรั้งจูล่งไว้ในทัพ แต่ทุกคนต่างก็มีความทะเยอทะยานของตัวเอง แม้ว่าจูล่งจะทำงานรับใช้เขา แต่ก็ไม่เคยยึดถือเขาเป็นนายท่าน ยิ่งกว่านั้นการสูญเสียทหารม้าขาวไปโดยสมบูรณ์ยังทำให้กองซุนจ้านเกิดความท้อแท้ ความพากเพียรพยายามตลอดหลายปีของเขาถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของทหารหน่วยเซียนเติงจนสิ้น แม้แต่แม่ทัพยำก๋งก็ยังตายด้วยน้ำมือของทหารกิจิ๋ว