"ใต้เท้าเล่า เมื่อทัพใหญ่ของโจโฉยกมาถึง ขุนนางผู้นี้จะออกไปเกลี้ยกล่อมเมิ่งเต๋อให้ถอยทัพเอง" ลิโป้ตอบ เขาไม่ต้องการชมดูเล่าปี่แสดงบทโศกต่อไปอีก แม้ว่าเล่าปี่จะให้ความรู้สึกที่โอบอ้อมอารีและอ่อนโยนแก่ผู้คน หากแต่พฤติกรรมเช่นนี้ เขารู้สึกไม่ชอบสักเท่าใด และเกรงว่าแม้แต่เหล่าแม่ทัพในกองทัพชีจิ๋วเองก็คงไม่ชมชอบ ไม่ว่าจะอย่างไร เล่าปี่ก็มีศักดิ์เป็นผู้ครองเมืองหนึ่ง แล้วจะแสดงท่าทีอ่อนแอเช่นนี้ได้อย่างไร?
"เช่นนั้นข้าต้องขอขอบคุณใต้เท้าในนามของราษฏรชีจิ๋วแล้ว" เล่าปี่ลุกขึ้นค้อมคำนับด้วยความเคารพ
ลิโป้ไม่ได้สนใจคำยกยอใด แต่เมื่อมีคนคำนับให้ จึงเป็นมารยาทที่จะต้องลุกขึ้นคารวะตอบ
เมื่อยืนยันแล้วว่าลิโป้จะเดินทางไปยังค่ายของโจโฉเพื่อเจรจาสงบศึก เล่าปี่ก็คลายใจลงมาก บรรยากาศภายในจวนพลันเต็มไปด้วยบรรยากาศปลื้มปิติ
"ข้าน้อยได้ยินมาว่าทหารม้าของปิ้งโจวเก่งกาจไร้เทียมทานในแผ่นดิน วันนี้ ทหารม้าของโจโฉก็แสดงความเก่งกาจออกมาเช่นกัน ไม่ทราบว่าเทียบกันแล้ว ทัพม้าใดเข้มแข็ง ทัพม้าใดอ่อนแอหรือขอรับ?" ตันเต๋งเอ่ยถามเล่าปี่คล้ายไม่ตั้งใจ
เล่าปี่พยักหน้า "ชื่อเสียงของทัพม้าเฟยฉีเป็นที่เลื่องลือทั่วแผ่นดิน หากแต่ทัพม้าของโจโฉก็ไม่อาจดูแคลนเช่นกัน"
กุยแกหน้ากระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยิน ดังนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า "ครั้งนี้นายท่านของข้าน้อยเดินทางมาเพื่อยุติสงคราม หาใช่ก่อสงครามไม่"
เล่าปี่กล่าวขึ้นเป็นเชิงขอโทษขอโพย "ใต้เท้ากุยคิดมากไปแล้ว ใต้เท้าตันเพียงบังเกิดความสงสัยใคร่รู้ ไม่มีเจตนาอื่นแต่อย่างใด"
"ทหารม้าของโจโฉไม่ธรรมดา ไม่อาจดูแคลนได้ แม้ว่าทหารม้าเฟยฉีจะไม่อ่อนแอ แต่น่าเสียดาย หลังทำศึกกับเซียนเป่ยก็เกิดความสูญเสียอย่างหนัก มิเช่นนั้นก็คงไม่ต้องเกรงกัลวกองทัพของโจโฉ" ลิโป้กล่าว
แม้ลิโป้จะตอบบ่ายเบี่ยง แต่ขุนนางคนอื่นๆก็ไม่อาจกล่าวว่าอย่างไร อย่างไรเสียลิโป้ก็เป็นถึงข้าหลวงของปิ้งโจว ทั้งยังมีศักดิ์เป็นจิ้นโหว ในแง่ของฐานะแล้ว ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เล่าปี่ ผู้ซึ่งเพิ่งได้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วจะเปรียบเทียบได้
เล่าปี่กุมมือกล่าวว่า "ใต้เท้าลิมีใจช่วยเหลือชีจิ๋วด้วยเมตตา นับเป็นวาสนาของชีจิ๋วแล้ว"
เตียวหุยมองดูลิโป้ด้วยความสับสน เดิมทีแล้ว ลิโป้ควรจะไม่ปฏิเสธคำร้องออกศึกเพื่อช่วยเหลือชีจิ๋วเช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น หากสามารถเอาชนะทัพหน้าของโจโฉที่นอกเมืองได้ กองทัพปิ้งโจวก็จะมีชื่อเสียงเลื่องระบืออีกครั้ง
กวนอูชำเลืองมองลิโป้คราหนึ่ง ตอนที่ทัพพันธมิตรรวมกำลังกันต่อต้านตั๋งโต๊ะ ลิโป้มอบความรู้สึกที่เป็นวีรบุรุษผู้กล้าผู้ไร้ซึ่งความเกรงกลัว หากแต่วันนี้ ลิโป้ที่ได้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองปิ้งโจวย่อมไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลน สามารถมีชื่อเสียงเลื่องลือได้ดังเช่นทุกวันนี้ มีหรือที่จะอาศัยความกล้าหาญเพียงอย่างเดียวได้?
ใบหน้าของตันเต๋งเปลี่ยนเป็นเหยเกเล็กน้อย คำพูดของกุยแก เห็นได้ชัดว่ามุ่งมาที่เขา ทว่าเล่าปี่ก็ไกล่เกลี่ยให้แล้ว ดังนั้นจึงไม่เหมาะจะกล่าวอะไรอีก ในใจเขากำลังคิดหาวิธีที่จะดึงลิโป้เข้าร่วมสงคราม โดยเฉพาะหลังจากที่ได้เห็นความแข็งแกร่งซึ่งกองทัพของโจโฉแสดงออกมาในวันนี้ เขาคิดว่าแม้แต่กองทัพปิ้งโจวเองก็คงจะต้านทนไว้ไม่ได้ แม้ว่ากองซุนจ้านจะส่งกำลังมาช่วยเหลือ แต่ไพร่พลเหล่านั้นก็ไม่ได้ประจำการอยู่ภายในเมืองชีจิ๋ว พวกเขามีบทบาทเพื่อเฝ้าคุมเชิง และโจโฉก็ย่อมไม่โง่เขลาจนส่งไพร่พลไปตอแยทัพทหารของเต๊งไก๋ก่อน
การมาถึงของทัพใหญ่ของโจโฉได้สร้างบรรยกาษอันแสนกดดันไปทั่วทั้งเมืองชีจิ๋ว ไพร่พลราวแปดหมื่นของโจโฉได้โอบล้อมเมืองชีจิ๋วไว้ดุจกรงเหล็ก ประตูเมืองทั้งแปดบานล้วนปิดแน่นสนิท บนใบหน้าทหารป้องกันเมืองล้วนแขวนไว้ด้วยความวิตกกังวล เผชิญหน้ากับศึกใหญ่เช่นนี้ ทหารหลายนายต่างก็แสดงความวิตกของทหารใหม่ออกมา
หอกทวนเรียงกันแน่นขนัดดุจป่าเหล็ก ธงทิวที่เรียงรายพลางโบกสะบัดทุกแห่งหนได้สร้างความกดดันแก่ผู้พบเห็นอย่างหนัก ลิโป้ที่ชมดูอยู่พลันเอ่ยปากชมเชย "ได้ยินมาว่าเมิ่งเต๋อช่ำชองการบัญชาการกองทัพ ดูท่าเห็นจะจริงดังว่า"
กุยแกพยักหน้าก่อนจะกล่าวว่า "ต่อให้มีทัพหนุนยกกำลังมาช่วย แต่ก็ต้องเผชิญกับการโอบล้อมจากกองทัพโจโฉ"
"ไปกันเถอะ ไปพบสหายเก่าผู้นี้สักหน่อย" ลิโป้กล่าว
ลิโป้และโจโฉไม่มีความบาดหมางต่อกัน ดังนั้นเขาจึงนำทหารม้าเฟยฉีติดตามไปยังค่ายของโจโฉเพียงหนึ่งร้อยนาย
ณ กระโจมใหญ่ของกองทัพโจโฉ เมื่อได้ยินว่าลิโป้มา โจโฉก็หันไปมองบรรดาที่ปรึกษาภายในกระโจม
ซี่จื่อไฉย่อมล่วงรู้จิตใจผู้เป็นนาย ดังนั้นจึงเดินออกมากล่าวว่า "เจ้าเมืองปิ้งโจวคงเดินทางมาเพื่อเจรจาสงบศึก"
"นายท่านสามารถกักตัวพวกเขาไว้ภายในค่าย รอจนเมื่อยึดเมืองชีจิ๋วได้แล้วค่อยปล่อยตัวกลับไป"
ได้ยินคำแนะนำเช่นนี้ โจโฉก็โบกมือก่อนจะกล่าวว่า "เฟิ่งเซียนเป็นสหายเก่าของข้า ทั้งยังเคยช่วยชีวิตข้าไว้ จะเสียมารยาทได้อย่างไร? มิเช่นนั้นคงถูกผู้คนครหาเอาได้"
โจโฉยังคงมีความประทับใจที่ดีต่อลิโป้ ไม่ว่าลิโป้จะช่วยชีวิตเขาด้วยสาเหตุใด แต่พระคุณช่วยชีวิตก็เป็นของจริง ไม่ได้เจออีกฝ่ายมานาน เขาเองก็คิดถึงสหายเก่าผู้นี้เช่นกัน
ทหารม้าเฟยฉีหนึ่งร้อยนาย เผชิญกับสายตาจากทหารทั้งกองทัพที่จ้องมองมา พวกเขาก็หาหวั่นเกรงใดๆ เพียงติดตามลิโป้เข้าสู่ค่ายของโจโฉโดยไม่แสดงความเย่อหยิ่งหรือถ่อมตนจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม ทหารของกองทัพโจต่างจ้องมองอาวุธชุดเกราะและม้าศึกของทหารม้าด้วยความอิจฉาอย่างหนัก ม้าศึกที่ทหารเฟยฉีขี่อยู่ แม้แต่ระดับแม่ทัพในกองทัพของพวกเขาก็ยังไม่มีม้าศึกเช่นนี้ และอาวุธที่ทหารม้าเฟยฉีพกติดตัว เพียงปรายตามองก็ทราบได้ทันทีว่าไม่ธรรมดา
แน่นอน ลิโป้ที่อยู่ในท่ามกลางทหารองค์รักษ์นับว่าโดดเด่นสะดุดตาที่สุด เพียงย่ำอัคคีก็มีรูปร่างสูงใหญ่เหนือกว่าม้าศึกตัวอื่นแล้ว เมื่อรวมเข้ากับส่วนสูงของลิโป้ ส่วนสูงจึงเลยทหารม้าเฟยฉีที่อยู่โดยรอบอย่างชัดเจน
"น้องเฟิ่งเซียนสบายดี? ฮ่าๆ" โจโฉเอ่ยทักทายมาแต่ไกลโดยมีเหล่าแม่ทัพที่ปรึกษาเดินตามมาไม่ห่าง
ลิโป้พลิกตัวลงจากม้าก่อนจะกล่าวว่า "ไม่เจอกันตั้งนาน พี่เมิ่งเต๋อยังคงมีสง่าราศีเหมือนเคย"
เมื่อทั้งสองมายืนอยู่ด้วยกันจึงเกิดเป็นภาพที่ค่อนข้างแปลกตาขึ้นมา ลิโป้มีส่วนสูงถึงเก้าฉื่อ หากเทียบกับในยุคปัจจุบัน เขาจะเป็นหนุ่มหล่อที่มีส่วนสูงเกือบสองเมตร หากแต่รูปร่างของโจโฉนั้นออกจะเตี้ยอยู่บ้าง มองจากระยะไกลจึงคล้ายกับเด็กประถมกำลังยืนอยู่กับผู้ใหญ่
"ม้าศึกของน้องเฟิ่งเซียนนับเป็นยอดอาชาจริงๆ" โจโฉเป็นผู้ที่ชื่นชอบม้าศึก เมื่อเห็นลักษณะที่ไม่ธรรมดาของย่ำอัคคีจึงอดเอ่ยปากชมเชยออกมาไม่ได้
"ชื่อของมันคือ ย่ำอัคคี บังเอิญได้มาจากราชสำนักของเซียนเป่ย ฝีเท้ามันรวดเร็วดุจสายลม นับเป็นเทพอาชาแห่งแผ่นดิน" ลิโป้เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม ย่ำอัคคีคล้ายเข้าใจว่าเจ้านายกำลังเอ่ยชม ดังนั้นจึงส่งเสียงอย่างดีใจ
"ม้าดี ม้าดี!" โจโฉมองประเมินย่ำอัคคีพลางเอ่ยชมไม่ขาดปาก "เฟิ่งเซียนเป็นยอดคนแห่งแผ่นดิน มีเพียงอาชาระดับนี้เท่านั้นจึงจะคู่ควร"
ได้ยินน้ำเสียงที่เจือแววอิจฉาของโจโฉ ลิโป้ก็กล่าวขึ้นยิ้มๆ "หากข้าได้อาชาเช่นนี้อีก สัญญาว่าจะมอบให้พี่เมิ่งเต๋อ"
"ฮ่าๆ เจ้าพูดแล้วนะ" โจโฉหัวเราะ
ตอนนี้เอง ลิโป้ก็สังเกตเห็นเคาทูที่ยืนอยู่ด้านข้างโจโฉ ดังนั้นจึงเอ่ยปากถามว่า "ท่านนี้คงเป็นแม่ทัพเคาที่ประลองกับเตียวหุยที่นอกเมืองชีจิ๋วกระมัง?"
โจโฉเผยยิ้มสดใส "แม่ทัพเคาเป็นผู้งมงายยุทธ์ ชื่นชอบที่จะประลองฝีมือกับผู้อื่น นับเป็นแม่ทัพอันดับของข้า"
ลิโป้พยักหน้าให้เคาทู แม้เคาทูจะห้าวหาญและมีฝีมือไม่เลว แต่เทียบกับเตียวหุยแล้วก็ยังมีช่องว่างความต่างอยู่บ้าง การปรากฏตัวของเคาทูนับว่าอยู่เหนือความคาดหมายของลิโป้มาก หันมาดูกุยแกและเตียนอุยที่เดิมทีควรจะสังกัดอยู่กับโจโฉแล้ว หากโจโฉได้ทราบประวัติศาสตร์สามก๊กล่ะก็ ไม่ทราบจะมีสีหน้าแบบใด?
เตียนอุยมองดูเคาทูด้วยแววตาที่ฉายแววต้องการจะต่อสู้อย่างแรงกล้า เขาเองก็นับเป็นแม่ทัพเลื่องชื่อในกองทัพปิ้งโจวคนหนึ่ง แม้จะสู้ลิโป้ไม่ได้ กระนั้นหากไม่นับลิโป้แล้ว เขาก็นับว่าแข็งแกร่งที่สุดในกองทัพปิ้งโจว เมื่อสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่แฝงความชื่นชมของลิโป้ที่มีต่อเคาทู เขาก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง
ราวกับสัมผัสได้ถึงบางอย่าง เคาทูพลันหันมามองเตียนอุยที่มีรูปร่างประดุจหอคอยเหล็ก
"เฟิ่งเซียนมีฝีมือล้ำเลิศ สามารถขับไล่ชาวเซียนเป่ยจนต้องหนีเตลิด" โจโฉกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ชื่อเสียงของเจ้าดุจฟ้าร้องดังกรอกหู"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved