ตอนที่ 104 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ตั๋งโต๊ะตาเป็นประกาย ปิ้งโจวมีกองทัพที่แข็งแกร่งเกรียงไกร หากเผชิญหน้ากันขึ้นมา ตั๋งโต๊ะก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะชนะได้ หากให้อ้วนเสี้ยวกับลิโป้ต่อสู้กันไป ก็จะไม่มีใครมาสนใจฉางอันอีก

แม้ตั๋งโต๊ะจะแค้นลิโป้มาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่อยากจะร่วมมือกับลิโป้ ย้อนกลับไปตอนอยู่ที่นอกเมืองลั่วหยาง เขาอยากได้ตัวลิโป้มาเข้าร่วมแทบตาย หากตอนนั้นได้รับการสนับสนุนจากลิโป้และกองทัพปิ้งโจว การต่อสู้กับบรรดาหัวเมืองต่างๆก็คงไม่ลำบากถึงเพียงนี้ ดีไม่ดีเขาอาจจะไม่ต้องย้ายเมืองหลวงเสียด้วยซ้ำ

"เหวินโยว เจ้าว่ามา"

ลิยูจึงกล่าวขึ้นว่า "ท่านอุปราช บัดนี้ลิโป้มีตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองปิ้งโจวแล้ว ใยไม่ส่งเสริมเขาอีกขั้น แต่งตั้งเขาเป็นโหวเสียเลยล่ะขอรับ? เดิมทีลิโป้ก็เป็นเพียงนักรบผู้โชคดีซึ่งได้ปิ้งโจวไปครอง หากแต่งตั้งเขาเป็นท่านโหว เขาย่อมต้องสำนึกขอบคุณท่านอุปราชเป็นแน่"

"โหวงั้นรึ?" ตั๋งโต๊ะนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง "เอาเถอะ ให้เขาเป็นจิ้นโหวก็แล้วกัน ให้มีศักดิ์เป็นเสี้ยนโหว[1]"

[1 โหว(เจ้าพระยา) ฐานันดรศักดิ์แบ่งออกเป็น 4 ระดับ แตกต่างกันที่จำนวนอำเภอหรือหมู่บ้านที่ได้รับมอบ เรียงจากสูงสุดไปต่ำสุดคือ

1 ชั้นสูงสุด 縣侯 (县侯) เสี้ยนโหว <อำเภอ> มีศักดินาเป็นอำเภอ

2 ชั้นที่สอง 鄉侯 (乡侯) เซียงโหว <ตำบล> มีศักดินาเป็นตำบล

3 ชั้นที่สาม 亭侯 ถิงโหว <หมู่บ้าน,ตำหนัก> หรือ 都亭侯 ตูถิงโหว มีศักดินาเป็นหมู่บ้านเอกของตำบล

4 ชั้นที่สี่ 關內侯 (关内侯) กวนเน่ยโหว <ด่าน>]

ลิยูกุมมือกล่าวว่า "การเคลื่อนไหวของท่านอุปราชครั้งนี้จะต้องทำลิโป้ซาบซึ้งบุญคุณอย่างแน่นอนขอรับ" เดิมทีเขากังวลอยู่บ้างว่าตั๋งโต๊ะจะแต่งตั้งให้ลิโป้เป็นถิงโหวหรือว่าเซียงโหว คิดไม่ถึงว่าจะเป็นถึงเสี้ยนโหวที่เป็นศักดินาขั้นสูงสุดซึ่งไม่ว่าเปลี่ยนเป็นผู้ใดก็ต้องตื่นเต้นยินดี

ภายใต้การปกครองของตั๋งโต๊ะ ราชสำนักย่อมสามารถแต่งตั้งลิโป้เป็นโหว เพียงเขาหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นกล่าวตอนประชุมช่วงเช้า องค์ฮ่องเต้และเหล่าขุนนางก็ย่อมไม่คัดค้านอยู่แล้ว

ลิโป้ที่อยู่ห่างไกลถึงปิ้งโจวย่อมไม่ทราบว่า เพราะคำพูดของลิยู เขาจึงได้กลายเป็นท่านโหวแล้ว

การได้รับตำแหน่งโหวย่อมถือเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับขุนนางในยุคราชวงศ์ฮั่น ในยุคสมัยนี้ย่อมไม่มีอ๋องต่างแซ่ นี่เป็นกฏที่ตั้งขึ้นโดยจักรพรรดิฮั่นเกาจู่ เพราะหากว่ามีอ๋องต่างแซ่ปรากฏขึ้น เช่นนั้นบรรดาขุนนางทั่วแผ่นดินก็จะเกิดความมักใหญ่ใฝ่สูงขึ้นมา

แม้ว่าราชวงศ์ฮั่นจะเสื่อมโทรม หากแต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเสี่ยงก่อการ กระทั่งตั๋งโต๊ะยังเพียงตั้งตนขึ้นเป็นอุปราช ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการ เพียงแต่เขาไม่กล้ากระทำ

...........

ครั้งนี้ด้วยความพยายามอย่างหนัก ในที่สุดโจโฉก็ได้เป็นเจ้าเมืองตองกุ๋น โจโฉเวลานี้มีชื่อเสียงไปทั่วแผ่นดินแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเรื่องที่เขาเสี่ยงชีวิตลอบสังหารตั๋งโต๊ะแพร่กระจายออกไป

แม้การไล่ตามตีกองทัพของตั๋งโต๊ะจะประสบกับความล้มเหลว กระนั้นเรื่องนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้โจโฉหมดกำลังใจ แต่ยังปลุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาขึ้นมา เขามีความทะเยอทะยานที่จะโค่นล้มตั๋งโต๊ะ ช่วยเหลือองค์ฮ่องเต้และกอบกู้ราชวงศ์ฮั่น

บัดนี้โจโฉมีไพร่พลมากกว่าหนึ่งแสนนายแล้ว ทั้งยังมีกุนซือที่ปรึกษาและแม่ทัพขุนศึกมาขอพึ่งพิงมากมาย ทำให้โจโฉมีความมั่นใจมากขึ้น ขอเพียงรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม เขาก็จะเรียกรวมเหล่าผู้กล้าทั่วแผ่นดินไปปราบตั๋งโต๊ะอีกครั้ง

ตอนที่ได้ทราบข่าวซัวหยงเดินทางไปเข้าร่วมกับปิ้งโจว โจโฉก็ประหลาดใจมาก ซัวหยงเป็นตัวตนแบบใดงั้นหรือ? เขาเป็นถึงขุนนางนักปราชญ์ที่มีอิทธิพลต่อบัณฑิตทั่วแผ่นดิน การเดินทางไปปิ้งโจวของเขาจะมีส่วนช่วยต่อลิโป้อย่างมาก มันจะดึงดูดให้บัณฑิตนักศึกษาทั่วแผ่นดินแห่แหนกันไปเข้าร่วมกับปิ้งโจว ที่เขามั่นใจยิ่งกว่านั้นคือ ครั้งนี้ลิโป้จะต้องใช้อุบายในการชิงตัวซัวหยงมาอย่างแน่นอน

ด้วยการเฝ้าสังเกตสถานการณ์ความเป็นไปของแผ่นดิน โจโฉก็พอจะมองความคิดของบรรดาเจ้าเมืองทั้งหลายออก เวลานี้องค์ฮ่องเต้อ่อนแอ เหล่าขุนนางต่างลอบสะสมกำลัง ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นผลดีต่อองค์ฮ่องเต้แม้แต่น้อย นี่คล้ายกับสถานการณ์ในยุคชุนชิวที่กษัตริย์อ่อนแอแต่ขุนนางเรืองอำนาจ หากไม่มีผู้ใดก้าวออกมาชูธงคุณธรรม แผ่นดินก็จะเข้าสู่กลียุคอีกครั้ง

โจโฉเป็นคนที่วิตกกังวล ขุมกำลังของเขายังอ่อนแอเกินไป เขาต้องการดินแดนที่มากกว่านี้เพื่อทำงานใหญ่ให้สำเร็จ

......................

วันนี้ โถงรับสมัครของเมืองจิ้นหยางได้ต้อนรับบุคคลที่แปลกประหลาดผู้หนึ่ง รูปร่างของเขาผอมบางและมีใบหน้าที่ดูซีดเซียวราวกับจะถูกลมหอบหนึ่งพัดพาไปได้ทุกเมื่อ เพราะเกิดเรื่องเมื่อครั้งก่อน จ้าวหมิงจึงไม่กล้าประเมินผู้คนซีซั้วอีก เขารีบเชิญอีกฝ่ายให้ลงทะเบียนด้วยท่าทางสุภาพนอบน้อมทันที

"ไม่ทราบเซียนเซิงมีชื่อเรียงเสียงใด?" จ้าวหมิงเอ่ยถาม

"กุยแก ชื่อรองเฟิ่งเซี่ยว จากเมืองอิ่งชวน" กุยแกกล่าวตอบ

จ้าวหมิงย่อมไม่ทราบว่าชื่อนี้มีความหมายต่อลิโป้มาก หลังจากลงทะเบียนไปทีละขั้นตอน เขาก็ทำการประเมินพื้นฐาน เมื่อตรวจสอบดูจึงทราบว่าชายหนุ่มผู้นี้มีความสามารถมาก ไม่ด้อยไปกว่าผู้ที่เขาเคยพบเจอมาก่อนแม้แต่คนเดียว หากคนผู้นี้ผ่านการตรวจสอบด้านคุณธรรมจริยธรรม เขาจะต้องได้เป็นขุนนางของปิ้งโจวอย่างแน่นอน ซึ่งตำแหน่งที่สูงเช่นนี้ เขาย่อมไม่มีอำนาจตัดสินใจ

"เชิญกุยเซียนเซิงกลับไปยังที่พักเพื่อรอฟังผลสักวันสองวัน หากมีข่าวใดจะรีบแจ้งต่อท่านโดยเร็วที่สุด" จ้าวหมิงกุมมือกล่าว

"อ้อ ขอบคุณท่าน" กุยแกกล่าวก่อนจะเดินจากไป

ขันทีที่ได้รับคำสั่งให้มาถ่ายทอดราชโองการครั้งนี้คือ หลูเกา เขาติดตามรับใช้องค์ฮ่องเต้มาอย่างยาวนาน ตอนอยู่ที่เมืองลั่วหยาง เขายังเป็นขุนนางดูแลประตูน้อย แต่ตอนนี้กลายเป็นหัวหน้าขุนนางแห่งประตูเหลือง(หวงเหมินลิ่ง) แล้ว อย่างไรเสียเขาก็เป็นตัวแทนขององค์ฮ่องเต้ แม้ตั๋งโต๊ะจะย้ายเมืองหลวง และทำให้มาตราฐานพระกระยาหารตกต่ำลงมาก แต่คณะทูตก็ยังคงดูสง่างาม

หลูเกาเป็นผู้แทนพระองค์ของราชสำนัก สามารถมายังปิ้งโจวโดยที่ระหว่างทางไม่ได้รับการกลั่นแกล้งใดๆ แม้บรรดาเจ้าเมืองจะมีกำลังทหารอยู่ในมือ กระนั้นพวกเขาก็ยังกริ่งเกรงราชวงศ์ฮั่นอยู่

หลังจากที่หลูเกาเข้าสู่ด่านหูกวน ลิโป้ที่ได้รับข่าวก็รีบส่งคนไปเชิญกาเซี่ยงมา

ขณะที่ลิโป้ยังสับสนมึนงง กาเซี่ยงกลับกระจ้างแจ้ง "นายท่าน คณะผู้แทนพระองค์มาถึงที่นี่ได้ คงไม่พ้นเรื่องอวยยศให้นายท่านเป็นแน่"

"โอ้? ใยท่านจึงคิดเช่นนั้น? ขุนนางผู้นี้มีเรื่องบาดหมางกับตั๋งโต๊ะ ทั้งแผ่นดินล้วนทราบว่าตั๋งโต๊ะแค้นขุนนางผู้นี้เข้ากระดูกดำ แล้วเขาจะอวยยศให้ข้าหรือ?" ลิโป้ถามด้วยความสงสัย

"คงต้องกล่าวว่า เมื่อครั้งที่นายท่านนำทัพไปปราบปรามชนเผ่าซยงหนู ตั๋งโต๊ะที่ทราบเรื่องคงเกิดความกริ่งเกรงต่อนายท่าน ใต้บัญชาของเขามีกุนซืออยู่ผู้หนึ่งนามว่า ลิยู คนผู้นี้เจ้าเล่ห์ยิ่ง อีกทั้งตั๋งโต๊ะก็ให้ความสำคัญต่อเขา เดาว่าเป็นเขาที่โน้มน้าวตั๋งโต๊ะให้วางความบาดหมางกับปิ้งโจวลง ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่นๆ เวลานี้ตั๋งโต๊ะกุมอำนาจของราชสำนักไว้ในมือ หากครั้งนี้มอบผลประโยชน์ให้กับนายท่าน นายท่านย่อมต้องสำนึกขอบคุณเขา เช่นนี้แล้วตั๋งโต๊ะก็จะไม่ต้องกังวลทางด้านปิ้งโจวอีก เพียงแค่บรรดาศักดิ์หนึ่ง ย่อมไม่ทำให้ตั๋งโต๊ะเสียหายแต่อย่างใด" กาเซี่ยงอธิบาย

"ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ หลังจากคณะผู้แทนพระองค์มาถึง ทุกอย่างก็จะกระจ่างเอง" ลิโป้กล่าว

"นายท่านต้องปฏิบัติต่อคณะผู้แทนพระองค์ด้วยความเคารพ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด" กาเซี่ยงยังได้กล่าวถึงนิสัยใจคอของหลูเกาและคนอื่นๆในคณะ ผู้ที่ควบคุมหน่วยข่าวกรองของปิ้งโจวอย่างเขาย่อมทราบกระจ่าง เขากลัวว่าลิโป้จะมองข้ามพวกหลูเกาและทำให้อีกฝ่ายต้องอับอาย

"เหวินเหอไม่ต้องกังวล ข้าทราบว่าสมควรจัดการอย่างไร" ลิโป้ตอบ

"แม้เวลานี้ราชสำนักจะอ่อนแอ กระนั้นก็ยังเป็นผู้ปกครองแผ่นดิน ทั้งตั๋งโต๊ะยังมีทัพแกร่ง ย้อนกลับไปตอนที่เขายังครอบครองลั่วหยาง เวลานั้นเจ้าเมืองต่างๆต้องรวมกำลังกันเพื่อต้านทาน"

ลิโป้พยักหน้าและจดจำเรื่องนี้ไว้ในใจ เขาย่อมไม่ใส่ใจต่อบรรดาศักดิ์อะไรนั่นอยู่แล้ว

ออกจากฉางอันมาได้ก็เสมือนการยกภูเขาออกจากอกสำหรับหลูเกา เขายินดีไปใช้ชีวิตอยู่ที่ปิ้งโจวดีกว่าจะอยู่อย่างมีหน้าตาภายในฉางอัน ตั๋งโต๊ะข่มเหงทุกคนที่อยู่รอบกายองค์ฮ่องเต้ หากบังเอิญไปทำให้เขาโกรธขึ้นมาล่ะก็ จุดจบของเขาคงเลวร้ายยิ่ง ดังนั้นที่ผ่านมาเขาจึงต้องกระทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวังเพราะเกรงว่าจะไปทำให้ตั๋งโ๖๊ะไม่พอใจ