ตอนที่ 178 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

เมื่ออยู่ในบ้านของผู้อื่น ลิโป้ก็ไม่สะดวกจะกล่าวมากความ เพียงปล่อยให้เสียงการหารือเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา สำหรับคำพูดปลุกใจของเล่าปี่นั้น เขาหาได้ใส่ใจไม่ หากไพร่พลจำนวนสามหมื่นภายในเมืองถูกแทนที่ด้วยไพร่พลทัพปิ้งโจว เขาย่อมกล้านำออกกำลังออกไปขับไล่โจโฉ ยิ่งสงครามยืดเยื้อ ก็ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อชีจิ๋ว ผู้คนชีจิ๋วต้องการบ้านอันสุขสงบ เวลานี้ชีจิ๋วกำลังอยู่ในช่วงสงคราม ดังนั้นจึงมีผู้คนไม่น้อยที่ต้องการลี้ภัยออกจากปิ้งโจว

เมื่อกลับมาถึงที่พัก สีหน้าของกุยแกก็เปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง เขากล่าวขึ้นเบาๆว่า "นายท่าน ตันเต๋งคงได้รับการกำชับมาจากเล่าปี่ไม่ผิดแน่ เดาว่าเล่าปี่คงคิดจะยืมมือทัพปิ้งโจวให้ขับไล่ทัพโจโฉออกไป"

ลิโป้พยักหน้า จากนั้นจึงกล่าวว่า "ไม่ว่าเล่าปี่จะคิดอย่างไรก็ช่าง ข้าเองก็จนปัญญา ยิ่งไม่อาจให้ทหารเฟยฉีออกไปหลั่งเลือดในสงครามที่ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับพวกเรา"

แม้จะกังวลห่วงใยชาวชีจิ๋ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าลิโป้จะยื่นมือเข้าช่วยอย่างไม่ลืมหูลืมตา หากว่าโจโฉยังคงยืนกรานฆ่าล้างเมืองต่อไป บางทีเขาอาจจะเคลื่อนไหวลงมือ แต่สถานการณ์ปัจจุบันนั้นเป็นศึกระหว่างโจโฉและเล่าปี่ ไม่ว่าเข้าร่วมกับฝ่ายใดย่อมเป็นการล่วงเกินอีกฝ่ายไปโดยปริยาย

"เรียนนายท่าน บิต๊กและบิฮองมารอขอเข้าพบอยู่ที่หน้าประตูขอรับ" เตียนอุยเดินเข้ามารายงาน

"อ้อ ให้พวกเขาเข้ามา" ลิโป้พยักหน้า

"คารวะใต้เท้า!" บิต๊กและบิฮองกล่าวขึ้นพร้อมกัน

"พวกท่านทั้งสองเชิญนั่ง" ลิโป้ตอบ

หลังจากนั่งลงแล้ว บิต๊กก็กุมมือกล่าวว่า "ใต้เท้า ตระกูลโจและตระกูลตันภายในเมืองล้วนเลือกที่จะสนับสนุนเล่าปี่ ก่อนหน้านี้เล่าปี่ยังส่งคนมาหมายจะขอเกี่ยวดองกับตระกูลบิ ทว่าข้าน้อยตอบปฏิเสธไปแล้วขอรับ" กล่าวจบ สายตาก็จับจ้องดูสีหน้าท่าทีของลิโป้

"อ้อ มีเรื่องเช่นนี้ด้วย? ไฉนเล่าปี่จึงไม่ป้องกันเมืองให้ดี แต่กลับรีบร้อนจะแต่งงานในเวลาเช่นนี้?" ลิโป้หัวร่อ

"ข้าน้อยเกรงว่าเล่าปี่คงทำไปเพื่อที่จะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลต่างๆ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือก เหนือสิ่งอื่นใด ก่อนหน้านี้เล่าปี่เป็นนายอำเภออยู่เพงงวนก๋วน หามีรากฐานอยู่ในชีจิ๋วไม่ ดังนั้นทัศนคติของตระกูลขุนนางในเมืองจึงมีความสำคัญต่อเขายิ่ง ได้ยินมาว่าบุตรีของแม่ทัพโจป้าได้ทำการหมั้นหมายกับเล่าปี่แล้ว" กุยแกกล่าวขึ้นเบาๆ

บิฮองแค่นเสียงก่อนจะกล่าวว่า "โจป้านับเป็นตัวอะไร เพียงอาศัยบารมีของเล่าปี่วางท่าต่อหน้าผู้อื่นเท่านั้น"

"จื่อจ้ง ชีจิ๋วในยามนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ดี ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลบิยังถูกกดดันจากทุกทาง ที่ควรทำตอนนี้จึงเป็นการเดินทางไปยังจิ้นหยาง สำหรับเมืองชีจิ๋วนั้น เพียงทิ้งกิจการเล็กๆไว้ก็พอ ถึงอย่างไรก็ยังต้องมีการติดต่อค้าขายกับชีจิ๋วในอนาคต ไม่ว่าเจ้าเมืองชีจิ๋วจะเป็นใคร พ่อค้าก็ยังคงจำเป็น" ลิโป้กล่าว

"ข้าน้อยเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพียงแต่เวลานี้กองทัพของโจโฉทำการปิดล้อมเมืองเอาไว้ เกรงว่าคงยากจะออกจากเมืองได้" นี่ก็คือสิ่งที่บิต๊กกังวล เช่นเดียวกับตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นๆภายในเมือง เขากังวลว่าเมืองชีจิ๋วจะถูกตีแตก ถึงอย่างไรรากฐานทั้งหมดของตระกูลบิก็ตั้งมั่นอยู่ที่นี่

"เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกังวล กองทัพของโจโฉย่อมต้องไว้หน้าข้า" ลิโป้กล่าวยิ้มๆ

เมื่อบิต๊กและบิฮองได้ยินเช่นนั้นก็พลันนับถือลิโป้กว่าเก่า ณ เวลานี้ เรื่องสำคัญก็คือการออกจาเมืองชีจิ๋ว ตระกูลบิยังมีกิจการแห่งต่างๆอยู่ทั่วแผ่นดิน กล่าวได้ว่ามีอิทธิพลกว้างขวางยิ่ง รวมกับตระกูลเว่ยแห่งเหอตง และตระกูลเอียนแห่งกิจิ๋ว พวกเขาเป็นที่รู้จักกันในนามสามสกุลใหญ่ สุราชั้นยอด กระดาษจิ้นและม้าศึกที่ผลิตขึ้นในปิ้งโจวกำลังขาดตลาด ดังนั้นผลกำไรจึงเป็นที่คาดคำนวณได้ สองตระกูลข้างต้นยังได้ติดต่อเข้ามามากกว่าหนึ่งครั้ง หวังต้องการเข้ามาร่วมแบ่งปันน้ำแกงด้วย

ลิโป้ย่อมไม่สนใจเรื่องราวในวงการพ่อค้า สิ่งที่เขาคิดคือ ทำอย่างไรจึงจะสามารถกระจายสินค้าของปิ้งโจวผ่านตระกูลบิไปยังที่ต่างๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำการแลกเอาเสบียงอาหารและเหล็กเข้ามา

หลังจากได้รับคำชี้แนะ บิต๊กและบิฮองก็กลับไปด้วยความยินดี ด้วยคำสัญญาจากลิโป้ บิต๊กก็มองเห็นโอกาสที่ตระกูลบิจะผงาดขึ้นได้อีกครั้ง นโยบายของปิ้งโจวนั้นมีการสนับสนุนเหล่าพ่อค้า ซึ่งเขาก็คุ้นเคยกับเรื่องนี้ดี การครองตำแหน่งขุนนางนั้นนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพ่อค้า ยิ่งกว่านั้น ศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของปิ้งโจวภายใต้การนำของลิโป้ยังมีแรงดึงดูดใจอย่างมาก

ทักษะฝีมือของบิฮองนั้นค่อนข้างดี เขามักจะนำไพร่พลฝึกฝนอยู่เป็นประจำ เมื่อไปอยู่ปิ้งโจว ที่นั่นย่อมมีพื้นที่ให้เขาแสดงออก เพียงแต่ภายในกองทัพปิ้งโจวนั้นมีการแข่งขันกันสูง ไม่เหมือนที่ชีจิ๋ว ปิ้งโจวนั้นมีแม่ทัพที่เก่งกาจอยู่มากมาย

หลายวันผ่านไป เมื่อเห็นว่าคูน้ำใกล้จะถูกถมจนเต็ม เล่าปี่ก็กำชับอย่างเข้มงวดไม่ให้ไพร่พลออกจากเมืองไปสู้รบ เตียวหุยที่กำลังเดือดดาลเอาแต่พ่นลมเป่าหมวดเคราด้วยความไม่พอใจ ว่ากันว่าเขาดุด่าและสั่งโบยทหารไปหลายวัน วันๆยังเอาแต่ร่ำสุราเพื่อบรรเทาความหงุดหงิดใจ

"พี่ใหญ่ ให้ข้านำกำลังส่วนหนึ่งออกไปโจมตีทัพโจโฉเพื่อทอนกำลังขวัญของพวกมันเถอะ" เตียวหุยเอ่ยปากขออีกครั้ง

"เสวียนเต๋อ ยามนี้กองทัพโจโฉที่นอกเมืองกำลังหย่อนยาน พวกเราสามารถลงมือ" ลิโป้เอ่ยปากแนะนำ

เล่าปี่ขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงผงกศีรษะ "หลังออกจากเมืองไปแล้วอย่าได้ต่อสู้ยืดเยื้อ เพียงจัดการทหารโจโฉจำนวนหนึ่งก็พอ จากนั้นให้รีบถอนตัวทันที"

"ขอรับ!" เตียวหุยรีบวิ่งลงจากกำแพงเมืองด้วยความตื่นเต้นยินดี

เป็นเวลาหลายวันแล้วที่ทหารป้องกันเมืองไม่มีความเคลื่อนไหวใด ดังนั้นไพร่พลกองทัพโจจึงค่อนข้างหย่อนยาน พวกเขารู้สึกว่าทหารชีจิ๋วนั้นเป็นเต่าหดหัว ไม่กล้าสู้กับผู้ใด แม้เผชิญกับไพร่พลที่ปราศจากอาวุธ พวกเขายังไม่มีความกล้าออกมาขับไล่เสียด้วยซ้ำ รู้จักแต่ยิงธนูจากบนกำแพงเพียงอย่างเดียว

บนสนามรบอันร้อนระอุ ทหารกองทัพโจยังคงแบกถุงใส่ดินวิ่งไปถมคูน้ำอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะสามารถถมให้เต็มได้ในวันนี้ แม่ทัพนายกองทั้งหลายพอจะคาดการณ์ได้ว่าเมืองชีจิ๋วจะมีสภาพเป็นอย่างไรหากคูเมืองถูกถมจนเต็ม

ประตูเมืองชีจิ๋วค่อยๆเปิดอ้าออกช้าๆ ดึงดูดสายตาของทหารโจโฉให้หันไปมอง จากนั้นทหารม้าขบวนหนึ่งก็โถมออกมา นำโดยแม่ทัพที่มีศีรษะคล้ายเสือดาว สีหน้าท่าทางดุร้าย ในมือกำทวนอสรพิษ กำลังกวาดมองพวกเขาด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม

เหล่าทหารและแม่ทัพกองทัพโจย่อมคาดคิดไม่ถึงว่าทหารชีจิ๋วที่เอาแต่ตั้งรับอยู่ภายในเมืองจะกล้าส่งกำลังออกมาต่อสู้ เผชิญกับการพุ่งโถมของทหารม้า ขบวนทัพของกองทัพโจโฉก็พลันบังเกิดความวุ่นวายขึ้นมา

ทหารเหล่านี้ล้วนแต่มีประสบการณ์ในการรบ ดังนั้นจึงมีความเข้าใจถึงอานุภาพของทหารม้าอย่างลึกล้ำ เผชิญกับทหารม้าที่กำลังพุ่งเข้าใส่เช่นนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือการเปิดหลีกทาง

เตียวหุยนำทหารม้าร้อยกว่าคนบุกเข้าโจมตีค่ายของโจโฉ ไม่ว่าพุ่งผ่านไปทางใด แม่ทัพและทหารกองทัพโจโฉต่างวิ่งหลบกันชุลมุน หากมองดูจากบนกำแพงเมืองก็จะพบว่าทหารม้าขบวนนี้กำลังแหวกฝ่ากองทัพของโจโฉเป็นทางยาว

เล่าปี่มองดูกองทัพชีจิ๋วที่กำลังอาละวาดอยู่ที่นอกเมืองด้วยความเหลือเชื่อ กองทัพของโจโฉอ่อนแอเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาคงส่งกำลังออกไปต่อสู้ตั้งนานแล้ว

ราวกับเข้าใจความคิดของเล่าปี่ ตันเต๋งจึงกล่าวเข้ามากระซิบกล่าวเบาๆ "ใต้เท้า กองทัพโจโฉเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดมาหลายวัน หากส่งกำลังออกไปต่อสู้คงไม่เกิดผลมากถึงเพียงนี้ หลังจากเฝ้าระวังอยู่หลายวันแล้วไม่พบเจออันตราย พวกทหารของโจโฉจึงเกิดความหย่อนยาน มอบโอกาสให้ทัพเราได้ฟันใส่ดาบหนึ่ง"

ได้ยินคำอธิบาย เล่าปี่ก็พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ในดวงตายังทอแววหวาดหวั่นมองชำเลืองมองไปยังลิโป้ เห็นได้ชัดว่าความเข้าใจในสถานการณ์การรบของลิโป้นั้นเหนือกว่าเขาอยู่หลายขุม

สิ่งที่เกิดขึ้นนอกเมืองชีจิ๋วล่วงรู้มาถึงหูของโจโฉอย่างรวดเร็ว

"แม่ทัพเคาทู รีบนำทหารม้าเสือดาวออกศึก" โจโฉกล่าวด้วยความกริ้ว เขาได้กำชับไพร่พลไว้แล้วว่าให้ระวังทหารชีจิ๋วฉวยโอกาส

"จากข่าวที่สายรายงานมา ทหารม้าขบวนี้ร้ายกาจยิ่ง เป็นไปได้หรือไม่ว่าลิโป้ที่อยู่ภายในเมืองจะเคลื่อนไหวลงมือแล้ว?" โจโฉขมวดคิ้วถาม

"ตอบนายท่าน คิดว่าคงไม่ใช่เช่นนั้นขอรับ แม้ว่าเจ้าเมืองปิ้งโจวจะมีความกังวลห่วงใยชาวชีจิ๋ว แต่เขาจะต้องไม่เปิดศึกกับนายท่านในเวลานี้แน่นอน" ซุนฮกกล่าวตอบ

"ไป ไปดูที่นอกเมืองซิ ดูว่าใช่ทหารปิ้งโจวหรือไม่ เพียงมองปราดเดียวก็จะได้คำตอบแล้ว"