ตอนที่ 81 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"ล้อมชนเผ่านี้ไว้" แม้ชนเผ่าซยงหนูจะย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในแผ่นดินฮั่น ทว่าพวกเขาก็ยังคงดำเนินชีวิตตามวิถีทุ่งหญ้าไม่แปรเปลี่ยน พวกเขาเกลียดชังชาวฮั่น ดังนั้นจึงพาลมองเมืองของชาวฮั่นขัดหูขัดตาไปด้วย

นับตั้งแต่เกิดสงครามในอดีต สองฝ่ายก็เข่นฆ่ากันไม่จบไม่สิ้น การตายของเป๋าเจ๋อมีเพียงแต่ต้องให้อีกฝ่ายชดใช้ด้วยเลือดเท่านั้น!

ความเงียบสงัดในยามวิกาลแปรเปลี่ยนเป็นความโกลาหล ทหารม้าเฟยฉีที่บุกมาจากทุกทิศทุกทางทำให้ชาวเผ่าฮูเหยียนแตกตื่นจนหน้าถอดสี แม้พวกเขาจะเป็นทั้งนักรบและคนเลี้ยงสัตว์ แต่กระนั้นก็ยังหวาดกลัวต่อศัตรูที่บุกจู่โจมท่ามกลางความมืด ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าช่วงนี้ภายในเผ่าซยงหนูยังเกิดการแย่งชิงภายใน และยังมีข่าวเรื่องทัพฮั่นจะโจมตีแพร่สะพัดไปทั่วจนใจคนระส่ำระส่าย

หลังจากตั้งสติได้ ชาวเผ่าหลายคนก็จับอาวุธขึ้นสู้ แม้แต่สตรีก็ยังชูอาวุธโถมเข้าหาทหารม้าเฟยฉี ในแววตาของเด็กๆมีเพียงประกายแห่งความเกลียดชัง ชนเผ่าซยงหนูน้อยครั้งจะเผชิญกับการลอบโจมตี ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าบัดนี้เป็นเวลายามวิกาลที่ผู้คนทั้งหมดนอนหลับพักผ่อนกันหมดแล้ว

ชาวซยงหนูคนแล้วคนเล่าล้มลงจมกองเลือด ศัตรูที่บุกมากลุ่มนี้ร้ายกาจเกินไป ร้ายกาจจนกระทั่งชาวซยงหนูที่ได้ชื่อว่าเป็นเหยี่ยวแห่งทุ่งหญ้าต้องก้าวถอยหลังด้วยความกลัว

ที่สร้างความแตกตื่นแก่ชาวซยงหนูยิ่งกว่าก็คือ ฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับการจำนน เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของอีกฝ่าย พวกเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าพวกเขากำลังพบเจอกับอะไร

นี่เป็นการฆ่าล้างอยู่เพียงฝ่ายเดียว โดยเฉพาะพวกเด็กที่วิ่งชูท่อนไม้เข้าใส่ ทหารม้าเฟยฉีไม่ได้ใจอ่อนใดๆ ยามอยู่บนสนามรบ พวกเขาย่อมปฏิบัติต่อศัตรูอย่างเท่าเทียม

"ยามจัดการศัตรู พวกเราต้องสลักความกลัวลงไปในใจพวกเขา มิเช่นนั้นประชาชนของปิ้งโจวคงไม่ได้รับความเป็นธรรม ลองนึกถึงชาวบ้านที่ถูกเข่นฆ่าจมกองเลือด พวกเขาได้ไปล่วงเกินชาวซยงหนูที่ใดกัน?" ลิโป้กล่าวเสียงเย็น "พวกเราต้องทำให้ชาวซยงหนูได้ทราบ ว่าชาวปิ้งโจวเราหาใช่แกะอ้วนไม่ และผู้ใดที่กล้าข่มเหงรังแก ต่อให้อยู่ไกล ก็ต้องชดใช้"

"ต่อให้อยู่ไกล ก็ต้องชดใช้!" ทหารม้าสองพันกว่าคนชูอาวุธตะโกนขึ้นพร้อมกัน

เมื่อทำลายเผ่าหนึ่งแล้ว พวกเขาก็ขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังเป้าหมายถัดไป ขณะที่สงครามดำเนินไป ทหารม้าแต่ละคนก็มีม้าศึกคนละสองตัว และนั่นทำให้ความเร็วในการเคลื่อนพลของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เพียงหนึ่งคืน ชนเผ่าซยงหนูก็ถูกกวาดล้างไปสามเผ่า อวี๋ฟู่หลัว หลิวเป้า และฮูลี่ที่ได้รับข่าวต่างมีสีหน้ามืดครึ้ม ทั้งสามเผ่าถูกทัพม้าทำลายไปทีละเผ่า ที่สร้างความตกตะลึงให้พวกเขามากที่สุดก็คือความโหดเหี้ยมของทัพฮั่น ผู้ที่มีความสูงเกินล้อรถล้วนถูกสังหารโดยไม่สนเพศ ซึ่งนี่ยังโหดร้ายกว่าที่ชาวซยงหนูปล้นชิงตามหมู่บ้านของชาวฮั่นเสียอีก

เผชิญกับการปลอบโยนของหลิวเป้าและอวี๋ฟู่หลัว ฮูลี่ก็นิ่งเงียบ เขารู้ว่าในใจสองคนนี้กำลังยินดีในคราเคราะห์ของผู้อื่น สามเผ่าที่ถูกกวาดล้างไปนั่นเป็นเผ่าในสังกัดของเขาเอง

"จะปล่อยให้ทหารม้าทัพฮั่นอาละวาดในถิ่นของพวกเราต่อไปไม่ได้ ชนเผ่าต่างๆเป็นรากฐานของพวกเรา พวกเราต้องล่อทัพฮั่นมาแล้วโอบล้อมไว้ทันที" ฮูลี่กล่าวขึ้น

เมื่อสถานการณ์มาถึงขั้นนี้ หลิวเป้าและอวี๋ฟู่หลัวก็ตระหนักได้ว่าเรื่องนี้ไม่มีทางออกอื่น ทัพฮั่นจะต้องไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่ ความเป็นไปได้ที่เรื่องนี้จะเป็นความบังเอิญลดต่ำลง ถึงตอนนี้ หลิวเป้าก็ตระหนักได้แล้วว่านี่จะต้องเป็นอุบายของอ้วนเสี้ยวไม่ผิดแน่ เป็นอุบายที่จะกวาดล้างชนเผ่าซยงหนู

เดิมทีชนเผ่าซยงหนูอาศัยอยู่ในแผ่นดินฮั่น แม้ความเป็นอยู่อาจจะลำบากไปบ้าง แต่ก็ไม่มีอันตรายใด แต่การโจมตีเมืองฮั่นได้ผลักชาวซยงหนูให้ไปยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามของชาวฮั่น และทัพฮั่นจะต้องไม่ยอมรามือแน่

ชนเผ่าซยงหนูอาศัยอยู่ในพื้นที่ของชาวฮั่น รอบด้านจึงมีแต่ชาวฮั่น เมื่อพวกเขาโจมตีเมืองของชาวฮั่น สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ยังจะเป็นอะไรไปได้นอกจากการถูกวาดล้าง และอ้วนเสี้ยวก็เพียงแค่ยืมมือกองทัพฮั่นมากำจัดพวกเขา

หลิวเป้าได้แต่เก็บความคิดนี้ไว้ในใจ ทั้งสามหารือวิธีจัดการทหารม้าทัพฮั่น มีเพียงการกำจัดทหารม้ากลุ่มนี้เท่านั้น ชนเผ่าซยงหนูของพวกเขาจึงจะมีโอกาสได้พักหายใจ

"เรียนนายท่าน หน่วยสอดแนมของเราพบหน่วยสอดแนมชาวซยงหนูที่ยี่สิบลี้เบื้องหน้าขอรับ" หลี่เยี่ยนกล่าวด้วยความกังวล

"ให้หน่วยสอดแนมของเราล่อพวกเขาออกไป อีกฝ่ายจะได้ไม่พบเห็นพวกเรา" ลิโป้สั่งการ "หลังจากกรำศึกอย่างต่อเนื่อง พวกเราคงต้องพักกันสักหน่อย ท่านกุนซือและกองพลหมาป่าของแม่ทัพเตียวเลี้ยวก็มาถึงแล้ว ถึงเวลาแล้วที่พวกซยงหนูจะได้เห็นว่าพวกเราแข็งแกร่งเพียงใด"

พวกที่จะล่อทัพฮั่นให้เข้ามาติดกับ หน่วยสอดแนมซยงหนูจึงถูกกระจายกำลังออกไป

ที่สร้างความประหลาดใจแก่ชาวซยงหนูก็คือ หน่วยสอดแนมทัพฮั่นที่เคยดุร้ายจะหนีไปทันทีที่สองฝ่ายพบหน้า

ตลอดหลายวันมานี้ ลิโป้และชนเผ่าซยงหนูก็คล้ายเล่นแมวจับหนู ด้วยข้อกำหนดที่ให้ทหารม้าเฟยฉีทุกนายมีม้าคนละสองตัว ต่อให้ชาวซยงหนูร้ายกาจเพียงใด พวกเขาก็ยังไล่ตามไม่ทัน

หลิวจ่านรู้สึกอับอายยิ่ง เดิมทีเขาคิดจะแสดงความสามารถและสร้างเกียรติยศให้หลิวเป้า ผู้ใดจะทราบได้ว่าเขากลับไม่เห็นทัพฮั่นแม้แต่เงา

หลังจากขี่ม้าตามหาอีกฝ่ายอยู่นาน ชาวซยงหนูก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแทบหมดแรง

เมื่อได้รับข่าวว่าทัพฮั่นอยู่ด้านหน้าห่างออกไปไม่ไกล บนใบหน้าของหลิวจ่านก็ปรากฏรอยยิ้ม สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากทัพใหญ่ซยงหนูไม่ไกล ขอเพียงสามารถล่อทัพฮั่นมาได้ อีกฝ่ายย่อมไม่มีทางรอด และการทำลายกองทัพฮั่นก็นับว่าเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่

เมื่อลิโป้ได้รับข่าวจากหน่วยสอดแนม บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา ในที่สุดสิ่งที่เขารออยู่ก็มาได้สักที "บอกเหวินหยวนให้เตรียมโจมตีพวกซยงหนู"

เตียวเลี้ยวนำกองพลหมาป่าหนึ่งพันนายมาถึงเมืองซีเหอแล้ว และกาเซี่ยงเองก็นำทหารใหม่สองหมื่นนายจากปิ้งโจวเคลื่อนพลเข้าใกล้ชนเผ่าซยงหนูแล้วเช่นกัน

ทหารม้าเฟยฉีเร่งความเร็วขึ้นจนตามทหารม้าซยงหนูสองพันนายทัน ลิโป้สั่งให้พวกทหารตะโกนโห่ร้อง เขาต้องการจะทำให้พวกซยงหนูคิดว่าทัพฮั่นหลงกลแล้ว

สภาวะการโถมบุกของทัพฮั่นสร้างความตื่นตระหนกแก่ทัพซยงหนู ทว่าสีหน้าของพวกหลิวเป้าทั้งสามกลับฉายแววยินดี ทัพฮั่นติดกับแล้ว ขอเพียงทัพซยงหนูโอบล้อมได้สำเร็จ ถึงตอนนั้นทัพฮั่นก็ยากจะฝ่าออกไปได้ เพื่อแผนการนี้ พวกเขานับว่าเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี

ทหารม้าสองฝ่ายเริ่มเข้าปะทะกัน ทหารม้าเฟยฉีบุกเข่นฆ่าอย่างไร้ผู้ต้าน ทหารม้าซยงหนูทำได้เพียงถอยร่นครั้งแล้วครั้งเล่า

เมื่อหลิวเป้าได้เห็นฉากนี้เขาก็อดจะตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้ ทั้งสองฝ่ายมีกำลังคนต่างกันไม่มาก แต่เพียงช่วงเวลาสั้นๆก็มีทหารซยงหนูล้มตายไปกว่าร้อยคนแล้ว ขณะที่ทางฝั่งทัพฮั่นเกิดการสูญเสียไม่มาก หากสถานการณ์ยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ ชนเผ่าซยงหนูคงต้องเสียหายอย่างหนักแล้ว

ชาวซยงหนูเป็นชนเผ่าที่ใช้ชีวิตอยู่บนหลังม้า กระนั้นการจะเพาะสร้างทหารม้าขึ้นมาสักห้าพันคนนั้นก็ยังนับเป็นเรื่องยาก หากปล่อยให้ทหารม้าถูกฆ่าล้างตามอำเภอใจ ชนเผ่าซยงหนูก็คงต้องใช้เวลาพักฟื้นอีกนาน

ท้องฟ้าเริ่มมืดค่ำ ขณะที่ทหารซยงหนูยังถูกเข่นฆ่าต่อไป

ขณะที่หลิวเป้าสั่งให้กองทัพเคลื่อนกำลังไปโอบล้อมทัพฮั่น ทันใดนั้นก็มีทหารม้ากองหนึ่งปรากฏขึ้นจากทางปีกซ้ายของพวกเขา ทหารม้าเหล่านี้ห่มหนังหมาป่าและชูธงรูปหมาป่า พวกเขาควบม้าพุ่งเข้าใส่ทหารราบของชาวซยงหนูอย่างรวดเร็ว ต่อหน้าทหารม้าแล้ว ทหารราบก็ทั้งอ่อนแอและเปราะบาง ทหารม้าเพียงหนึ่งนายสามารถพรากชีวิตทหารราบได้ห้าถึงหกคน สภาวะการโถมพุ่งของทหารม้าสร้างความพรั่นพรึงให้กับทหารราบยิ่ง ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าใช้ร่างเลือดเนื้อไปปะทะกับม้าที่ควบเข้ามาด้วยความเร็ว