จางเส้าใคร่ครวญดูแล้วก็มั่นใจว่าไม่มีกลุ่มอิทธิพลอื่นอีก ทันใดนั้นเขาก็พลันนึกได้ว่ามีกลุ่มอิทธิพลหนึ่งที่เข้าเค้า สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง ค่ายแห่งนี้เป็นรากฐานของเขา หากไร้ซึ่งค่ายและผู้คนภายในค่าย จางเส้าก็ไม่เหลืออะไรแล้ว
เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของจางเส้า ลิโป้ก็กล่าวว่า "คงเป็นเพราะเจ้าก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้มาก ตอนนี้คงถูกคนตามมาล้างแค้นกระมัง?"
จางเส้าไม่ได้พูดอะไร เอวที่เคยตั้งตรงพลันหย่อนลงอย่างทดท้อ เพื่อค่ายแห่งนี้แล้ว เขาต้องลงทุนลงแรงไปมากมาย "ข้าน้อยขอร้องท่านโปรดยื่นมือช่วยเหลือ แล้วข้าน้อยจะสำนึกขอบคุณไปชั่วชีวิต"
ลิโป้ยิ้มก่อนจะกล่าวว่า "พูดเรื่องสำนึกกับโจรงั้นหรือ? ช่างเป็นเรื่องที่ชวนหัวร่อเสียจริง" ลิโป้ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องราวเหนือความคาดหมายขึ้นกับสมบัติของเตียวเหยียง สำหรับการช่วยเหลือพวกโจรนั้น เขาไม่มีความคิดเข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด นอกจากนั้นจางเส้ายังดึงดูดความสนใจจากเขาไม่ได้
"เช่นนั้น เมื่อพวกท่านพบสิ่งที่ต้องการแล้ว ก็ขอโปรดจงรักษาสัญญา แล้วปล่อยข้าน้อยไป" จางเส้ากล่าว ค่ายแห่งนี้เป็นทรัพย์สินทั้งหมดที่เขามี เขาจะต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ มิเช่นนั้น ด้วยวีรกรรมในอดีตของเขาแล้ว เขาก็คงจะอยู่ในพื้นที่แถบนี้ไม่ได้อีกต่อไป มีโจรไม่น้อยที่หมายตาค่ายแห่งนี้อยู่
"หลังจากพวกเราไปแล้ว ย่อมต้องปล่อยเจ้าแน่นอน"
เมื่อทราบว่ากลุ่มคนที่บุกค่ายไม่ได้มาที่นี่เพราะเขา ลิโป้จึงสงบนิ่ง เขาสั่งให้หน่วยเฟยอิงไปสืบดูสถานการณ์ภายในค่าย
มณฑลซือลี่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย หากไม่ใช่เพราะขุมทรัพย์ของเตียวเหยียง ลิโป้ก็คงจะไม่เฉียดเข้าใกล้ลั่วหยางเป็นอันขาด ตอนนี้เขาไม่ได้มีกองทัพใต้บัญชา เพื่อที่จะผนวกกลืนซือลี่โดยสมบูรณ์ หลีกเลี่ยงปัญหาได้เรื่องหนึ่งย่อมดีกว่า
จางเส้าไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับสมบัติของเตียวเหยียงอีกต่อไป แต่เป็นค่ายภูเขา หากไม่มีกำลังมากพอ การคิดแย่งชิงสมบัติจากคนเหล่านี้ก็เป็นเพียงฝันกลางวัน
วันรุ่งขึ้น หน่วยเฟยอิงก็กลับมารายงานต่อลิโป้
ที่แท้ กลุ่มที่บุกโจมตีค่ายของจางเส้าก้คือกลุ่มอิทธิพลหนึ่งในแถบลั่วหยาง คนเหล่านี้ตั้งตนเป็นอ๋องแห่งขุนเขา มีกำลังคนห้าพันกว่าคน ผู้นำเป็นบุรุษที่มีนามว่า ชิงหนิว ในช่วงปีที่ผ่านมา ชิงหนิวได้กวาดล้างกลุ่มอิทธิพลอื่นๆและผนวกเข้ามาอยู่ใต้บัญชา เขาเคยพยายามชักชวนจางเส้าอยู่หลายครั้ง แต่จางเส้าก็ปฏิเสธ ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงมาแล้ว
ผ่านไปราวครึ่งเดือน ลิโป้และคนอื่นๆยังคงซ่อนตัวอยู่ภายในภูเขา ด้วยมีหน่วยเฟยอิงอยู่ที่นี่ แม้ว่าอาหารจะน้อยไปบ้าง แต่ก็ไม่มีผู้ใดต้องหิวโซ
"นายท่าน ไม่ดีแล้วขอรับ ขบวนรถของพวกเราถูกโจรภูเขาซุ่มโจมตีระหว่างที่ผ่านลั่วหยาง เกรงว่าบัดนี้ขบวนคงแตกพ่ายไปแล้วขอรับ" จ้าวซู่วิ่งกลับมาพร้อมกับทหารสองคนที่สวมชุดเกราะเสียหาย
"พวกโจรสารเลว! โหวผู้นี้ไม่ไปข้องแวะกับพวกมัน แต่พวกมันกลับสอดมือเข้ามา" ลิโป้พลันหน้าดำคร่ำเครียด ด้วยมีสมบัติมากมายอยู่กับตัว ลิโป้จึงมีเพียงความคิดออกไปจากที่นี่และกลับปิ้งโจวโดยเร็วที่สุด นี่ก็เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในระหว่างทาง มิคาด พวกโจรแถบลั่วหยางกลับไปกินดีหมีหัวใจเสือมา ถึงกับกระทั่งกล้าปล้นขบวนรถของปิ้งโจว
................................
หลังจากปล้นชิงสินค้าจากขบวนรถขนาดใหญ่นี้ได้แล้ว ชิงหนิวก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาย่อมเคยได้ยินชื่อขบวนสินค้าของปิ้งโจวมาก่อน โจรหลายกลุ่มมักจะหลีกเลี่ยงเมื่อได้เห็นธง ทว่าในละแวกลั่วหยางนี้ไม่เคยมีขบวนพ่อค้าจากปิ้งโจวผ่านทางมาก่อน บัดนี้กลับมาถึงขบวนหนึ่ง เขานึกไม่ถึงเลยว่าจะต้องสูญเสียสมุนกว่าห้าร้อยคนไปเพื่อรถม้าที่ว่างเปล่าสามสิบคัน
"พวกเจ้ามาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใด?" ชิงหนิวถามขณะถลึงตาใส่ผู้นำขบวนที่ยังคงขัดขืนแม้ว่าจะถูกจับมัดไว้แล้วก็ตาม
"เพ้ย พวกโจรสถุล ไม่ช้าก็เร็ว ทัพปิ้งโจวจะให้พวกเจ้าได้ตายโดยไร้ที่กลบฝัง!" อวี๋ฉางถ่มน้ำลายพลางจ้องมองชิงหนิวอย่างดูแคลน
หัวหน้าโจรคนอื่นๆต่างหงุดหงิด เมื่อเห็นว่าอวี๋ฉางยังดื้อรั้น พวกเขาก็ก้าวออกมาพลางชักดาบออกจากฝัก
ชิงหนิวยกมือหยุดหัวหน้าโจรเหล่านั้นไว้ก่อนจะค่อยๆกล่าวกับอวี๋ฉางว่า "เห็นแก่ที่เจ้ามีฝีมือกล้าแข็ง อยู่ในปิ้งโจวจะยังไปมีอนาคตอะไร มาติดตามบิดา อยากกินเนื้อก็ได้กินเนื้อ อยากกินเหล้าก้ได้กินเหล้า สุขสบายถึงเพียงไหน ขอเพียงเจ้าปฏติตามอย่างเชื่อฟัง รับรองเลยว่าเจ้าจะได้ทั้งเกียรติยศและชีวิตที่มั่งคั่ง"
"พวกโจรสถุล กล้าเอ่ยถึงเกียรติยศ ความมั่งคั่ง ไม่กลัวว่าจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะเอาหรือ?" อวี๋ฉางแค่นเสียง
ในสำนักคุ้มภัยเจิ้นเหยี่ยน อวี๋ฉางมีฝีมือไม่ต่ำทราม แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหัวหน้าโจรที่ชื่อว่าชิงหนิวผู้นี้ เขาก็ดูจะด้อยกว่าเล็กน้อย เขาทำงานอยู่ในสำนักคุ้มภัยเจิ้นเหยี่ยนมานาน ในขบวนรถที่เคยเดินทางขบวนก่อนๆ เขาไม่เคยได้ผ่านมายังลั่วหยาง อีกทั้งขบวนสินค้าที่ต้องคุ้มกันในครั้งนี้ก็แปลกประหลาดยิ่ง เป็นรถม้าสามสิบคัน ขณะที่มีเพียงห้าคันที่มีสุราจิ้นและกระดาษจิ้นอยู่จำนวนหนึ่ง เขาเดินทางมาที่จากทางเมืองโห้ลาย แน่นอนว่าเขาไม่อาจฝ่าฝืนคำสั่งจากเบื้องบนได้
"ข้าบอกแล้วว่าจะมอบเกียรติยศและความมั่งคั่งให้ แต่เจ้ากลับไม่รับเอาไว้ เจ้าคิดว่าบิดาเพียงเป็นโจรธรรมดาทั่วไปงั้นรึ?" ชิงหนิวโน้มตัวเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของอวี๋ฉาง เขาเองก็รักชอบผู้ที่มีความสามารถ อวี๋ฉางมีฝีมือเชิงยุทธิ์ไม่เลว หากสามารถรับตัวเข้ามาในสังกัด นั่นก็จะช่วยแบ่งเบาภาระแก่เขาได้อย่างมาก
"อย่าได้คิดฝัน!" อวี๋ฉางแค่นเสียงเย็น แม้ว่าเขาจะเป็นผู้นำขบวนของสำนักคุ้มภัยเจิ้นเหยี่ยน แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นทหารของกองทัพปิ้งโจว ดังนั้นในใจจึงเกลียดชังพวกโจรยิ่ง
"สุราคารวะไม่ดื่ม พาลดื่มสุราจับกรอก!" ชิงหนิวส่งสายตาให้โจรที่อยู่ด้านข้าง
โจรสองคนลากอวี๋ฉางที่ยังคงด่าทอไม่หยุดออกไป ค่ายโจรของชิงหนิวนั้นแตกต่างจากค่ายโจรแห่งอื่น ที่นี่มีคุกคุมขัง ที่นี่มีไว้เพื่อขังชาวบ้านที่ไม่ยอมเข้าร่วม คุกเหล่านั้นคือถ้ำแห่งหนึ่ง โดยมีโจรคอยเฝ้าอยู่ที่ด้านนอก
"ทำไมยังต้องดื้อด้านโดยเปล่าประโยชน์ด้วย? ท่านหัวหน้าใหญ่ให้ค่าเจ้ามาก ขอเพียงเจ้ายอมเข้าร่วมกับค่ายเรา เจ้าก็สามารถเพลิดเพลินไปกับความมั่งอันไร้สิ้นสุด!" โจรคนหนึ่งเกลี้ยกล่อมเบาๆ
อวี๋ฉางที่ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้วก็สลบไปหลังจากถูกทุบตี จากนั้นจึงถูกโยนเข้าไปในคุกโดยโจรสองคน
ความเย็นที่ริมฝีปากทำให้อวี๋ฉางฟื้นขึ้นมา เป็นชายวัยกลางคนมอซอผู้หนึ่งกำลังป้อนน้ำให้กับเขา
"ท่านคือ?" อวี๋ฉางพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่ชายวัยกลางคนก็กดตัวลงไปอย่างอ่อนโยน
"ขะ...ข้า....ข้า...ข้าน้อย ถูก....ถูกปล้น.....โดย....โดยโจร.....ชิงหนิว" ชายวัยกลางคนต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการจะกล่าวจนจบประโยค
"ขอบคุณ" อวี๋ฉางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
"ดะ...ดู...ดูท่าน คล้าย....คล้าย....กองทัพ....ทหาร....ในกองทัพ.....ทะ....ทำไม....ถึง.....ถูก...ถูกชิงหนิว.....จับมา?" ชายวัยกลางคนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"ข้ายังไม่ทราบนามของท่านเลย" น้ำเสียงของอวี๋ฉางดูอ่อนแรงอยู่บ้าง และคำพูดของชายวัยกลางคนก็ยากจะฟังเข้าใจ
"โอ....ขะ....ข้า....ข้าน้อย มะ....ม้ากิ้น....ชะ...ชาว...ซือลี่" ม้ากิ้นตอบด้วยใบหน้าแดง
"ข้าน้อยเป็นคนของสำนักคุ้มภัยเจิ้นเหยี่ยนจากปิ้งโจว รับผิดชอบในการคุ้มครองขบวนสินค้า หลังจากมาถึงลั่วหยางก็ถูกพวกโจรซุ่มโจมตี" อวี๋ฉางถอนหายใจ เมื่อนึกถึงเหล่าสหายที่ตายไปแล้ว เขาก็รู้สึกโศกเศร้าเสียใจ
"ทะ...ท่าน....ท่าน...มา...มาจาก....ปิ้งโจว....จริงๆ? ขะ....ข้า...ข้าน้อย.....ก็....ก็ต้องการ....ไป.....ไปปิ้งโจว" ม้ากิ้นดูเหมือนจะตระหนักได้ว่าอาการพูดติดอ่างของเขาทำให้การสนทนาดำเนินไปด้วยความยากลำบาก ดังนั้นเขาจึงพยุดพูด ในอดีต ก็เป็นเพราะปัญหานี้เอง หลายคนจึงได้หัวเราะเยาะและล้อเลียนเขา
"พี่ชายม้า ท่านไม่ต้องกังวล กองทัพปิ้งโจวจะไม่นิ่งเฉยต่อเรื่องนี้แน่นอน" เมื่อนึกถึงคำกำชับซ้ำๆจากเจ้าสำนักก่อนที่จะออกเดินทางแล้ว เขาก็รู้สึกได้ว่าขบวนสินค้าของเขาต้องมีความสำคัญไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved