ตอนที่ 277 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

เมื่อได้เห็นเงาร่างซึ่งปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู กิเหลงก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ เขาพลันลืมเลือนเรื่องค่าอาหารที่ลิโป้กล่าวเมื่อครู่ มีหรือที่เขาจะไม่คิดถึงครอบครัวเมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังในปิ้งโจวที่ไม่คุ้นเคย อาจกล่าวได้ว่า ที่เขาไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อลิโป้เสียที ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะกังวลต่อความปลอดภัยของครอบครัวและบุญคุณของอ้วนสุด หลังจากยอมถูกจองจำมานาน หนี้ที่ติดค้างเหล่านั้นก็ถือว่าได้ชดใช้คืนไปแล้ว

"ท่านพ่อ" กิจุนก้าวออกมาคำนับผู้เป็นบิดา สีหน้าที่อ่อนเยาว์ของเขาเต็มไปด้วยความคิด

กิเหลงตาแดงก่ำ เขาอุ้มกิจุนขึ้นมา หลังจากพิจารณาดูอย่างละเอียดแล้ว เขาก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "ระหว่างที่พ่อไม่อยู่ ได้ละเลยการฝึกฝึกมือหรือไม่? ละเลยการเรียนหรือไม่?"

"ผู้บุตรไม่กล้าลืมคำสั่งสอนของท่านพ่อ" กิจุนค้อมตัวตอบ

"ดี ดี ดี" กิเหลงตบบ่ากิจุนก่อนจะหัวเราะออกมา

กิฮูหยินเองก็เดินเข้ามาคำนับ

เมื่อได้เห็นบุตรชายและภรรยา กิลเหลงก็ดูเหมือนจะมีความสุขยิ่ง เขาได้เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบในช่วงเวลาที่ผ่านมาต่อหน้าคนทั้งหมดอย่างลืมตัว ยิ่งเมื่อได้ฟัง ใบหน้าของเขาค่อยๆเปลี่ยนเป็นหดหู่

หน่วยเฟยอิงต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการตามหาตัวครอบครัวของกิเหลง หลังจากกิเหลงถูกทัพปิ้งโจวจับตัวเอาไว้ แม้แต่อ้วนสุดก็ยังไม่คิดว่าเขาจะรอดชีวิต ยามที่กิเหลงยังอยู่ ย่อมไม่มีขุนนางใดใต้อ้วนสุดกล้ามารังควานครอบครัวของเขา แต่เมื่อกิเหลงล้มลง ตระกูลกิก็ล้มลงอย่างรวดเร็ว ตอนที่หน่วยเฟยอิงพบเจอตัวพวกนางสองแม่ลูก พวกนางก็ไม่มีอาหารตกถึงท้องมาสองวันแล้ว เมื่อนึกถึงชะตากรรมของครอบครัวอดีตแม่ทัพอันดับหนึ่งใต้อ้วนสุดแล้ว หน่วยเฟยอิงก็ได้แต่ทอดถอนใจด้วยความเวทนา

หลังจากเปิดเผยตัวตนแล้ว กิฮูหยินก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พวกนางสองแม่ลูกได้เดินทางมาปิ้งโจวพร้อมกับขบวน ในหวยหนานนั้นไม่มีสิ่งใดให้พวกนางต้องอาลัยอาวรณ์อีก ดังนั้นนางจึงเดินทางมายังปิ้งโจวเพื่อที่จะพบหน้ากับสามีที่ยังมีชีวิตอยู่

"ใยอ้วนสุดจึงกล้าทำเช่นนี้กับข้า" กิเหลงกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูนโปนขึ้นที่หลังมือ

"ท่านสามี" กิฮูหยินดึงเสื้อของกิเหลงเบาๆ

ทันใดนั้นกิเหลงก็พลันนึกขึ้นได้ว่าในสวนแห่งนี้ยังมีลิโป้และคนอื่นๆอยู่ เมื่อหันกลับไปเห็นลิโป้กำลังยิ้มมองมา กิเหลงก็รีบกุมหมัดค้อมคำนับ "กิเหลงผู้ไร้พรสวรรค์เต็มใจจะยอมเป็นม้าเป็นลาให้จิ้นโหว จะติดตามรับใช้จิ้นโหว ชดใช้ค่าอาหารและเงินทองของปิ้งโจว แม้นต้องบุกน้ำลุยไฟก็จะขอรับใช้จิ้นโหวจนถึงที่สุด"

ลิโป้ก้าวออกมาประคองกิเหลงขึ้นพลางกล่าวว่า "แม่ทัพกิกล่าวหนักไปแล้ว เรื่องไร้พรสวรรค์นั้นล้วนเป็นเรื่องน่าขันสำหรับข้า ได้รับแม่ทัพมากความเช่นนี้มาเข้าร่วมกับปิ้งโจว นับเป็นโชคดีของปิ้งโจวแล้ว"

"ขอบคุณนายท่าน" กิเหลงกล่าวขอบคุณ

"แม่ทัพกิไม่ต้องสุภาพ นับแต่นี้ไป ปิ้งโจวก็คือบ้านหลังใหม่ของท่านแล้ว" ลิโป้กล่าวด้วยรอยยิ้ม

กิเหลงรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก ประสบการณ์ที่ครอบครัวของเขาประสบพบเจอมาทำให้รู้สึกได้ถึงน้ำหนักในคำพูดนี้ ในช่วงที่อยู่ในปิ้งโจวนี้ เขาย่อมมีความเข้าใจต่อการกระทำของจวนเจ้าเมืองปิ้งโจวอย่างลึกซึ้ง เขาเชื่อว่าหากวันหนึ่งเขาเกิดตกตายในสนามรบ ครอบครัวของเขาก็จะไม่ต้องเผชิญความยากลำบากดั่งที่เคยพบเจอภายใต้การปกครองของอ้วนสุด

กล่าวได้ว่าประสบการณ์ที่ครอบครัวของเขาได้เผชิญมาทำให้เขาตัดขาดความสัมพันธ์กับอ้วนสุดโดยสิ้นเชิง แม้ว่าลิโป้จะสั่งให้เขาบุกเข่นฆ่าไปยังหวยหนาน เขาก็จะบุกไปโดยไม่ลังเล

"กิจุน รีบมาคำนับจิ้นโหวเร็ว ท่านผู้นี้ก็คือผู้ปกครองปิ้งโจว เป็นวีรบุรุษอันดับหนึ่งแห่งยุค ทั้งซยงหนูและเซียนเป่ยล้วนแต่พ่ายแพ้ต่อท่านผู้นี้" กิเหลงเอ่ยตอบกิจุนที่ยืนอยู่ด้านข้าง

ได้ยินคำ "วีรบุรุษอันดับหนึ่งแห่งยุค" จากกิเหลง ลิโป้ก็พึงพอใจมาก จะมีอะไรน่ายินดีไปกว่าวาจาชื่นชมจากปากของผู้ที่เคยเป็นศัตรู

กิจุนมองดูลิโป้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จากนัน้จึงกล่าวว่า "คำนับจิ้นโหว"

"ดี บิดาพยัคฆ์ย่อมไม่มีบุตรสุนัข บุตรชายของแม่ทัพกิจะต้องเป็นยอดขุนพลได้อย่างแน่นอน" ลิโป้หัวเราะ

"เมื่อครู่ข้าได้ยินแม่ทัพกิบอกว่ากิจุนกำลังฝึกฝนวิชาฝีมือและร่ำเรียนอยู่ ท่านอาจจะให้กิจุนไปพักอยู่ในค่ายทหารภายในเมืองสักระยะก็ได้ ค่ายทหารภายในเมืองนั้นมีการฝึคกเพียงครึ่งวัน ย่อมไม่ทำให้การเรียนที่โรงเรียนจิ้นหยางต้องล่าช้าแน่" ลิโป้กล่าว เขาค่อนข้างเห็นด้วยกับกิเหลงที่ให้บุตรชายร่ำเรียนทั้งบุ๋นและบู๊ เหล่าแม่ทัพในกองทัพปิ้งโจวนั้นล้วนแต่เป็นกลุ่มคนหยาบกร้าน เป็นกลุ่มคนหัวทึบที่หยาบคาย แม้แต่เขียนชื่อตัวเองยังลำบาก หากว่ากองทัพปิ้งโจวสามารถมีแม่ทัพที่เก่งทั้งด้านบุ๋นและบู๊ นั่นก็จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาปิ้งโจวขึ้นอีกมาก

"ขอบคุณนายท่าน" กิเหลงกุมหมัดกล่าว

ลิโป้ดูเหมือนจะอารมณณ์ดีมากที่สามารถดึงตัวกิเหลงมาเข้าร่วมได้ เขามาเยือนกิเหลงด้วยความคาดหวัง เทียบกับจอสิวแล้ว เขารู้สึกว่ากิเหลงยังด่าทอเบากว่า แม้ว่าบัณฑิตส่วนใหญ่จะไม่มีแรงแม้แต่ฆ่าไก่ หากแต่เมื่อเปิดปากด่าทอผู้คนแล้วยังด่าทอได้เจ็บแสบยิ่ง ประโยคที่ด่าออกมาแทบจะไม่ซ้ำกันเลย

.....................

เตียวเอี๋ยนกลับมายังที่พักด้วยจิตใจที่หนักอึ้ง หลังจากขบคิดใคร่ครวญครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็สั่งให้องค์รักษ์ไปเชิญตัวกัวไท่มา ในปิ้งโจวแห่งนี้ มีเพียงกัวไท่ที่เขาสามารถไว้ใจได้ ถึงอย่างไรทั้งสองก็เคยเป็นโจรโพกผ้าเหลืองเหมือนกัน ดังนั้นจึงง่ายที่จะพูดคุย

ร่วมมือกับปิ้งโจวและเข้าร่วมกับปิ้งโจว แม้คำพูดจะใกล้เคียงกัน หากแต่ความหมายกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง เตียวเอี๋ยนเป็นผู้นำของกอทัพภูเขาดำซึ่งมีไพร่พลเรือนแสน เขาเคยพูดเอาไว้ว่าจะไม่ยินยอมสวามิภักดิ์ต่อเจ้าเมืองคนใด และในขณะที่นี้เขาก็ไม่อาจยอมรับความจริงที่ว่าเขาจะต้องเข้าร่วมกับปิ้งโจว ที่สำคัญที่สุดคือ เขาไม่ทราบว่าปิ้งโจวจะเหมาะสมสำหรับกองทัพภูเขาดำจริงๆหรือไม่

กองทัพภูเขาดำไม่เพียงแต่จะมีไพร่พลอยู่นับแสนเท่านั้น แต่ยังมีชาวบ้านทั่วไปอีกเกือบสามแสนคน ดังนั้นเขาจึงต้องพิจารณาในส่วนของคนทั้งเกือบสามแสนนี้ด้วย แม้ว่าการอยู่ภูเขาไท่หางจะยากลำบากอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยชาวบ้านก็สามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย เขาไม่กล้าเอาชีวิตของคนเกือบสี่แสนคนไปเสี่ยงเดิมพัน ต่อให้จะได้รับตำหน่งใหญ่โตเพียงใดก็ตาม

ในระหว่างทางจากกิจิ๋วจนถึงปิ้งโจว กัวไท่และเตียวเอี๋ยนก็นับได้ว่ามีการพูดคุยกันจนเกิดความคุ้นเคย กัวไท่เองก็เคยเป็นแม่ทัพของกองทัพโจรโพกผ้าเหลืองดังนั้นทั้งสองจึงมีหลายสิ่งที่เหมือนกัน

"ไม่ทราบว่าแม่ทัพกัวสามารถพาข้าเดินท่องชมเมืองสักเที่ยวได้หรือไม่?" เตียวเอี๋ยนเอ่ยถาม

กัวไท่พลันเข้าใจความหมายของเตียวเอี๋ยน ในระหว่างทางนั้น เตียวเอี๋ยนคงมีคำพูดคิดว่าการด้วยเป็นแน่ ในใจเขาจึงเกิดความสงสัยและอยากรู้ขึ้นมา "แม่ทัพเตียว เชิญ"

หลังจากได้เห็นสิ่งต่างๆภายในเมืองมากมาย สีหน้าของเตียวเอี๋ยนก็ยิ่งดูซับซ้อน ตอนนี้ เขาก็พลันนึกถึงท่านปรมาจารย์เตียวก๊กขึ้นมา จิ้นหยางแห่งนี้นับเป็นสวรรค์สำหรับผู้คนทั่วไปโดยแท้ จากความมีชีวิตชีวาและคำสนทนาของชาวเมือง เตียวเอี๋ยนก็สัมผัสได้ว่าพวกเขาพึงพอใจกับความเป็นอยู่ในปัจจุบัน ที่ทำให้เตียวเอี๋ยนประหลาดใจมากที่สุดก็คือ พวกชาวเมืองมักจะเอ่ยถึงการส่งบุตรหลานให้เข้าร่วมกับกองทัพปิ้งโจว

"แม่ทัพกัว ไฉนพวกชาวเมืองจึงคิดจะส่งบุตรหลานไปเข้าร่วมกับกองทัพกัน? พวกเขาไม่กลัวว่าบุตรหลานจะตายในสนามรบบ้างหรือ?" เตียวเอี๋ยนเอ่ยถาม

"หากเป็นเมื่อก่อน ข้าน้อยก็คงไม่อาจตอบคำถามนี้" กัวไท่หยุดลงก่อนจะยิ้ม แล้วกล่าวต่อว่า "การเข้าร่วมกองทัพปิ้งโจวนั้นไม่ง่ายเลย หากว่าทัพปิ้งโจวรับสมัครไพร่พลจำนวนห้าหมื่น อย่างน้อยก็จะมีผู้ไปสมัครจำนวนแปดหมื่น ในบรรดาผู้สมัครเหล่านี้ ผู้ที่โดดเด่นก็จะได้เข้าร่วมค่ายทหาร สุดท้ายจะมีทหารเพียงหนึ่งหมื่นคนเท่านั้นที่ได้เข้าร่วมกับกองทัพ ส่วนคนที่เหลือก็จะถูกคัดทิ้งทั้งหมด"

"ระหว่างการเข้าร่วมค่ายทหารและการเข้าร่วมกองทัพนั้นแตกต่างกันยิ่ง หากว่าเข้าร่วมค่ายทหาร แม้จะฝึกฝนทุกวัน แต่ก็จะฝึกฝนเพียงครึ่งวัน อีกครั้งวันก็จะเป็นเวลาอิสระ และเบี้ยเลี้ยงที่ได้รับก็จะเป็นครึ่งหนึ่งของทหารที่ประจำการอยู่ในกองทัพ หากเป็นการเข้าร่วมกับกองทัพนั้น ก็จะได้รับเบี้ยเลี้ยงเป็นประจำทุกเดือน ครอบครัวที่มีคนในครอบครัวเป็นทหารก็จะได้รับที่ดินมากกว่าชาวบ้านทั่วไปสองเท่า ทั้งยังงดเว้นไม่ต้องจ่ายภาษี"