"ในเมื่อปิ้งโจวมีโรงเรียนสำหรับบัณฑิต เช่นนั้นพวกเราก็จะสร้างโรงเรียนสำหรับนายทหารขึ้นมา ให้ใช้ชื่อว่า โรงเรียนพิชัยยุทธ์ พวกเขาท่านสามารถคัดเลือกคนมาสอนเหล่าแม่ทัพในยามกลางคืนได้เลย" ลิโป้กล่าว
เมื่อได้ยินชื่อของโรงเรียนพิชัยยุทธ์เป็นครั้งแรก เหล่าแม่ทัพต่างก็เกิดความสงสัยใคร่รู้ขึ้นมา แต่การจะทำให้พวกเขาสามารถอ่านออกเขียนได้นั้นไม่ต่างอะไรจากการทำศึกครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงช่วงถ่ายทอดประสบการณ์ในสนามรบ เหล่าแม่ทัพต่างก็ตั้งใจฟังกันมาก เทียบกับการเรียนหนังสือแล้ว พวกเขารู้สึกว่าอย่างหลังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่า บัณฑิตที่ถูกส่งมาได้แต่ยิ้มเจื่อน เพราะหากไปพูดจาไม่เข้าหูเข้า พวกเขาก็จะถูกทำให้ต้องอับอาย นับว่ายากจะจัดการเหล่าอันธพาลใหญ่ในกองทัพกลุ่มนี้จริงๆ
หลังจากลิโป้ทราบเรื่อง เขาสั่งการลงไป ทำให้สภาพการณ์ดีขึ้นมาก
นับตั้งแต่ที่เชลยชาวเซียนเป่ยมาถึงปิ้งโจว พวกเขาก็แทบจะไม่มีเวลาให้หยุดพัก น้ำพักน้ำแรงของพวกเขาทำให้เกิดถนนซีเมนต์ในปิ้งโจวขึ้นอีกสาย หนึ่งเป็นถนนที่เชื่อมต่อเมืองจิ้นหยางกับด่านหูกวน
ขณะที่อีกหนึ่งเชื่อมจากเมืองจิ้นหยางไปยังด่านเยี่ยนเหมิน นี่เป็นถนนเส้นที่ยาวที่สุด และเป็นถนนที่มีความสำคัญต่อปิ้งโจวมาก เพราะหากว่าชาวเซียนเป่ยต้องการรุกรานปิ้งโจว พวกเขาก็ต้องยึดด่านเยี่ยนเหมินให้ได้เสียก่อน หลังจากถนนสายนี้ถูกสร้างจนเสร็จสมบูรณ์ การขนถ่ายเสบียงระหว่างเมืองจิ้นหยางกับด่านเยี่ยนเหมินก็จะรวดเร็วขึ้นมา
ในตอนนี้ ภายในเมืองจิ้นหยางมีไพร่พลประการอยู่ถึงห้าหมื่นคน เทียบกับตอนที่ลิโป้เพิ่งได้ปกครองปิ้งโจวแล้ว ก็นับว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ความสามารถในการเลี้ยงดูทหารของปิ้งโจวนั้นเกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าอย่างมาก เฉพาะเพียงกำไรจากกระดาษจิ้นและสุราจิ้นก็พอจะใช้เลี้ยงดูทหารจำนวนห้าหมื่นคนแล้ว เดิมทีผลกำไรของสินค้าทั้งสองยังไม่มากถึงเพียงนี้ แต่หลังจากลิโป้เฉือนตัดหอการค้าจิ้นออกและแบ่งการควบคุมตลาดให้บิต๊กดูแล ผลกำไรที่ได้รับกลับก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ตระกูลบิสามารถมีกิจการค้าขายใหญ่โตในชีจิ๋วได้ ย่อมมีอิทธิพลไม่ธรรดา มิเช่นนั้นเล่าปี่คงเต็มใจปล่อยบิต๊กมาโดยไม่ลองรั้งตัวไว้จนต้องผิดใจกับลิโป้แล้ว
ลิโป้เริ่มกลับมามีวิถีชีวิตที่ปกติมากขึ้น ยามเช้า เขาจะอยู่ที่จวนเจ้าเมือง พอตกบ่ายก็จะเดินทางไปยังค่ายทหาร บางครั้งก็จะไปเยี่ยมชมโรงางนช่างฝีมือ
เหล่าทหารเริ่มค่อยๆคุ้นชินกับกิจวัตรเช่นนี้ เหล่าทหารที่เพิ่งเข้าร่วมกองทัพย่อมตื่นเต้นกับการปรากฏตัวของลิโป้ โดยเฉพาะยามที่ลิโป้ร่วมฝึกฝนกับพวกเขา
ครึ่งเดือนต่อมา กองทัพปิ้งโจวก็มีการจัดการแข่งขันครั้งใหญ่ขึ้น นับตั้งแต่พลทหารจนถึงแม่ทัพ ทุกคนล้วนสามารถเข้าร่วม ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนต้องการเข้าร่วม กรมกองต่างๆเริ่มทำการคัดเลือกแม่ทัพและทหารที่จะเข้าร่วมในการแข่งขัน โดยจะมีการแข่งขันหลายรายการ อันได้แก่ แข่งยิงธนู วิ่งแข่ง แข่งดึงข้อ แข่งบาร์คู่ แข่งขันฝ่าด่านอุปสรรค และอื่นๆ เพื่อสามารถพัฒนาศักยภาพให้กับทหาร การฝึกฝนของทหารปิ้งโจวจึงอิงจากการแข่งในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ในยุคอาวุธเย็นเช่นนี้ การมุ่งเน้นพัฒนาความแข็งแกร่งของร่างและการใช้อาวุธย่อมให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
นี่เป็นการแข่งขันใหญ่ครั้งแรกของกองทัพปิ้งโจว เหล่าแม่ทัพและพลทหารต่างก็เข้าร่วมกันอย่างกระตือรือร้น และรางวัลเองก็ล้ำค่าจนหลายคนต้องอิจฉา พวกทหารระดับล่างนั้นไม่ได้สนใจเงินรางวัลสักเท่าใด ที่พวกเขาสนใจคือการเลื่อนขั้น! นี่ต่างหากจึงเป็นรางวัลที่ทำให้พวกเขาตาลุกวาว มีเพียงการผลงานเท่านั้น พวกเขาจึงจะสามารถโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางทหารจำนวนหลายหมื่น
เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าการทหารเป็นเรื่องสำคัญ ลิโป้และเหล่าบุคคลระดับสูงของปิ้งโจวจึงเข้ามาชมดูด้วยตัวเอง
ทั้งกาเซี่ยงและกุยแกต่างก็ทราบดีว่าในช่วงเวลาที่แผ่นดินกำลังวุ่นวายเช่นนี้ ความเข้มแข็งทางด้านการทหารนับว่ามีความสำคัญอย่างสุดซึ้ง ดังนั้นพวกเขาจึงสนับสนุนให้ขยายกองทัพได้ตราบเท่าที่ปิ้งโจวยังมีกำลังพอเลี้ยงดู ซึ่งความจริง หากว่าปิ้งโจวยกเลิกการจ่ายเงินเดือนให้กับพลทหาร พวกเขาก็จะสามารถขยายกองทัพได้อีกเป็นเท่าตัว เพียงแต่การคงอยู่ของระบบนี้เป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับเหล่าทหาร
ในกองทัพทั่วไปนั้น เมื่อกองทัพเกิดความเสียหายเกินกว่าสามส่วน นั่นก็มีความเป็นไปได้มากว่าจะมีทหารหนีทัพ และหากว่ากองทัพเสียหายเกินห้าส่วน กองทัพก็จะพังทลาย ภายใต้สถานการณ์ปกติแล้ว ปิ้งโจวสามารถทำได้ดีกว่า พวกเขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับแนวหลัง กระทั่งต่อให้พวกเขาตายในสนามรบ คนในครอบครัวก็จะได้รับค่าชดเชยอย่างเหมาะสม คนในครอบครัวของพวกเขาจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถอยู่อย่างมีเกียรติ ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบาก พวกเขาก็จะระเบิดพลังต่อสู้ที่เหนือจินตนาการออกมา
การแข่งขันของระดับพลทหารนั้นดุเดือดและเร้าใจที่สุด ไม่ว่าทหารคนใดก็ล้วนแต่มีความฝัน มีผู้ใดที่ไม่ต้องการจะขึ้นเป็นแม่ทัพ? มีผุ้ใดที่ไม่ต้องการให้ครอบครัวได้อยู่อย่างสุขสบาย? การได้รับสวัสดิการระดับแม่ทัพนั้นคือความใฝ่ฝันของพลทหารทุกนายในกองทัพปิ้งโจว
นอกจากนั้น ทหารของกองทัพปิ้งโจวยังไม่เหมือนกับทหารจากกองทัพของมณฑลอื่น พวกเขาส่วนใหญ่เข้าร่วมกองทัพด้วยความเต็มใจ ทุกคนล้วนต้องการจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ ภายในกองทัพนี้ ลิโป้นับว่าเป็นผู้ที่มีบารมีมากที่สุด คำพูดของเขาเปรียบดังคำตัดสิน กองทัพปิ้งโจวก็คือรากฐานของทุกสิ่งทุกอย่างในปิ้งโจว ลิโป้ย่อมเข้าใจเรื่องนี้ดี และเขาจะต้องยึดกุมอำนาจจอมทัพเอาไว้ให้แน่น
จ้าวอู่เป็นหนึ่งในชาวบ้านที่อพยพมาจากลั่วหยาง แม้ว่าเขาจะเพิ่งเข้าร่วมกับกองทัพได้ไม่นาน แต่เขาก็มีประสบการณ์ในการเข้าร่วมมาแล้วหลายศึก ในตอนที่เกิดศึกปราบชนเผ่าซยงหนู ตอนนั้นเขายังเป็นเพียงพลทหารแห่งทัพใหม่ปิ้งโจว และเป็นเพราะเขาได้สู้รบอย่างกล้าหาญในการบุกโจมตีเขาคลื่นขาวของกัวไท่ เขาจึงได้รับการเลื่อนขั้นเป็นหัวหมู่ และหลังจากเฝ้าปกป้องด่านเยี่ยนเหมิน เขาก็ได้รับการเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าหน่วย และหลังจากติดตามลิโป้ไปรบในอิวจิ๋วครั้งนี้ เขาก็ได้เลื่อนขั้นเป็นนายกอง อันนับเป้นความเร็วในการเลื่อนขั้นที่หาได้ยากในกองทัพปิ้งโจว
ในกองทัพปิ้งโจว เมื่อมีตำแหน่งนายกองก็จะเริ่มมีสิทธิ์มีเสียงในกองทัพ สิ่งที่กองทัพปิ้งโจวให้การสนับสนุนก็คือ การรับฟังความเห็นจากหลายฝ่าย ดังเช่น นายกอง ซึ่งมีทหารใต้บัญชาจำนวนสามร้อยคน นับว่ามีตำแหน่งระดับกลางค่อนไปทางสูงของกองทัพ
การแข่งขันใหญ่คราวนี้ทำให้จ้าวอู่มองเห็นโอกาส พวกเพื่อนทหารมองว่าที่จ้าวอู่ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ก้เพราะเขาโชคดี ทว่าที่เขาพึ่งพาก็คือกำลังตน บิดาของเข้าอู่เคยเป็นทหารอยู่ในกองทัพที่ลั่วหยาง ทั้งยังมีฝีมือไม่ต่ำทราม ดังนั้นเขาจึงได้ฝึกฝนฝีมือตั้งแต่ยังเด็ก และหลังจากผ่านการออกรบอย่างต่อเนื่อง ฝีมือของเขาก้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว สำหรับการแข่งขันใหญ่คราวนี้ จ้าวอู่ได้เตรียมตัวมานานแล้ว นับตั้งแต่ที่ข่าวเรื่องการแข่งขันใหญ่ครั้งนี้ถูกเผยแพร่ออกมา เขาก็เริ่มเตรียมตัว เขาต้องการจะคว้าโอกาสนี้เอาไว้
ในกองทัพปิ้งโจวนี้ จ้าวอู่สามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างจากกองทัพอื่น แตกต่างจากกองทัพลั่วหยางที่บิดาเคยเล่าให้ฟังอย่างสิ้นเชิง เขาไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวของเขาให้ผู้ใดฟัง
การแข่งขันวิ่งทางไกลขณะแบกสัมภารหนักระยะทางยี่สิบลี้นั้นนับเป็นการฝึกที่ค่อนข้างสำคัญในกองทัพปิ้งโจว ยกตัวอย่างเช่น แม้ว่ากองทัพปิ้งโจวจะมีทหารม้ามากกว่ากองทัพอื่นๆ ทว่าก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนทหารทุกคนให้กลายเป็นทหารม้า นั่นเป็นค่าใช้จ่ายที่ปิ้งโจวไม่อาจแบกรับไหว ดังนั้นทหารราบจึงกลายเป็นกองกำลังหลักที่จะขาดไปไม่ได้
และความเชี่ยวชาญพิเศษของจ้าวอู่ก็อยู่ที่นี่เอง วิ่งแบกสัมภาระระยะทางยี่สิบลี้ สำหรับทหารคนอื่นๆแล้ว เมื่อพวกเขาล้มลง พวกเขาก็จะไม่ลุกขึ้นมาอีก เพราะน้ำหนักที่ทหารแต่ละคนต้องแบกเอาไว้นั้นมีน้ำหนักอย่างต่ำห้าสิบชั่ง[1]
[ 1 ชั่ง เท่ากับ ครึ่งกิโลกรัม หรือ 500 กรัม]
ทหารที่มีความคิดเช่นเดียวกับจ้าวอู่ก็มีจำนวนอยู่ไม่น้อย พวกเขายังไม่ต้องการย่ำอยู่กับที่ไปชั่วชีวิต เมื่อเป็นทหารที่ได้รับการคัดเลือกมาจากหน่วยต่างๆ พวกเขาย่อมเป็นทหารหัวกะทิ
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved