ตอนที่ 167 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

"น้องสาวข้ามีนิสัยดื้อรั้นมาตั้งแต่เด็ก หลังจากหารือเรื่องนี้กับนางแล้ว หากมีการตัดสินใจอย่างไรข้าน้อยจะแจ้งต่อใต้เท้ากุย" บิต๊กกล่าวอำลาก่อนจะขอตัวจากไป

เมื่อบิต๊กจากไปแล้ว ที่มุมปากของกุยแกก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น เขาย่อมมองความในใจของบิต๊กออก คำที่บอกว่าจะขอกลับไปหารือก่อนนั้น เป็นเพียงเพราะเขาต้องการจะชั่งน้ำหนักผลดีผลเสียอีกสักครั้ง ธรรมชาติของพ่อค้าที่แสวงหาผลกำไรนั้นจะไม่เปลี่ยนไป หากว่าการสนับสนุนเล่าปี่มีประโยชน์มากกว่า บิต๊กคงหันไปสนับสนุนเล่าปี่นานแล้ว

ภายในจวนเจ้าเมืองชีจิ๋ว โตเกี๋ยมเมื่อเห็นว่าเหล่าขุนนางชีจิ๋ว ลิโป้ และเล่าปี่มารวมกันแล้ว เขาก็กล่าวขึ้นอย่างยากลำบากว่า "เฒ่าชราผู้นี้อายุมากแล้ว ไม่เหลือเวลาพอจะหยุดยั้งโจโฉ ทำให้ราษฏรแห่งชีจิ๋วต้องเดือดร้อนอย่างสาหัส ข้าขอร้องต่อเสวียนเต๋อ โปรดช่วยข้าดูแลชีจิ๋วและพาชีจิ๋วให้รอดพ้นจากหายนะด้วยเถิด"

ลิโป้พลันรู้สึกว่าโตเกี๋ยมผู้นี้ช่างน่าเวทนานัก นึกไม่ถึงว่าเจ้าเมืองที่เคยสง่างามเยี่ยงเขาจะกลับกลายมีสภาพเช่นนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงก้าวเท้าออกไปกล่าวว่า "เสวียนเต๋อได้รับความเคารพเลื่อมใสจากราษฏร รักและห่วงใยราษฏรประดุจลูกหลาน หากเสวียนเต๋อได้ปกครองชีจิ๋ว จะต้องสามารถนำทัพต้านทานโจโฉได้แน่ แม้ว่าปิ้งโจวจะแร้นแค้น แต่ก็ยังมีไพร่พลนับหมื่นที่สามารถทำศึก หากโจโฉยังยืนกรานจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฏรต่อไป ปิ้งโจวจะไม่นิ่งเฉยดูดายแน่นอน"

เล่าปี่ส่งสายตาสำนึกขอบคุณให้กับลิโป้ มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจว่าลิโป้กำลังช่วยเหลือเขาอยู่ "ใต้เท้าโต ข้าน้อยไม่คู่ควรกับตำแหน่ง ชีจิ๋วยังต้องพึ่งพาใต้เท้า"

ลิโป้เหลือบมองเล่าปี่อย่างพูดไม่ออก บุรุษผู้นี้ดีไปซะทุกสิ่ง เว้นก็แต่ขาดความเด็ดขาด ประโยชน์ของการปกครองชีจิ๋วนั้นก็ชัดเจน แม้ว่าชีจิ๋วจะเป็นเมืองที่มีเขตแดนเชื่อมต่อกับเมืองอื่นถึงสี่ด้าน แต่ขอเพียงพัฒนาให้ดี แม้จะไม่ถึงกับเป็นเมืองอันดับหนึ่งในแดนดิน แต่จะต้องดีกว่าอำเภอเพงง๋วนก๊วนแน่นอน

"หากน้องเสวียนเต๋อไม่รับตำแหน่งและตราเจ้าเมืองไว้ เฒ่าชราผู้นี้ก็ยากจะตายตาหลับ" โตเกี๋ยมทอดถอนใจ

"ใต้เท้าโตยังมีบุตรชายอยู่ถึงสองคน ไฉนจึงไม่ส่งต่อตำแหน่งเจ้าเมืองให้เล่าขอรับ ข้าน้อยจะทุ่มเทความสามารถเพื่อช่วยเหลืออย่างแน่นอน" เล่าปี่กล่าว

"บุตรชายคนโต โตสง และบุตรชายคนรอง โตเอ๋ง ทั้งสองล้วนไม่มีความสามารถพอจะแบกรับหน้าที่นี้ หลังจากเฒ่าชราสิ้นบุญแล้ว หวังว่าหากมีเวลา น้องเสวียนเต๋อจะช่วยอบรมสั่งสอนบุตรชายทั้งสองของเฒ่าชราบ้าง ขอน้องเสวียนเต๋ออย่าได้ปฏิเสธอีกเลย"

"ข้าน้อยจะทำหน้าที่นี้ให้ดีขอรับ"

เมื่อเห็นว่าในที่สุดเล่าปี่ก็ยอมรับแล้ว โตเกี๋ยมก็เผยสีหน้ายินดี "มีบุคคลหนึ่งที่สามารถช่วยงานท่านได้ คนผู้นี้แซ่ซุน นามเขียน ชื่อรองกงโยว่ เป็นชาวเมืองปักไห่ จะเป็นที่ปรึกษาให้แก่ท่าน" จากนั้นจึงหันไปกล่าวต่อบิต๊ก "เล่าปี่นับเป็นวีรบุรุษในแผ่นดิน ท่านควรฝากตัวรับใช้"

เล่าปี่ไม่ได้ปฏิเสธ โตเกี๋ยมก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากกังวลเรื่องต่างๆมาหลายวัน เมื่อได้ผลลัพธ์ตามคาดหวัง ในที่สุดเขาก็โล่งใจได้เสียที โตเกี๋ยมถอนหายใจ จากนั้นภาพด้านหน้าก็พลันมืดลงและไม่รับรู้สิ่งใดอีก

แพทย์ที่อยู่ด้านข้างรีบเข้ามาอังจมูกของโตเกี๋ยมและพบว่าโตเกี๋ยมสิ้นลมแล้ว....

ได้ยินคำวินิจฉัย เล่าปี่ก็ทรุดตัวลงร้องไห้คร่ำครวญ

ตันเต๋งหยิบตราเจ้าเมืองจากบิต๊กและกล่าวว่า "ใต้เท้าโตมอบความไว้วางใจให้ท่านเล่าปี่ดูแลชีจิ๋ว หวังว่าท่านจะไม่ปฏิเสธ"

กวนอูและเตียวหุยที่ยืนอยู่ด้านหลังเล่าปี่เองก็ก้าวออกมากล่าวเกลี้ยกล่อม

เล่าปี่กลายเป็นผู้ปกครองแห่งชีจิ๋ว โดยมีซุนเขียนและตันเต๋งคอยเป็นผู้ช่วย สำหรับบิต๊กที่โตเกี๋ยมแนะนำก่อนตายนั้น เขาไม่ได้ใช้สอย เขาย่อมมองออกว่าบิต๊กและลิโป้นั้นมีการคบหากันอยู่ เอาไว้หลังจากตบแต่งน้องสาวของบิต๊กแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยแต่งตั้งก็ยังไม่สาย

ลิโป้พลันยินดีเมื่อเห็นว่าบิต๊กไม่ได้รับการใช้สอย ตัดสินจากบทสนทนาระหว่างบิต๊กและกุยแกก่อนหน้านี้แล้ว การเคลื่อนไหวของเล่าปี่ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาจะกันบิต๊กไว้นอกวง

วันรุ่งขึ้น ขณะที่จัดพิธีศพ เล่าปี่ก็หารือกับคนทั้งหมดเรื่องการรับมือโจโฉ

ลิโป้ทราบว่า ขงหยง จูล่ง และคนอื่นๆอยู่ที่เมืองเสียวพ่าย ลิโป้รู้สึกคันหัวใจยากจะเกา จูล่งเป็นขุนพลพยัคฆ์ ทั้งกล้าหาญและมีไหวพริบ เล่าปี่เองก็เก่งด้านเอาชนะใจคน หากว่าถูกเล่าปี่ล่อลวงไปคงแย่แน่ หากแต่สถานการณ์ของชีจิ๋วยามนี้กำลังคับขัน เขาจึงไม่อาจเดินทางไปยังเมืองเสียวพ่าย

คืนนั้น บิต๊กได้จัดงานเลี้ยงขึ้นที่จวนและได้เชิญลิโป้กับกุยแกไปร่วมงาน ทั้งสองแน่นอนว่าย่อมตอบรับด้วยความยินดี

หลังจากดื่มกินไปได้สักพัก บิต๊กก็ชูจอกสุราขึ้นพลางกล่าวว่า "ใต้เท้าลิเดินทางมายังชีจิ๋วโดยหวั่นเกรงภยันตราย บิต๊กขอแสดงความเลื่อมใสอีกครั้ง"

ลิโป้ยกจอกขึ้ชูก่อนจะดื่มลงไป จากนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า "จื่อจ้งอุทิศตัวเพื่อพัฒนาชีจิ๋วแท้ๆ น่าเสียดาย ครั้งนี้กลับไม่ได้รับการใช้สอย คาดว่าคงเพราะมีเรื่องกวนใจ เสวียนเต๋อจึงไม่ทันพิจารณาให้ดี"

บิต๊กเผยยิ้มขื่นขม ไม่ใช่ว่าเล่าปี่ไม่ทันฉุกคิด แต่เล่าปี่ไม่ไว้ใจเขาอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่โตเกี๋ยมกล่าวสั่งเสียก่อนตาย โตเกี๋ยมก็ได้บอกไว้แล้วว่าจะให้เขาและซุนเขียนคอยช่วยราชการเล่าปี่ มิคาด หลังโตเกี๋ยมตาย เล่าปี่ก็แต่งตั้งตันเต๋งเป็นผู้ช่วยทันที

"ใต้เท้า ข้าน้อยมีน้องสาวที่นิยมเลื่อมใสใต้เท้ายิ่งอยู่คนหนึ่ง ไม่ทราบสามารถให้นางออกมาคารวะใต้เท้าได้หรือไม่?" บิต๊กพลันกล่าวขึ้น หลังจากกลับมาครุ่นคิดดูแล้ว เขาก็ได้ปรึกษากับน้องชายของเขา บิฮอง และบิฮองก็ไม่ติดขัดอะไรหากตระกูลบิจะย้ายไปเข้าร่วมกับปิ้งโจว

ลิโป้เอ่ยถามด้วยความสนใจ "มีเรื่องเช่นนี้ด้วย?" หากแต่ในใจของเขารู้สึกพึงพอใจไม่น้อย ดูเหมือนความหล่อเหลาของเขาจะส่งผลออกมาแล้ว มาถึงชีจิ๋วได้ไม่ทันไรก็มีหญิงสาวมาปลื้มเขาแล้ว

"ขอรับ" บิต๊กตอบ

"ไม่กระทันหันไปหน่อยหรือ?" ลิโป้หันไปเอ่ยถามกุยแก

กุยแกยิ้มพลางกล่าวว่า "ไม่กระทันหันหรอกขอรับ บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องดี"

ลิโป้รู้สึกพูดไม่ออก ไม่ใช่ว่าชายหญิงออกมาพบปะกันเป็นเรื่องไม่ดีหรอกหรือ? ว่ากันว่าสตรีในยุคนี้น้อยครั้งที่จะเผยตัวสู่สาธารณะ ดังนั้นจึงยากอย่างยิ่งที่จะได้พบเจอสาวงามตามท้องถนน

ภายใต้การร้องขอหลายต่อหลายครั้งของบิต๊ก ลิโป้ก็ไม่อาจปฏิเสธได้อีก ดังนั้นจึงได้แต่ติดตามบิต๊กไปยังสวนหลัง

ระหว่างทาง ลิโป้ก็พลันนึกขึ้นได้ว่าเล่าปี่นั้นได้ตบแต่งน้องสาวของบิต๊กมาเป็นอนุภรรยา ทว่าการมาของเขาได้ทำให้เรื่องราวเกิดการเปลี่ยนแปลง หากว่าบิต๊กเข้าร่วมกับปิ้งโจว เช่นนั้นบิต๊กจะต้องไม่ให้น้องสาวของตนแต่งงานกับเล่าปี่แน่นอน หากเป็นเช่นนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับเล่าเสี้ยน? เล่าเสี้ยนยังจะรอดหรือไม่? ทันใดนั้น ลิโป้ก็รู้สึกว่าเรื่องราวต่างๆเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง บางที นับตั้งแต่ที่เขายกทัพเข้าสู่ปิ้งโจว สถานการณ์ต่างๆก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่รู้ตัว ทุกสิ่งทุกอย่างเบี่ยงเบนไปจากวิถีที่ควรจะเป็นและพัฒนาไปในทิศทางที่ไม่อาจคาดเดา

บิเจินที่อยู่ภายในห้องนอนรู้สึกประหม่าไม่น้อย สีหน้าของนางยังเปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆ เมื่อนึกถึงบุรุษที่ตนเองกำลังจะได้พบ นางก็รู้สึกทั้งกลัวและสนใจ แม้ยามปกตินางจะมีนิสัยดื้อรั้นอยู่บ้าง แต่เมื่อพบเจอเรื่องใหญ่เช่นนี้ นางก็ยังเชื่อฟังพี่ใหญ่ของนาง

เมื่อเดินทางถึงนอกที่พักของบิเจิน บิต๊กก็กระแอมไอขึ้นเบาๆ ก่อนจะกล่าวว่า "ใต้เท้าโปรดรอสักครู่ น้องสาวของข้าน้อยอยู่ภายในนี้ขอรับ"

เมื่อบิเจินได้ยินความเคลื่อนไหวที่ด้านนอก นางก็ทราบว่าเจ้าเมืองปิ้งโจวมาถึงแล้ว นางเปิดประตูเดินออกมาก่อนจะย่อกายคำนับให้ลิโป้อย่างอ่อนช้อย "หนูเจีย[1] บิเจิน คารวะใต้เท้าค่ะ"

[1 คำเรียกแทนตัวของหญิงสาว]

ลิโป้ชะงักนิ่งไปชั่วขณะ คงไม่เกินไปหากจะบรรยายว่ารูปโฉมของบิเจินนั้นเรียกได้ว่าเป็นยอดหญิงงามเมือง นัยน์ตาที่ใสกระจ่าง ซี่ฟันขาวประดุจมุก ผิวกายที่ขาวเนียนราวหิมะ น้ำเสียงที่สดใสราวกับนกกระจิบเหลือง ทรวดทรงองค์เอวก็โค้งเว้าอย่างสมบูรณ์ ขณะที่มองดูบิเจิน ลิโป้ก็เกิดความสงสัยอย่างรุนแรงว่าบิต๊กและบิเจินนั้นเป็นพี่น้องกันจริงหรือไม่

"อา เชิญลุกขึ้น เชิญลุกขึ้น" ลิโป้รีบกล่าว ถึงอย่างไรเขาก็เคยพบพานยอดหญิงงานอย่างเตียวเสี้ยนและซัวเอี๋ยมมาแล้ว แม้ว่าบิเจินจะงดงามยิ่ง แต่เมื่อเทียบกับเตียวเสี้ยนแล้วก็ยังคงขาดเสน่ห์อันอ่อนหวาน เมื่อเทียบกับซัวเอี๋ยมก็ยังขาดเสน่ห์ของความเป็นผู้ใหญ่

ด้วยใบหน้าที่ขึ้นสี บิเจินก็ลอบชำเลืองมองลิโป้เงียบๆ ทันใดนั้นจิตใจของนางก็บังเกิดความปั่นป่วนขึ้นมา รูปลักษณ์ของลิโป้นับว่าโดดเด่นอย่างหาได้ยาก เดิมที บิเจินคิดว่าเจ้าเมืองปิ้งโจวผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง อย่างน้อยก็ต้องมีอายุอยู่ในช่วงสี่ห้าสิบปี นางคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะยังหนุ่มถึงเพียงนี้ นางทราบว่าตนเองไม่อาจหลีกเลี่ยงการแต่งงานครั้งนี้ ดังนั้นจึงต้องการจะพบหน้าลิโป้สักครั้งเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้