ตอนที่ 211 - เกิดใหม่เป็นลิโป้

ผู้ที่เกิดในครอบครัวเล็กๆแล้วสามารถไต่เต้าจนสามารถปกครองมณฑลหนึ่งได้ มีหรือที่จะเป็นคนธรรมดา?

หากว่าลิโป้ไร้ความสามารถจริงๆ มีหรือที่ซัวหยงจะยอมรั้งอยู่ในปิ้งโจวทั้งยังยอมรับลิโป้เป็นศิษย์? ด้วยชื่อเสียงของซัวหยงแล้ว ไม่ว่าย้ายไปที่เมืองใดจะต้องได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีแน่นอน ดังนั้นคำเล่าลือที่ว่าซัวหยงถูกบังคับให้อยู่ที่ปิ้งโจวนั้นจึงไร้สาระทั้งเพ หากว่าซัวหยงยืนกรานจะจากไปจริงๆ มีหรือที่ลิโป้จะสามารถฉุดรั้งเอาไว้ได้?

กระดาษจิ้นเอย สุราจิ้นเอย รวมถึงม้าศึก สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นหลังจากที่ลิโป้ได้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองปิ้งโจว ปิ้งโจวสามารถใช้สิ่งเหล่านี้ในการแสวงหากำไรได้อย่างมหาศาล และจากรายงานของไส้ศึกแล้ว ชาวเมืองให้ความเคารพยกย่องลิโป้เป็นอันมาก แม้ว่าเหล่าตระกูลใหญ่จะถูกจำกัดสิทธิ์ลงไปมาก แต่เหล่าตระกูลที่เหลืออยู่ก็ยังเต็มใจที่จะอยู่ในปิ้งโจวต่อไป เพราะที่ปิ้งโจวนั้นมีนโยบายที่เอื้อต่อพ่อค้ามากที่สุด

บรรดาเจ้าเมืองย่อมทราบดีว่าไม่อาจมองข้ามอิทธิพลของพวกพ่อค้าได้ หลายสิ่งหลายอย่างที่เหล่าเจา้เมืองต้องการก็ล้วนมาจากมือของพวกพ่อค้าทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่น ม้าศึก หากไม่มีพ่อค้าคนใดเต็มจะจัดหาม้าศึกมาขายให้ เช่นนั้นพวกเจ้าเมืองก็ต้องยอมจ่ายในราคาที่สูงกว่าเดิมมากเพื่อให้ได้มา และม้าศึกเหล่านี้ก็สามารถจัดหาได้จากปิ้งโจว

"ไฉนใต้เท้าเตียนจึงถอนใจหายเช่นนั้น? เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านคิดว่ากองทัพกิจิ๋วเราจะไม่อาจเอาชนะทหารม้าขาวได้?" เขาฮิวรีบกล่าวขึ้น

"ใต้เท้าเขาล้อเล่นแล้ว ใต้เท้าเตียนเพียงกังวลเกี่ยวกับกองทัพปิ้งโจว" จอสิวรีบตอบแทน

"ใต้เท้าเตียนมากความสามารถ หากท่านเต็มใจจะไปเจรจากับทัพปิ้งโจว ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องสามารถโน้วน้าวให้กองทัพปิ้งโจวไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวได้อย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนั้นการจะเอาชนะกองซุนจ้านก็จะยิ่งง่ายดายขึ้น" เขาฮิวยิ้มกล่าว

เมื่อได้ยินคำพูดของเขาฮิว อ้วนเสี้ยวก็ตาเป็นประกาย เตียนห้องกล้ากระทั่งเดินทางไปเจรจากับเตียวเอี๋ยนแห่งภูเขาดำ หากเขาสามารถโน้มน้าวให้ลิโป้อยู่เฉยได้ ด้วยการสนับสนุนจากเหยียนโร่ว การจะเอาชนะกองซุนจ้านก็จะไม่ยากแล้ว "หยวนเฮ่า ท่านเต็มใจจะเดินทางไปที่กองทัพปิ้งโจวหรือไม่? ขอเพียงสามารถเกลี้ยกล่อมให้ลิโป้ไม่มาโจมตีทัพเราได้ ก็จะถือว่าสร้างผลงานใหญ่ แน่นอน เมืองไต้จิ๋วและซ่างกู่ ข้าเต็มใจยกให้ลิโป้"

เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้ เตียนห้องก็ได้แต่กุมมือรับคำ

ในดวงตาของเขาฮิวมีร่องรอยของความเย้ยหยันปรากฏขึ้น เขาหวังจริงๆว่าเมื่อเตียนห้องไปถึงทัพปิ้งโจวแล้วจะกล่าวล่วงเกินลิโป้ จนถูกลิโป้จับขังไว้หรือไม่ก็สังหารทิ้งไป

ซ่างกู่และไต้จิ๋วนั้นเป็นเป้าหมายในการรุกรานของพวกเซียนเป่ยมาโดยตลอด ด้วยเพราะมีกำลังทหารเข้มแข็ง ทั้งสองเมืองจึงไม่ได้ให้ความสนใจต่อคำสั่งจากจวนเจ้าเมืองสักเท่าใด สำหรับกองซุนจ้านที่ตั้งตัวเองเป็นเจ้าเมืองและสั่งให้ทั้งสองเมืองยอมอยู่ใต้คำสั่งของปิ้งโจวนั้น หยิ่นสงเจ้าเมืองซ่างกู่หาได้เก็บมาใส่ใจไม่ แม้ว่าลิโป้จะเคยเอาชนะพวกเซียนเป่ยได้ แต่เขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจต่อลิโป้นัก เพราะถึงแม้ว่าพวกเซียนเป่ยจะแข็งแกร่ง แต่ขอเพียงตั้งมั่นอยู่ภายในเมืองไว้ก็สามารถต้านทานได้แล้ว ในความคิดของเขา ลิโป้เพียงแค่โชคดีเท่านั้น สำหรับชื่อเสียงในด้านการรบของลิโป้ เขาเพียงพ่นลมอย่างดูแคลน

นอกจากนี้ เมืองทั้งสองรวมกันยังมีกำลังทหารกว่าสามหมื่นคน ขอที่ลิโป้มีทหารเพียงหมื่นเศษเท่านั้น เนื่องเพราะต้องต่อสู้กับพวกเซียนเป่ยตลอดทั้งปี ทหารของทั้งสองเมืองจึงเก่งกาจในการรบ

หยิ่นสง เจ้าเมืองซ่างกู่ รู้สึกรังเกียจลิโป้ยิ่ง หยิ่นสงนั้นฝึกการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ตอนที่เกิดกบฏโจรโพกผ้าเหลืองเขาก็ออกมาร่วมปราบปรามด้วย ภายหลังเขาได้ปกป้องเมืองซ่างกู่จนได้รับความดีความชอบมาเรื่อยๆ สุดจึงได้ขึ้นเป็นเจ้าเมือง เขามั่นใจว่าตนเองแตกฉานในพิชัยยุทธ์ไม่แพ้ผู้ใด เพียงแค่ไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือเท่านั้น เขารู้สึกไม่ถูกชะตากับลิโป้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร บ่อยครั้งยังมักจะเยาะเย้ยลิโป้ต่อหน้าผู้ใต้บัญชา ในเมื่อครั้งนี้ลิโป้มาแล้ว เช่นนั้นก็ให้เขาได้รับทราบว่าผู้ใดคือยอดขุนพลแห่งแผ่นดินเถอะ

แน่นอน ฝีมือการต่อสู้ของหยิ่นสงเองก็มีฝีมือพอตัว เมื่อใดก็ตามที่พวกเซียนเป่ยบุกมาโจมตี เขาก็จะนำทัพออกไปต่อสู้ด้วยตัวเอง สร้างชื่อเสียงบารมีไว้มากมาย ในเมืองซ่างกู่แห่งนี้ไม่มีผู้ใดเทียบกับเขาได้ แม้แต่พวกขุนนางใต้บัญชาก็ยังไม่กล้าละเมิดคำสั่งของเขา

ตรงกันข้ามกันตันเทียน เจ้าเมืองไต้จิ๋ว เขาพิจารณาสิ่งต่างๆได้ทะลุปรุโปร่งมากกว่า ชาวเซียนเป่ยก่อกรรมทำเข็ญมานานหลายปี ตันเทียนเฝ้ารักษาเมืองไต้จิ๋วด้วยความกังวลมาโดยตลอด แม้ว่าเขาจะสามารถขับไล่พวกเซียนเป่ยกลับไปได้ แต่เขาก็ทราบดีว่าสักวันหนึ่ง กองทัพของเซียนเป๋ยที่มาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เวลานี้แผ่นดินต้าฮั่นกำลังวุ่นวาย ราชสำนักเสื่อมโทรมถึงขีดสุด แม้แต่พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ยังสวรรคตในความวุ่นวาย เล่าหงีที่มีโอกาสจะได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้มากที่สุดก็มาถูกกองซุนจ้านสังหาร พื้นที่แถบชายแดนก็วุ่นวายยิ่งกว่าเดิม

ตันเทียนบริหารจัดการเมืองได้เป็นอย่างดี แม้ว่าเมืองไต้จิ๋วจะถูกพวกเซียนเป่ยเข้ารุกรานอยู่เป็นประจำ แต่ภายใต้การบริหารจัดการของตันเทียน อัตราการเกิดอาชญากรรมก็ลดลง เขาน้อยครั้งจะร้องขอเสบียงอาหารและเงินสนับสนุนจากจวนเจ้าเมือง ในใจเขา เขาค่อนข้างโน้มเอียงไปทางลิโป้มากกว่า เพราะลิโป้ไม่เป็นที่ต้อนรับของเหล่าตระกูลใหญ่ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ตระกูลตันของเขาจะเติบโตขึ้น ก่อนหน้านี้เขาได้ศึกษานิสัยใจคอของลิโป้อย่างจริงจัง แล้วเขาก็พบว่าลิโป้นั้นไม่ได้เรียบง่ายดังที่ผู้คนคิด ปราบปรามซยงหนู เปลี่ยนถ่ายเลือดใหม่ให้เมืองจิ้นหยาง เพียงสองเรื่องนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้แล้ว

ตันเทียนเป็นขุนนางชั้นสูง รับราชการมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเลนเต้ หลังจากที่ตันต๋ำถูกสิบขันทีใส่ร้ายจนต้องถูกคุมขังและถูกลอบสังหารตายในคุก ในช่วงที่เขาถูกคุมขัง ตันต๋ำก็เห็นท่าไม่ดี ดังนั้นเมื่อได้พบตันเทียนก่อนตาย เขาจึงได้บอกไว้ว่าหากปล่อยให้สิบขันทียังคงเรืองอำนาจอยู่เช่นนี้ต่อไป แผ่นดินจะต้องวุ่นวายอย่างแน่นอน เมื่อถึงยามนั้น จงมองหาเจ้านายที่ปราดเปรื่อง ช่วยเหลือเขาปราบปรามความไม่สงบในแผ่นดินและกอบกู้ราชวงศ์ฮั่นขึ้นมาใหม่

ความตายของบิดาทำให้ความจงรักภักดีที่มีต่อราชวงศ์ฮั่นเสื่อมถอยลง ตันต๋ำย่อมคาดคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่เขาถูกใส่ร้ายจนตายไปแล้ว พวกสิบขันทีจะไม่ยอมปล่อยตระกูลตันไป ตระกูลตันถูกทำลายลง นั่นทำให้ตันเทียนเคียดแค้นถึงขีดสุด เขากระทั่งทราบด้วยว่าเหตุใดเตียวเหยียงถึงต้องการให้บิดาของเขาตายโดยเร็ว ในเรื่องนี้นับเป็นความลับอันยิ่งใหญ่เรื่องหนึ่ง

หลังจากที่เปลี่ยนชื่อแซ่เป็นตันเทียนและค่อยๆไต่เต้าจนกลายเป็นเจ้าเมืองไต้จิ๋วได้ สายตาของเขาย่อมกว้างไกลกว่าเดิม ตอนที่ลิโป้นำทัพผ่านอิวจิ๋วไปทำศึกกับพวกเซียนเป่ย ตอนนั้นเองที่สายตาของตันเทียนเบนมามองลิโป้

หลังจากที่ได้รับจดหมายจากหยิ่นสง เมื่ออ่านจนจบแล้ว เขาก็โยนจดหมายทิ้งทันที การเลือกต่อสู้กับกองทัพปิ้งโจวนั้นมีเพียงแค่คนหุนหันพลันแล่นอย่างหยิ่งสงเท่านั้นที่จะทำ อย่าได้เห็นว่าทัพปิ้งโจวมีกำลังทหารเพียงหมื่นกว่าคน ขณะที่เมืองซ่างกู่มีกำลังคนมากกว่า เพราะหากเกิดการต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าหยิ่นสงคงต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนักหน่วง เพราะไม่ว่าอย่่างไร ลิโป้ก็เป็นถึงแม่ทัพที่แม้แต่ผู้ที่กุมอำนาจทั้งแผ่นดินเอาไว้อย่างตั๋งโต๊ะก็ยังต้องกริ่งเกรง

ตันเทียนไม่ได้คิดที่จะเข้าสวามิภักดิ์ต่อลิโป้ตรงๆ เขาต้องการจะชมดูด้วยตาตนเองว่ากองทัพปิ้งโจวนั้นเก่งกาจสมคำร่ำลือหรือไม่ และผู้ที่จะมารับบทผู้ทดสอบให้นั้น หยิ่นสงคือตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ตันเทียนพอจะทราบความแข็งแกร่งของหยิ่นสงอยู่บ้าง กล่าวได้ว่าหยิ่นสงเองก็เป็นแม่ทัพที่มีจัดจ้านคนหนึ่ง หากทัพปิ้งโจวสามารถเอาชนะเขาได้ เช่นนั้นความประทับใจของเขาที่มีต่อลิโป้ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น

อันที่จริง ก่อนหน้าที่เขาจะได้ยินชื่อเสียงของลิโป้ จิตใจของเขาโน้มเอียงไปทางอ้วนเสี้ยวมากกว่า ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นตระกูลขุนนางใหญ่ และอ้วนเสี้ยวเองก็ปฏิบัติต่อขุนนางที่เข้าร่วมกับเขาด้วยดี

คำตอบจากตันเทียนทำให้หยิ่นสงหงุดหงิดยิ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาทั้งสองติดต่อร่วมมือกัน ถึงอย่างไรพวกเขาต่างก็มีศัตรูคือพวกเซียนเป่ยเหมือนกัน ดังนั้นทั้งสองเมืองจึงมักจะคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันอยู่บ่อยครั้ง ทำให้มีสัมพันธ์ต่อกันไม่เลว มิคาด ตันเทียนกลับเลือกที่จะถอยออกไปดูอยู่นอกวงเสียอย่างนั้น

"ฮึ่ม เช่นนั้นข้าก็จะทำให้ตันเทียนได้เห็น ว่าลิโป้แท้จริงแล้วก็ไม่ได้เก่งกาจเหมือนในคำกล่าวอ้าง" หยิ่นสงแค่นเสียงเย็น

"เอาพู่กันมา ข้าจะส่งสารท้ารบกับทัพปิ้งโจว"

สารท้ารบคือหมายนัดทำศึกระหว่างสองทัพ ในยุคสงครามเย็นนี้ เมื่อสองทัพต้องการจะทำศึก ในบางกรณีพวกเขาก็จะมีการกำหนดนัดหมาย วัน เวลา และสถานที่เพื่อทำศึกชี้ชะตา ส่วนใหญ่มักใช้ในกรณีที่ทั้งสองฝ่ายมีจำนวนทหารใกล้เคียงกัน ดังเช่นตอนที่โจโฉบุกโจมตีชีจิ๋ว ยามนั้นสองฝ่ายมีกำลังต่างกันมาก ต่อให้โจโฉส่งสารท้ารบ ฝ่ายชีจิ๋วก้คงไม่ตอบรับแน่นอน

นี่ยังเป็นวิธีการตัดสินที่รวดเร็วที่สุดระหว่างสองฝ่าย เพราะสงครามระยะยาวนั้นต้องสิ้นเปลืองทั้งเสบียงและเงินทอง ดังนั้นจึงได้มีการคิดค้นวิธีการนี้ขึ้นมา